Education Unlimited

 
Other things
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus.
Other things
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus.
Other things
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus.
Other things
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus.
Other things
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus.
WEB 3.0
Monday, September 24, 2007
WEB 3.0


ตอนแรกเริ่มสอนนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่คณะครุศาสตร์ลาดกระบังและที่อื่นๆ ในวิชา “การหาความรู้” หรือที่เคยเรียกว่า วิชาอ่านออกเขียนได้ ผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet literacy) ไว้เกือบ 10 ปีที่แล้ว ในหลักสูตรจะเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวข้องกับ Search engine หรือ tools บางตัวที่จำเป็นบนอินเทอร์เน็ต เช่น email , blog ฯลฯ สอนวิธีการสืบค้นด้วย Search engine ชนิดต่างๆ รวมถึงบอก URL ที่จำเป็นกับวิชาชีพ เช่น ครูช่างก็จะเป็น HOWSTUFFWORKS.COM หรือทางเทคโนโลยีการศึกษา เช่น AECT.ORG, ERIC.ED.GOV ฯลฯ
ลูกศิษย์ที่มีความสามารถในการเขียน WEB ด้วยโปรแกรมต่างๆ จะดูว่ามีลักษณะโดดเด่น เพราะรู้ภาษาโปรแกรม เช่น Flash , html, SQL, หรือ Web, Web Authoring เช่น Dreamweavers ฯลฯ
อยู่มาวันหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้ทดลองใช้ Web log ของ Google โดยบังเอิญ พบว่ามี features ที่พอใช้การเพื่อการสื่อสารในรายวิชาได้อย่างสบายๆ จึงนำมาเผยแพร่กับลูกศิษย์อย่างกว้างขวางเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้น Google และ yahoo ก็แข่งขันการนำเสนอ Technology ใหม่ ออกมาทำให้การสอนสนุกยิ่งขึ้น
ยิ่งมาพบ WIKIPEDIA ยิ่งตื่นเต้นเพราะมีลักษณะเป็นสารานุกรมแบบเปิด และได้พบความรู้ใหม่ๆ มากมายบนนี้ทุกวัน และได้พบว่ามีผู้คิด Web แบบ 3 มิติ คือ Secondlife เมื่อปีเศษที่ผ่านมาแรกๆ ดูแล้วเหมือนพวกผีบ้า (ขออนุญาตพูดคำจากใจจริง) ที่เข้าไปเล่นขายของกันอยู่ได้ เหมือนเกมที่เด็กๆ เล่นเสียเวลาเปล่า ต่อมาพบว่าพวกนี้ขายของกันจริงๆ มีเงินหมุนเวียนเป็นล้านๆเหรียญสหรัฐ ต่อวัน มีคนร่ำรวยจากการไปซื้อขายที่ดิน, บ้านที่อยู่อาศัยมากมาย ฯลฯ
และที่น่าทึ่ง คือ มหาวิทยาลัยยอดนิยมของโลก ได้เข้าไปเช่าพื้นที่ ทำเป็นห้องเรียนเสมือนโดยสอนด้วยภาพ 3D ผู้เรียนต้องลงทะเบียนและสร้างหุ่นยนต์ของตนเองเข้าไปเรียน เหลือเชื่อจริงๆ เช่น Havard OPEN University ของอังกฤษ , Stanford , Pepperdine, Rice Ohio University ,Ball State University…..
มีการกล่าวขวัญถึงวิวัฒนการของ Web ว่ายุคแรกๆ เป็น Web1.0 ต่อมาเป็น Web 2.0 และแบบ Web 3.0 ซึ่งยังไม่มีคนเขียนเป็นภาษาไทย จึงขอขยายความจาก WIKIPEDIA ให้ได้อ่านกันดังนี้




Web 3.0
คุณลักษณะ
1. การปรับเปลี่ยนให้ Web เป็นฐานข้อมูล
2. สามารถใช้ Browser หลากหลายเพื่อเข้าถึงสาระต่างๆ
3. นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้มากขึ้น
4. มีลักษณะเป็น Semantic Web สัญลักษณ์แสดงเป็นความหมาย
5. มีลักษณะเป็น Geospatial Web –แสดง ลักษณะพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
6. มีลักษณะเป็น 3 มิติ
Jeffrey Zeldman เขียนถึง Web 2.0 และเทคโนโลยีเกี่ยวข้องกันคือ Ajax ใน Blog ช่วงต้นปี 2006 และกล่าวคือ Web 3.0 ไว้อย่างชัดเจน
เดือนพฤษภาคม 2006 Tim Berners – Lee กล่าวไว้ว่า
Web 3.0 เปรียบเสมียนการเข้าถึงแหล่งข้อมูลขนาดมหึมา โดยการใช้เว็คเตอร์กราฟฟิกส์เพื่อสำรวจสิ่งต่างๆ ที่ดูเลือนลาง ขาด ๆ เกินๆ ของ Web 2.0 เพื่อการเข้าถึง Web ที่มีความหมายเชิงบูรณาการที่มีข้อมูลขนาดมหึมา

Jerry Yang CEO ของ Yahoo กล่าวว่า
Web 2.0 มีการจัดวางรูปแบบอย่างดีเป็นที่รู้จักแพร่หลาย สามารถใช้งานในระดับเครือข่ายได้อย่างดี ใน 4 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเทคโนโลยีที่มีสมรรถนะในการปฏิสัมพันธ์กับระบบเครือข่ายได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ Hard Ware เช่น เครื่องเล่นเกม หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ และหมายถึงซอฟต์แวร์ด้วย ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จึงจะสร้างโปรแกรมเป็น ทุกคนจะมีส่วนสร้างสรรค์ การประยุกต์ใช้งานเครือข่าย เพื่อธุรกิจร่วมกัน

Reed Hastings ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Netflix กล่าวง่าย ๆ ว่า
Web 1.0 เป็นการหมุนโทรศัพท์ด้วยแบนด์วิชขนาด 50k, Web 2.0 ,ค่าแบนด์วิชเฉลี่ยราว 1 Mb และ Web 3.0 จะเป็น 10 เมกกะบิต ซึ่งรองรับการเป็น Web รูปภาพได้เต็มรูปแบบ

นวัตกรรมเกี่ยวกับ Web 3.0

1.การประยุกต์ใช้ Web – based และ เดสก์ทอปส์
2.บริษัทต่างๆ นำเทคโนโลยีของ Web 3.0 เช่น ซอฟต์แวร์ฉลาด(intelligent software) ซึ่งใช้ข้อมูลสัญลักษณ์เชิงความหมาย (Semantic Data) เพื่อให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันมีการนำเทคโนโลยีของ Semantic Web มาใช้อย่างแพร่หลายกว้างขวางยิ่งขึ้น บริษัทที่เป็นผู้นำด้านนี้ได้รับการกล่าวถึงในเรื่องต่างๆใน ช่วงปี 2006-2007 เช่น Garlik, Metaweb, Radar Network และ Powerset เป็นต้น
ข้อควรปภิปรายเกี่ยวกับ Web 3.0
เพื่อให้ได้นิยามและความหมายที่เหมาะสมของ Web 3.0 ยิ่งขึ้นจึงขอนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้

1. การปรับเปลี่ยน Web ให้เป็นฐานข้อมูล
ก้าวแรกของการมุ่งสู่ Web 3.0 คือการกำเนิดขึ้นของ “เว็บข้อมูล” โดยการตีพิมพ์ข้อมูลที่มีลักษณะโครงสร้าง เพื่อการนำเข้าถึงและนำไปใช้งานได้หลายๆ ครั้งในรูปแบบต่างๆ เช่น XML, RDF และไมโครฟอร์มแมทส์ ต่อมามีการใช้เทคโนโลยี SPARQL เพื่อเป็นภาษามาตรฐานในการขอเข้าถึงข้อมูล และ API เพื่อการสืบค้นฐานข้อมูล RDF ที่อยู่บนที่ต่างๆ ของ Web
เว็บข้อมูลที่กล่าวถึงนี้ ช่วยให้มีการบูรณาการข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ สามารถประยุกต์ใช้ได้บนฐานปฏิบัติการหลากหลายรูปแบบ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเปิดเผยง่ายดาย มีการเชื่อมต่อข้อมูลคล้ายๆ กับเว็บ วัตถุประสงค์ของเว็บข้อมูลคือก้าวแรกที่จะนำไปสู่เว็บสัญลักษณ์เชิงความหมาย ( Semantic Web) เต็มรูปแบบ หลักการแท้จริงของเว็บข้อมูล คือการจัดโครงสร้างของข้อมูล เพื่อการเข้าถึงด้วยการใช้ RDF (Resource Description Framework (W3C) หรือกรอบพรรณนาของแหล่งทรัพยากร
สำหรับ Semantic Web เต็มรูปแบบจะครอบคลุมถึงข้อมูลที่มีการจัดโครงสร้างหรือข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างแน่นอน หรือมีโครงสร้างบางส่วน หรือสาระกึ่งโครงสร้าง (เช่น เว็บเพจ, เอกสาร ฯลฯ) ก็จะสามารถเข้าถึงได้ด้วย RDF และ OWL (Web Ontology Language) (รูปแบบความหมายของภาษาของเว็บ)
2. การวิวัฒนาการไปสู่ปัญญาประดิษฐ์(artificial intelligence)
Web 3.0 ได้นำวิธีการที่มีวิวัฒนาการไปสู่เว็บเชิงปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีลักษณะกึ่งมนุษย์ (Quasi-human fasion) ทำให้เกิดข้อกังขาว่าสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์แท้จริงหรือมีวิสัยทัศน์ที่เป็นจริงที่ยอมรับได้หรือไม่ บริษัท IBM และ Google ได้นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้พยากรณ์ (ด้วย Web) โดยการไปสำรวจตรวจค้น (Mining) เพลงจากเว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น การพยากรณ์ เพลงยอดนิยม เป็นต้น
ข้อถกเถียงประเด็นต่อไปคือ Web 3.0 มีแรงขับเคลื่อนจากระบบการใช้ปัญญาหรือว่าปัญญาหรือความฉลาด เกิดขึ้นจากระบบปัญญาของมนุษย์เอง เช่น เกิดจากระบบการกลั่นกรองความร่วมมือของ Del.icio.us, Flikr และ Digg ซึ่งทำหน้าที่ กลั่นความหมายและคำสั่งจากเว็บที่มีอยู่แล้วและวิธีการที่มนุษย์ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้

3. การตระหนักรู้เกี่ยวกับ Semantic Web และ SOA (Service Orinted Architecture)
นอกจากการมุ่งไปสู่ความเป็นปัญญาประดิษฐ์แล้ว Web 3.0 ควรเน้นและขยายขอบเขตการเป็น Semantic Web ด้วย ขณะนี้กำลังมีการวิจัยซอฟต์แวร์ที่สามารถคิดหาเหตุผลได้เอง โดยใช้ตรรกเชิงพรรณนา และตัวแทนทางปัญญา เมื่อนำมาใช้งานสามารถคิดหาเหตุผลโดยใช้กฎที่วางไว้ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแนวความคิดและข้อมูลบนเว็บได้
4. วิวัฒนาการสู่เว็บ 3 มิติ
การดำเนินงานของเว็บ 3.0 ให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ ได้รับการสนับสนุน โดยความร่วมมือ เพื่อผลประโยชน์ของเว็บ 3D (Web 3D Consortion) เช่น การปรับเปลี่ยนรูปร่าง ของเว็บให้มีลักษณะเป็นพื้นที่ของ วัตถุ 3 มิติ เช่น Second Life, There ฯ. ทั้งนี้ เพื่อเปิดพื้นที่ 3 มิติ ให้ผู้คนได้เข้ามาร่วมมือกันทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
5. ข้อเสนอเพื่อให้นิยามของ Web 3.0 กว้างขวางยิ่งขึ้น
ต่อมา Nova Spivack ได้เสนอให้นิยามของ Web 3.0 ให้กว้างขวางครอบคลุมเทคโนโลยีตามแนวโน้มใหม่ๆ ซึ่งพร้อมจะนำมาใช้งานได้ทันที เช่น
ก. การเชื่อมต่อที่มีอยู่ทั่วไป เช่น บอร์ดแบนด์, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่และอุปกรณ์เคลื่อนที่
ข. เครือข่ายคอมพิวเตอร์, โมเดลของการให้บริการซอฟต์แวร์ในธุรกิจ, การให้บริการเว็บบนฐานปฏิบัติการเชิงพหุ(interoperability), การให้บริการคอมพิวเตอร์เชิงขยาย, กริดคอมพิวติ้ง, และคลาวด์คอมพิวติ้ง
ค. เทคโนโลยีระบบเปิด API (Application Interface Program) และภาษาโปรโตคอลระบบเปิด, รูปแบบข้อมูลแบบเปิด แพลทฟอร์มซอฟต์แวร์ระบบเปิดและข้อมูลระบบเปิด (เช่น Creative Commons, Open Data License)
ง. การระบุเอกลักษณ์แบบเปิด (Open Identity) เช่น Open ID, การเปิดเผยชื่อเสียง, เปิดเผยเอกลักษณ์การใช้งานข้ามเขตแบบพกพาและข้อมูลส่วนบุคคล
ฉ. เว็บเชิงปัญญา (Intelligent Web) โดยใช้เทคโนโลยีของเว็บสื่อความหมาย (Semantic Web) เช่น RDF ((Resource Description Framework), OWL (Web Oriented Language), SWRL (Semantic Web Rule Language), SPARQL (Simple Protocol RDF query Language) แพลทฟอร์มการใช้งานแบบมีความหมาย, และการจัดเก็บข้อมูลลักษณะแถลงการณ์ ฯลฯ
ช. ฐานข้อมูลลักษณะกระจาย (World Wide Database) โดยใช้เทคโนโลยีเว็บสื่อความหมาย
ซ. การประยุกต์เชิงปัญญา เช่น การประมวลผลภาษาตามธรรมชาติ, การหาเหตุผลด้วยเครื่อง, การเป็นตัวแทนแบบอัตโนมัติ

ขอขอบคุณ Google Blog ซึ่งเป็น WEB 2.0 ที่ให้ใช้พื้นที่เขียนถึง WEB 3.0
รศ.ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์

อ่านเพิ่มเติมจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Web_3.0 ( 24 september 2007)
posted by Dr.Supit @ 12:45 AM  
0 Comments:
Post a Comment
<< Home
 
About Me

Name: Dr.Supit
Home: Bangkok, Thailand
About Me: I am an Educating Educator!
See my complete profile
Previous Post
Archives
Links
Powered by

Free Blogger Templates

BLOGGER

© Education Unlimited Template by Isnaini Dot Com