Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
|
Homeworks comments for 14,21,28 July 07 |
Friday, July 06, 2007 |
ให้นักศึกษา post การบ้านที่นี่ |
posted by Dr.Supit @ 11:55 PM  |
|
56 Comments: |
-
สรุป ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษา
นิยามของเทคโนโลยีการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษา สามารถนิยามได้ในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม หรือในลักษณะการฝึกปฏิบัติ ได้ดังนี้ ก. นิยามในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม “เทคโนโลยีการศึกษา เป็นการศึกษา และการปฏิบัติอันดีงามเพื่อเกื้อกูลการเรียนรู้ และช่วยให้การปฏิบัติดีขึ้น โดยการสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์ และการจัดหาแหล่งทรัพยากร และกระบวนการทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม” ข. การปฏิบัติอันดีงาม (ethical practice)คณะกรรมการว่าด้วยจริยธรรมของ AECT (AECT Ethics Committee) ได้กำหนดแนวปฏิบัติด้านจริยธรรม หรือการปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม โดยเฉพาะการใช้สื่อ และการเคารพต่อทรัพย์สินทางปัญญา จริยธรรมดังกล่าวไม่มุ่งเน้นเฉพาะ กฎกติกา และความคาดหวัง แต่เน้นวิธีการปฏิบัติด้วย ค.ความเกื้อกูล (facilitating) แนวคิดของการเรียนรู้และการสอนที่เปลียนไปสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในทฤษฎีด้านพุทธิพิสัยนิยมและสรรคนิยม ทำให้สมมติฐานเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนการสอน(instruction) กับการเรียนรู้ เปลี่ยนไป ง. การเรียนรู้ (learning) ความหมายของการเรียนรู้ หมายถึง ความคงทนของสารสนเทศ (retention of information) ที่วัดได้จากการทดสอบกับการเรียนรู้ที่ต้องแสวงหาทักษะเพื่อใช้ประโยชน์นอกห้องเรียน จ. ช่วยทำให้ดีขึ้น (improving) “ช่วยให้การกระทำดีขึ้น” (improve performance) ซึ่งหมายถึง ประสิทธิผลการเรียนรู้ กล่าวคือ กรรมวิธีดังกล่าวนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคาดการณ์ได้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล และคาดการณ์ได้ ก่อให้เกิดความสามารถและนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ฉ. การปฏิบัติ (performance) การปฏิบัติ หมายถึง ความสามารถของผู้เรียนในการใช้ และประยุกต์ความสามารถใหม่ๆที่ได้รับ บทเรียนแบบโปรแกรม (programmed instruction) ยึดแนวทางให้ผู้เรียนต้องปฏิบัติได้ตามจุดประสงค์ปลายทาง (terminal objectives) หน้าที่หลัก 3 ประการของเทคโนโลยีการศึกษา คือ การสร้างสรรค์ (creating) การใช้ประโยชน์ (using) และการจัดการ (managing) ช. การสร้างสรรค์ (creating) การสร้างสรรค์ หมายถึง ทฤษฎี ผลการวิจัย และแนวปฏิบัติที่รวมอยู่ในกรรมวิธีโครงสร้างของสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบทั้งแบบในระบบ (formal) และนอกระบบ (informal) ซ. การใช้ประโยชน์ (using)การใช้ประโยชน์ หมายถึง ทฤษฎี และแนวปฏิบัติเกี่ยวข้องกับการนำผู้เรียนไปสัมผัสกับเงื่อนไขและแหล่งการเรียนรู้ การใช้ประโยชน์เริ่มด้วยการเลือกแหล่งทรัพยากร วิธีการ และวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม ฌ. ความเหมาะสม (appropriate)ความเหมาะสม หมายถึง การนำวิธีการและทรัพยากรมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัวกับจุดประสงค์ที่วางไว้ ญ. เชิงเทคโนโลยี (technological)เชิงเทคโนโลยี หมายถึง การอธิบายกิจกรรมของมนุษย์บนพื้นฐานของเทคโนโลยี เช่นคำกล่าวที่ว่า“การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือองค์ความรู้ใดๆ อย่างเป็นระบบ ฎ. กรรมวิธี (process)กรรมวิธี หมายถึง อนุกรมของกิจกรรมที่มุ่งไปสู่ผลที่ได้ระบุเอาไว้ล่วงหน้า นักเทคโนโลยีการศึกษามักดำเนินการออกแบบ พัฒนา และสร้างแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมวิธีในการพัฒนาการเรียนการสอน (instructional development) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 1960 ถึงปี 1990 ฏ. แหล่งทรัพยากร (resources)แหล่งทรัพยากรหลากหลายชนิดทำให้เราสามารถบอกได้ว่า สาขาวิชานั้นๆ คืออะไร เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทช่วยเผยแพร่ขยายขอบเขตของแหล่งทรัพยากร เพื่อช่วยเหลือผู้เรียน เทคโนโลยีการศึกเป็นการศึกษาเนื้อหาวิชาจากหลายๆแหล่ง เช่น ธรรมชาติ ห้องสมุด สิ่งตีพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ มิใช่มุ่งเน้นศึกษาจากตำราในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว โดยมีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน เพื่อเพิ่มอรรถรถ ในการเรียนการสอนให้มากขึ้นกว่าในอดีต
-
เรื่อง "O2"ตัวเก็งพันธมิตรขายไอโฟนในอังกฤษ
เรื่องย่อ
รายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุ “O2” บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศอังกฤษ กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อบรรลุข้อตกลงกับบริษัทแอปเปิล ในฐานะพันธมิตรด้านเครือข่ายข้อมูลสำหรับไอโฟน (iPhone) รายเดียวในประเทศอังกฤษ O2 หรือโอทูนั้นเป็นบริษัทลูกของเทเลโฟนิกา (Telefonica) ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมสัญชาติสเปน โดยในรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ระบุด้วยว่า โอทูจะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายแรกของยุโรปที่สามารถบรรลุข้อตกลงกับแอปเปิล ในการให้บริการเครือข่ายข้อมูลสำหรับไอโฟนคาดว่าข่าวคราวการเป็นพันธมิตรเครือข่ายข้อมูลสำหรับไอโฟนระหว่างแอปเปิลและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีข้างหน้า เนื่องจากในอนาคตไอโฟนจะต้องบุกเบิกตลาดทั่วโลกอย่างแน่นอน รวมถึงตลาดเอเชียที่มีกำหนดการเปิดตลาดในช่วงปี 2008 ที่กำลังจะมาถึงการเป็นพันธมิตรเครือข่ายข้อมูลสำหรับไอโฟนกับแอปเปิลนั้นหมายถึงผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ในกรณีของเอทีแอนด์ที (AT&T) ที่แอปเปิลทำสัญญาให้สิทธิ์ขายไอโฟนได้เพียงผู้เดียวในสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา 6 เดือน เท่ากับว่ายอดจำหน่ายไอโฟนกว่า 5.25 ล้านเครื่องในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ของการวางจำหน่ายไอโฟนล้วนเป็นสมาชิกบริการของเอทีแอนด์ทีด้วย โดยแอปเปิลเคยออกมายืนยันเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า มีผู้สมัครใช้บริการของเอทีแอนด์ทีเพื่อให้ได้มีสิทธิซื้อไอโฟนแล้วประมาณ 1 ล้านคน ผู้ซื้อไอโฟนชาวอเมริกันทุกรายในช่วง 6 เดือนแรกจะต้องจ่ายค่าบริการให้กับเอทีแอนด์ทีมูลค่า 59.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน เป็นเวลา 2 ปี คิดเป็นเงิน 1,439.76 เหรียญสหรัฐต่อผู้ใช้หนึ่งราย เมื่อคูณด้วยจำนวนผู้ใช้ไอโฟนทั้งหมดแล้วจะพบว่าเป็นรายได้ก้อนโตที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายอื่นต้องอิจฉาอย่างไรก็ตาม รายงานจากไฟแนนเชียลนั้นไม่เปิดเผยแหล่งข่าวที่มาอย่างชัดเจน โดยระบุเพียงว่าการเซ็นสัญญากำลังจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งจากการสอบถามไปยังประชาสัมพันธ์ของโอทู ก็ยังไม่สามารถให้ความเห็นใดๆได้ในขณะนี้
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 6 ก.ค.50 8 ก.ค.50 เวลา 21 . 23 น.
-
เรื่อง AMD ทุ่มทุน 7.5 ล้านดอลลาร์ซื้อ Transmeta เรื่องย่อ AMD ประกาศทุ่มทุน 7.5 ล้านดอลลาร์ซื้อเทคโนโลยี Transmetaหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดชิพคอมพิวเตอร์ ในที่สุด Transmeta ก็ประกาศจะวางมือจากธุรกิจผู้ผลิตชิพ แต่ AMD กลับเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ควรค่าแก่การลงทุนในบริษัท AMD จึงประกาศว่าจะลงทุนด้วยเงิน 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อแลกเปลี่ยนกับหุ้นปุริมสิทธิ์ของ Transmeta ซึ่งนับเป็นการลงทุนด้านกลยุทธ์เพื่ออนาคตของ Transmeta ทั้งนี้ Les Crudele ประธานและซีอีโอของ Transmeta กล่าวว่า บริษัทของเขาจะทำงานร่วมกับ AMD สำหรับโครงการด้านเทคโนโลยีในอนาคต และ AMD ก็หวังผลตอบแทนทางการตลาดด้วยการนำเทคโนโลยีที่สำคัญใน Transmeta ไปใส่ไว้ในเทคโนโลยี AMD64 คงต้องรอดูความร่วมมือดังกล่าวต่อไป
แหล่งที่มา commart วันที่ 9 กรกฎาคม 2550
-
เทคโนโลยีแพทย์ก้าวหน้า
คุณหมอกำลังสาธิตการใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Telehealth) ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตและมัลติมีเดียไร้สาย CDMA 2000 1x EV-DOของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
โดยระบบดังกล่าวช่วยให้สถานีอนามัยในพื้นที่ห่างไกล หรือโรงพยาบาลที่ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสามารถส่งภาพผู้ป่วย อาการผู้ป่วย ฯลฯ ส่งผ่านระบบอินเตอร์เนตไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวินิจฉัยอาการ และรักษาในเบื้องต้นได้
Telehealthเริ่มนำมาใช้แล้วที่ สถานีอนามัยเกาะปันหยี จังหวัดพังงา โดยความร่วมมือของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) บริษัท กสท กระทรวงสาธารณสุข บริษัท ควอลคอมม์ ตามโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO)
-
นาซาเตรียมปล่อยยานอวกาศอีกครั้งในเดือนหน้า นาซ่าเตรียมติดตั้งถังเชื้อเพลิงและจรวดขับดันเข้ากับยานอวกาศเอนเดฟเวอร์ ก่อนจะทำการปล่อยยานดังกล่าวกลับอวกาศในเดือนหน้า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) ทำการติดตั้งถังเชื้อเพลิงและจรวดขับดันเข้ากับยานอวกาศเอนเดฟเวอร์ ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ในรัฐฟลอริดา ก่อนที่จะปล่อยยานดังกล่าวในเดือนหน้า ยานอวกาศเอนเดฟเวอร์ ที่นาซาเตรียมปล่อยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จะออกเดินทางพร้อมด้วยนักบิน 7 ชีวิต เพื่อไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติในการติดตั้งชิ้นส่วนโครงสร้างภายนอกสถานีเพิ่มเติม รวมจัดส่งอุปกรณ์และเสบียงอื่น ๆ ขึ้นไปด้วย
การออกไปปฏิบัติของยานเอนเดฟเวอร์ที่จะมีขึ้นนี้ จะเป็นการเดินทางครั้งแรกของยานดังกล่าว หลังจากเกิดอุบัติเหตุกับยานโคลัมเบีย เมื่อปี 2546 ทำให้นาซาต้องใช้เวลาปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยถึง 2 ปีครึ่ง และสำหรับนักบินที่จะออกเดินทางครั้งนี้ เดิมทีเคยมีกำหนดออกเดินทางไปกับยานโคลัมเบียมาก่อนเช่นกัน
ภารกิจสำหรับยานอวกาศที่จะปล่อยต่อจากนี้ ทั้งหมดจะขึ้นไปทำการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ บนสถานีอวกาศนานาชาติ ที่ปัจจุบันแล้วเสร็จไปแล้วราวร้อยละ 60 ซึ่งนาซายังมีเวลาอีก 3 ปี ที่จะดำเนินการ โดยเหลือภารกิจต่าง ๆ อีก 12 อย่างที่ต้องทำ
ในปี 2550 นี้ ภารกิจแรกของนาซา ก็คือการส่งยานแอตแลนติสขึ้นไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนสถานีอวกาศเมื่อเดือนที่แล้ว โดยยานแอตแลนติสเดินทางกลับสหรัฐ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน แต่ต้องไปลงจอดที่ฐานทัพอากาศเอดเวิร์ดส ในรัฐแคลิฟอร์เนียแทน และคาดว่ายานแอตแลนติสจะเดินทางกลับถึงศูนย์อวกาศเคนเนดี้ในวันนี้
แหล่งที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5730 นายอรรถพนธ์ พูลศิริ รหัส 50063721
-
กระจกตาเทียมไฟฟ้า ความหวังในอนาคตของคนชราตาบอด คณะนักวิจัยในสหรัฐกำลังพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะฝังลงในกระจกตา โดยตั้งความหวังว่าจะช่วยให้คนที่ตาบอดเพราะความเสื่อมจากความชรามีโอกาสมองเห็นได้บ้างในอนาคต ซานฟรานซิสโก 16 ก.พ.- คณะนักวิจัยในสหรัฐกำลังพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะฝังลงในกระจกตา โดยตั้งความหวังว่าจะช่วยให้คนที่ตาบอดเพราะความเสื่อมจากความชรามีโอกาสมองเห็นได้บ้างในอนาคต คณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนียเผยต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่นครซานฟรานซิสโก ว่า อุปกรณ์นี้ยังอยู่ในขั้นทดลองเชิงคลินิกเบื้องต้น เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ที่เชื่อมเข้ากับสมองและระบบประสาทเพื่อช่วยให้ผู้ตาบอดเพราะโรคหรือการบาดเจ็บมองเห็นได้อีกครั้ง ใช้หลักการเดียวกับประสาทหูเทียมที่ฝังไว้บนกระดูกหลังใบหูช่วยให้คนหูหนวกได้ยินและเข้าใจเสียงที่ได้ยิน กระจกตาเทียมไฟฟ้านี้จะทำหน้าที่แทนเซลล์รับภาพที่อยู่ในสมอง ทำหน้าที่รับและประมวลแสงที่เห็น คณะนักวิจัยตั้งความหวังว่า อุปกรณ์นี้จะช่วยด้านการมองเห็นให้แก่ผู้ตาบอดเพราะจุดรับภาพเสื่อมเนื่องจากความชรา ปัจจุบันคนชราในประเทศพัฒนาแล้วตาบอดเพราะจุดรับภาพเสื่อมเนื่องจากความชราราว 25-30 ล้านคน อุปกรณ์ดังกล่าวจะมีกล้องขนาดเล็กติดอยู่บนแว่นตาที่จะส่งภาพไปยังกระจกตาเทียมที่ฝังอยู่บนกระจกตาและมีสายเคเบิลส่งภาพไปยังเรตินาที่อยู่ด้านหลังของลูกตา โดยมีตัวส่งสัญญาณขนาดเท่าวิทยุติดตามตัวติดไว้ที่เข็มขัด ทำหน้าที่ประมวลและให้พลังงานแก่อุปกรณ์ พวกเขาจะนำไปทดลองกับผู้ป่วย 50-70 คนในสหรัฐและติดตามการใช้งานเป็นเวลา 1-2 ปี หากประสบความสำเร็จก็คาดว่าจะวางตลาดในสหรัฐได้ภายใน 2 ปี
แหล่งที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5231&art=product นายอรรถพนธ์ พูลศิริ 50063721
-
เรื่อง ไมโครซอฟท์เตรียมปล่อย SP1 Beta สำหรับ Vista 12/07/2550เ เรื่องย่อ หลังจากไมโครซอฟท์วางจำหน่าย Vista แบบ Volume Licensing พร้อมกับ Office 2007 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา และในเดือนต้นปีที่ผ่านมากไมโครซอฟท์ก็วางจำหน่ายแบบ Retail โดยไมโครซอฟท์คาดหวังว่าจะมีจำนวนผู้ใช้ 1 ใน 2 ผลิตภัณฑ์รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ล้านคนผ่านมาเพียงไม่ถึงปี ไมโครซอฟท์ก็เตรียมปล่อย SP1 Beta ออกสู่ตลาดในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเป็น Service Pack ที่หลายคนตั้งตารอคอย โดยสิ่งที่คาดว่าจะพบใน SP1 ก็คือ - การปรับปรุง Desktop Search - ความเร็วในการก็อปปี้ไฟล์และการชัตดาวน์ที่รวดเร็วขึ้น - การสนับสนุน SD Advanced Direct Memory Access - การปรับปรุง BitLocker Drive Encryption และการสนับสนุน Extensible Firmware Interface (EFI) สำหรับเครื่อง 64 บิต นอกจากนี้ก็ยังมีการปรับปรุงระบบ ReadyBoost ที่ได้รับคำบ่นมามากมายผ่านทางเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ว่าถ้าใช้ ReadyBoots แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ตื่นจากโหมด Sleep การทำงานของคอมพิวเตอร์จะช้าลงมาก ซึ่งเกิดจากคีย์ในการเข้ารหัสของ ReadyBoost จะหายไปเมื่อใช้งานโหมด Sleep หรือ Hibernate ดังนั้นเมื่อเข้าสู่โหมดปกติ เครื่องจะต้องสร้างคีย์ขึ้นมาใหม่พร้อมกับโหลดระบบปฏิบัติการใหม่ด้วย ซึ่ง Vista SP1 จะแก้ปัญหานี้ด้วยการเก็บคีย์ของ ReadyBoost ไว้ตลอดไม่ว่าจะใช้งานในโหมด Sleep หรือ Hibernate จากข้อมูลของ Mary Jo Foley จาก ZDNET’s บอกว่า Vista SP1 เวอร์ชัน RTM – Ready To Market จะออกมาในช่วงเดือน 11 ปีนี้ พร้อมกับ Windows Server 2008 ด้วย ข่าวนี้คงเป็นข่าวดีสำหรับคนที่รอใช้ Vista ซึ่งหวังว่าครั้งนี้ไมโครซอฟท์คงทำให้ผู้ใช้งานพอใจได้นะครับ ________________________________________ แหล่งที่มา: www.dailytech.com blogs.zdnet.com
-
ข่าว เทคโนโลยีการศึกษา 3G เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์มือถือ
ผู้ผลิตและผู้ขายอุปกรณ์ 3G ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าการเข้าถึงการให้บริการเสียงและข้อมูลไร้สายแห่งยุคหน้า จะนำประโยชน์หลักๆ ของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ 3G CDMA มาใช้ในการปรับปรุงชีวิตของประชาชน โซลูชั่นส์การเชื่อมต่อไร้สายจะก่อให้เกิดประโยชน์ของการเชื่อมต่อไปสู่การพัฒนาชุมชนไปทั่วโลก ด้วยการทำงานของบริษัทพันธมิตรต่างๆ โครงการการเชื่อมต่อไร้สายก่อให้เกิดหนทางใหม่ๆในการติดต่อสื่อสาร การเรียนรู้ การเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการเข้าถึงตลาดทั่วโลกด้วย
3G มีวิวัฒนาการของการสื่อสารไร้สายด้วยการสนับสนุนการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูงของข้อมูลและเสียง รวมทั้งการเร่งการรวมของอุปกรณ์การสื่อสารไร้สายด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้โทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นเพียงแค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการสื่อสารไร้สาย ข้อมูล การศึกษา การรักษาสุขภาพและความปลอดภัย
3G เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์มือถือพร้อมกล้องดิจิตอลและเครื่องเล่นเพลง MP3 แต่ระบบ 3G ช่วยได้โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่การเชื่อมต่อด้วยสายโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ สำหรับภาครัฐ 3G เป็นหนทางที่จำเป็นของการเพิ่มอัตราการเข้าถึงโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของประชากรในประเทศ ตลอดจน ลดช่องว่างทางเทคโนโลยีดิจิตอลของประเทศ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปมองว่า 3G เป็นช่องทางหลักของโทรศัพท์หรือวิธีที่พวกเขาสามารถจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากแหล่งอื่นๆได้
โครงการ K-Nect เป็นโครงการตัวอย่างที่สนับสนุนให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีไร้สายแห่งยุคหน้า โปรแกรม K-Nect เป็นโปรแกรมการศึกษานำร่อง ด้วยการใช้ Smartphones กับเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายแห่งยุคหน้าบนเครือข่าย 3G CDMA เพื่อให้นักเรียนมัธยมปรับปรุงคะแนนสอบและการศึกษาในรัฐนอร์ธ คาโรไลน่าของประเทศสหรัฐอเมริกา เป้าหมายหลักของโครงการมี 3 ประการ 1. เพื่อเพิ่มความสำเร็จทางด้านคณิตศาสตร์ ซึ่งวัดผลผ่านการประเมินของรัฐและประสิทธิภาพการเรียนที่เพิ่มขึ้น 2. เพื่อการมีส่วนร่วมมากขึ้นของนักเรียนที่มีปัญหากับคณิตศาสตร์ และ 3. เพื่อช่วยลดช่องว่างของเทคโนโลยีดิจิตอลในปัจจุบันโดยการให้โอกาสการเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน Smartphones ไร้สาย
อีกตัวอย่างเป็น การเชื่อมต่อไร้สายของโรงเรียนในชนบท 15 แห่งในกัวเตมาลาเด็กๆ ชาวกัวเตมาลาได้รับประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการของกัวเตมาลา กับ FunSEPA และ USAID
ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรท ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกับ TELGUA ซึ่งเป็นกระทรวงศึกษาธิการของกัวเตมาลา ผ่านโปรแกรมการร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับเอกชน ที่เรียกว่า Alianzas ประกาศให้อุปกรณ์และบริการ CDMA2000? 1xEV-DO เพื่อสนับสนุนการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูง ให้แก่โรงเรียนยากจนในกัวเตมาลา ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม Wireless Reach แก่ทั่วโลก
เจฟ จาค็อบส์ รองประธานอาวุโสและประธานบริหารของการพัฒนาทั่วโลกของควอลคอมม์ กล่าวว่าเชื่อว่าการสนับสนุนรัฐบาลของกัวเตมาลาด้วยการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีไร้สายแห่งยุคหน้าจะช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่และการศึกษาให้ดีขึ้น การริเริ่มโครงการการเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless Reach) ในกัวเตมาลาจะทำการศึกษาได้รับการพัฒนาขึ้นส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคนี้เข้มแข็งขึ้น
" 3G เป็นทางเลือกใหม่ต่อสาธารณชน เช่น การเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต การศึกษา ความปลอดภัยของสาธารณชน การรักษาสุขภาพ ความโปร่งใสและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพสูงภาพที่สูงขึ้น" แหล่งที่มา http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000065566
-
ฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ลักษณะเหมือนRAm
Solid State Drive หรือ SSD ไดร์ฟ เป็นฮาร์ดดิสก์แบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้จานแม่เหล็กอีกต่อไป มีคุณสมบัติการในการเข้าถึงข้อมูลที่เร็วกว่าฮาร์ดดิส์แบบจานแม่เหล็กที่เราๆ ใช้กันอยู่มาก...อีกทั้งไม่มีความเสี่ยงต่อการเสียหายจากแบตเซ็กเตอร์อีกด้วย เพราะ SSD ใช้แฟลตในการเก็บบันทึกข้อมูล...ซึ่ง ณ. วันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวไม่ได้ใกลตัวเราอีกต่อไปแล้วครับ เพราะ SSD จากยี่ห้อ Transcend นั้นได้ผลิตออกมาจำหน่ายมาแล้วถึง 3 รุ่น คือ "TS32GSSD25" ขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 32 GB, "TS16GSSD25" ความจุ 16GB และ "TS8GSSD25" ขนาด 8GB ซึ่งในรุ่นท็อปสุด 32GB นั้นมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 68,900 เยน หรือประมาณ 19,544 บาท ซึ่งนับว่าถูกมากแล้วกับช่วงแรกๆ ที่จำหน่ายกันในระดับ 28,000 บาท ทีเดียวครับ
สำหรับสเปคของไดร์ฟขนาด 32GB รุ่นที่จำหน่ายอยู่นี้ยังคงเป็นอินเทอร์เฟสแบบ IDE รองรับ Ultra ATA66 (Ultra DMA Mode 4) เท่านั้น ซึ่งในท้องตลาดตอนนี้มีแบบ S-ATA ออกมาแล้ว ซึ่งจะมีระดับราคาที่แพงกว่าพอสมควรครับ
ข้อมูลจาก : watch.impress.co.jp ภรณี พรหมเทศ ED.teah 14
-
กระดาษตะไคร้ เพื่อการอนุรักษ์ ปัจจุบันมีการแปรรูปกระดาษเพื่อเศรษฐกิจอีกมาก ทำให้ป่าไม้ลดลงและเกิดผลกระทบต่อการนำวัตถุดิบจากป่าไม้มาทำเยื่อกระดาษก็ยังมีความจำเป็นในชีวิตประจำวันและในอนาคต จากเหตุผลดังกล่าว จึงทำให้ น.ส.แก้วกาญจน์ ไทยประยูร ด.ญ. สุวพร พงศ์ธีระวรรณ น.ส.จีรนันท์ เพชรแก้ว นายนรเทพ พิกุลทอง และ น.ส. พัชรา ชูทอง นักเรียนจากโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนแกนนำของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้พยายามมองหาวัตถุดิบอื่นๆ ในธรรมชาติที่จะพบเห็นได้โดยทั่วไปมาทดแทนเยื่อกระดาษที่ขาดแคลน นักเรียนกลุ่มนี้ พบว่า ลักษณะเส้นใยจากใบตะไคร้ มีลักษณะเป็นเส้นใยที่แข็งแรงและเหนียว ทนต่อแรงดึงได้ เยื่อกระดาษมีความละเอียดและเรียบ มีช่องว่างระหว่างเส้นใยน้อย มีความสามารถในการดูดซึมน้ำได้ดี มีคุณสมบัติเป็นกลางไม่มีใครนำมาใชัประโยชน์ใด ๆ น่าจะนำมาผลิตเป็นกระดาษทดแทนไม้ที่กำลังลดลงเรื่อยๆ ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการอนุรักษ์ และ สงวนป่าไม้เอาไว้ได้อีกทางหนึ่ง และนอกจากนั้นยังเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาพัฒนาให้เกิดคุณค่าในสังคม การทำเยื่อกระดาษจากตะไคร้อาศัยพลังงานความร้อนและพลังงานเคมีเพื่อให้ได้เส้นใยที่เหมาะสมต่อการนำมาทำกระดาษที่สวยงาม โดยขั้นตอนประกอบด้วย ศึกษาวิธีการในการผลิตกระดาษ ศึกษาอัตราส่วนของสารเคมีที่เหมาะสมในการทำเยื่อกระดาษจากตะไคร้ ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำเยื่อกะดาษ ศึกษาส่วนของใบตะไคร้ที่เหมาะสมต่อการนำมาทำเยื่อกระดาษ ศึกษาคุณสมบัติของเยื่อกระดาษที่ผลิตได้ และศึกษาการประยุกต์ใช้กระดาษเป็นผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับคุณสมบัติที่ตรวจสอบได้ ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ บีกเกอร์ขนาด 100 และ 600 มิลลิลิตร แท่งแก้วคน ชุดตะเกียงแอลกกอฮอล์ เครื่องชั่ง คีมคีบเยื่อ กล่องพลาสติก ไม้บด แผ่นกระดาน กาละมัง ใบตะไคร้ และตะแกรงร่อนเยื่อกระดาษ ในการผลิตกระดาษนั้น เริ่มจากนำใบตะไคร้มาหั่นให้มีขนาด 3 เซนติเมตร แล้วต้มด้วยสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง นำเยื่อตะไคร้ที่ได้ไปล้างด้วยน้ำให้สะอาดและทำการฟอกสีด้วยสารฟอกขาว หลังจากนั้นนำไปร่อนด้วยตะแกรงร่อน ผึ่งลมให้แห้ง จะได้กระดาษที่มีเนื้อแน่นเรียบ สวยงาม เส้นใยเล็กละเอียดเกาะตัวกันแน่นจึงทนทานต่อแรงดึง ลักษณะของกระดาษที่ได้เหมาะที่จะนำมาทำงานประดิษฐ์เช่นเดียวกับกระดาษสา ไม่เหมาะที่จะนำมาทำกระดาษสำหรับเขียนหรือกระดาษเพื่อใช้วาดภาพระบายสี เนื่องจากกระดาษมีการดูดซับน้ำได้ดี และเนื้อกระดาษมีลวดลายของเส้นใยตะไคร้
-
สรุปความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ Web Site Credibility การประชาสัมพันธ์องค์กร หรือส่วนบุคคลโดยการนำเสนอเผยแพร่ผ่านเครือข่าย WWW เป็นไปอย่างแพร่หลายรวดเร็ว การประเมินหรือให้ความสำคัญกับสาระของเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องมีเกณฑ์ สำหรับผู้บริโภคข่าวสารว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อสารสนเทศเหล่านี้มากน้อยเพียงใด 5 ปัจจัยที่มีส่วนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real-world feel) ข. ใช้งานง่าย (ease of use) ค. เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง. ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ. เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) ปัจจัยที่ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงคือ : ฉ. มีลักษณะเพื่อการค้า (Commercial implications) ช. ความเป็นมือสมัครเล่น (amateurism) ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ทั้งทางบวกและทางลบ จึงเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในการออกแบบเว็บไซต์ต่อไป การรับรู้เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือได้เป็นผลมาจากสมองได้ประเมินปัจจัยหลากหลายไปพร้อม ๆ กัน ปัจจัยที่สำคัญได้แก่ ; ก. ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) ประกอบด้วยความตั้งใจจริง (wellintentioned) , ความมีสัจจะ (truthful) , ความไม่ลำเอียง (unbiased) ความไว้เนื้อเชื่อใจได้จึงย่อมบ่งบอกถึงความดีงามและมีจรรยาบรรณของเว็บไซต์ ข. ความเป็นผู้ชำนาญการ (expertise) สรุปได้ว่า เว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างสูง จะต้องทำให้ผู้มาเยี่ยมชมรับรู้ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจได้ และความเป็นผู้ชำนาญการในระดับสูง การประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็ปไซด์เพื่อการออกแบบเว็บไซต์มีดังต่อไปนี้ 1. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่ 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื่อเชื่อใจได้ 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือ 6. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัดไม่มีโฆษณามากเกินไป 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ การเชื่อมโยงไม่ได้ การแฮ้งก์หรือหยุดทำงานดื้อๆ 5. ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือการลิงค์ไปสู่ องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์โดยตรง
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ ความน่าเชื่อถือ (credibility) หมายถึง ความเชื่อได้ จากการสำรวจเรื่องความเชื่อถือของเว็บไซด์ของ persuasive Technology lab ของมหาวิทยาลัยStanford พบว่า 5 ปัจจัยแรกที่ทำให้เว็บไซด์มีความน่าเชื่อถือ คือ การรู้สึกว่าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ใช้งานง่าย เป็นผู้ชำนาญการ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม ซึ่งมีผลต่อทางบวกและทางลบ ดังนั้นเว็บไซด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ต้องทำให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมรู้ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจได้ และมีความเป็นผู้ชำนาญงาน ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซด์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้น ผู้ออกแบบเว็บไซด์ต้องทำดังนี้ - การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซด์ โดยการปรับปรุงให้ทันสมัย - ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัด ไม่มีโฆษณามากเกินไป - หน้าตาดูดี มีลักษณะการออกแบบอย่างมืออาชีพ ไม่สะกดผิด เว้นวรรคผิด - ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบต้องทำงานได้ ดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป - ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซด์ของหน่วยงานนั้นๆ ดังนั้นความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ ก็คือ ความเชื่อได้ สารสนเทศที่ผู้เข้า เยี่ยมชมเชื่อได้นั่นเอง
-
เรื่อง มือถือเซลเชื้อเพลิงโตชิบา อายุแบตนานกว่าเดิม2เท่า เรื่องย่อ โตชิบาโชว์ตัวโทรศัพท์เซลเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ล่าสุด การันตีว่าสามารถใช้งานได้นานกว่าโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วไป ถูกนำมาแสดงในงาน Wireless Japan exhibition 2007 ที่กรุงโตเกียว
โทรศัพท์มือถือเซลเชื้อเพลิงของโตชิบาจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ฉีดเชื้อเพลิงเมธานอลเข้าไปโดยตรงหรือ Direct methanol fuel cell (DMFC) ตามข้อมูลจากโตชิบาระบุว่า แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆได้ด้วย ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในขณะนี้ราว 2 เท่าตัว
สำหรับงาน Wireless Japan คืองานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายงานใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น คาดว่าจะมีมืออาชีพในอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สายเข้าร่วมงานกว่า 34.000 ราย มีบริษัทร่วมแสดงสินค้าราว 180 ราย
-
ยานอวกาศรุ่นใหม่ซ่อมรอยรั่วได้เอง
องค์การอวกาศยุโรป หรืออีซา จับมือกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยบริสตอล พัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้ยานอวกาศสามารถซ่อมแซมรอยรั่วได้เองโดยอัตโนมัติ แม้จะผ่านการทดสอบแล้วว่าใช้งานได้จริง แต่ทีมวิจัยเชื่อว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีถึงจะบอกได้ว่าพร้อมใช้จริงหรือยัง
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีชิ้นนี้ มากจากคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนังมนุษย์ ซึ่งเมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมา เลือดจะแข็งตัวในเวลาต่อมาหลังจากโดนอากาศแล้ว จากนั้นก็จะตกสะเก็ดป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ทุกอย่างทำงานโดยอัตโนมัติ
แต่การทำให้ยานอวกาศสามารถซ่อมแซมรอยรั่วได้ด้วยตัวเองนั้น พัฒนาจากวัสดุผสมชนิดพิเศษที่ประกอบด้วยใยแก้วขนาดกว้าง 60 ไมครอนนับร้อยใย แต่ละใยจะมีช่องว่างภายใน ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ไมครอน ภายในช่องว่างดังกล่าวจะบรรจุโพลิเมอร์อีพ็อกซี่ หรือเรซินลงไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งจะเป็นสารเคมีที่เมื่อเกิดปฏิกิริยากับโพลิเมอร์แล้วจะกลายเป็นสารประกอบที่มีความแข็งอย่างมาก
ใยแก้วดังกล่าวถูกออกแบบมาให้แตกออกอย่างง่ายดายทันทีที่ผิววัสดุได้รับความเสียหาย เมื่อสารเคมีทั้งสองชนิดรั่วซึมออกมาจากใยแก้ว ก็จะไหลไปอุดรูรั่วอย่างรวดเร็ว จากการทดสอบพบว่าสามารถซ่อมแซมผิวที่เกิดรูรั่วได้อย่างที่ตั้งใจไว้ และสามารถทำงานได้ในสภาวะที่จำลองเหมือนอยู่ในอวกาศได้ด้วย ทีมงานจึงเดินหน้าต่อด้วยการเตรียมพัฒนาวัสดุให้แข็งแกร่งกว่าเดิม และต้องสามารถทนทานในสภาวะที่หนักกว่าเดิม เช่น สภาวะที่มีอุณหภูมิสูงอยางมากได้
ทีมวิจัยของอีซาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้จะช่วยป้องกันยานอวกาศไม่ให้ถูกฝุ่นผงในอวกาศทำความเสียหายให้ตัวเครื่อง เพราะแค่ฝุ่นที่มีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ด้วยเหตุที่เดินทางมาด้วยความเร็วหลายพันเมตรต่อวินาที ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายผิวของดาวเทียม หรือยานอวกาศ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตามมาได้
เทคโนโลยีนี้ยังสามารถป้องกันยานอวกาศไม่ให้เกิดรอยรั่วอันเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากการเดินทางในอวกาศ และยังป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นขณะปล่อยตัวออกจากฐานยิงได้ อย่างไรก็ตาม อีซายังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้งานจริงในเร็ววันนี้ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีถึงจะบอกได้ว่าพร้อมใช้กับยานอวกาศแล้วหรือยัง
ฟาริดา ID.tech 14
-
นิ้วมือคนร้าย ล้วงไปถึงข้อมูลเพเทปเจลหาลายศ อาหาร และเชื้อชาติ 24 กรกฎาคม 2550 19:06 น. นักวิจัยอังกฤษกำลังคิดค้นเทปลอกลายพิมพ์นิ้วมือ ที่ผู้ร้ายทิ้งไว้ในที่ก่อเหตุ แทนเทคนิคลอกลายนิ้วมือแบบเดิม สามารถล่วงรู้ได้ว่าคนร้ายกินอะไร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และเชื้อชาติอะไร นักเคมีจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน คิดค้นเทปที่ทำจากเจลาติน เพื่อทดลองเก็บหลักฐานลายพิมพ์นิ้วมือแฝง ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ สามารถเก็บลายนิ้วมือได้จากพื้นผิวหลายประเภท เช่น มือจับประตู มือจับแก้วน้ำ ผิวโค้งของแก้วน้ำและจอคอมพิวเตอร์ ได้เหมือนกับเทคนิคหารอยพิมพ์นิ้วมือแฝงที่กองพิสูจน์หลักฐานใช้กันอยู่ ที่พิเศษคือ เจ้าหน้าที่จะนำเทปที่ลอกลายนิ้วมือแฝงไปฉายรังสีอินฟราเรดด้วยเครื่องมือพิเศษ ที่ตรวจหาสารประกอบทางเคมีได้อย่างแม่นยำ และระบุโมเลกุลที่แฝงอยู่ในลายพิมพ์นิ้วมือได้ภายใน 30 วินาที หรือน้อยกว่านั้น ปัจจุบันเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานใช้เทคนิคพวกผง ของเหลวและไอระเหย เก็บลายพิมพ์นิ้วมือในที่เกิดเหตุ แต่เทคนิคดังกล่าวอาจทำให้ลายนิ้วมือคลาดเคลื่อน หรือลบร่องรอยหลักฐานอื่นที่สามารถนำมาใช้มัดตัวคนร้าย ลายพิมพ์นิ้วมือจะมีคราบของเหลวปริมาณ 2-3 ล้านส่วนแฝงอยู่ แม้จะน้อยนิดแต่ก็เพียงพอที่จะสืบเสาะหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้ เช่น เพศ เชื้อชาติ อาหารการกินและวิถีชีวิต ยกตัวอย่าง ข้อมูลเบื้องต้นอาจระบุได้ว่า ผู้ร้ายเป็นผู้ชายโดยดูจากปริมาณยูเรีย (สารที่อยู่ในปัสสาวะ) จำนวนมากที่ติดอยู่กับลายนิ้วมือแฝง นอกจากนี้สารประกอบอินทรีย์ที่อยู่ในลายพิมพ์นิ้วมืออาจใช้บอกอายุและเชื้อชาติได้เช่นกัน รวมถึงสารเคมีอื่น เช่น เขม่าปืน บุหรี่ ยา ระเบิด และอาวุธเคมีหรือชีวภาพ หรือแม้แต่อาหารที่ผู้ร้ายกินอาจติดอยู่ที่ลายนิ้วมือ อาจบอกได้ว่าผู้ร้ายเป็นมังสวิรัติ เพราะมีองค์ประกอบของกรดอะมิโนต่างจากคนทั่วไป อย่างไรก็ดี เทคนิคใหม่ที่กำลังคิดค้นอยู่นี้ ยังต้องทดสอบกับอาสาสมัคร เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับเชื้อชาติ เพศ และข้อมูลอื่น ส่วนการทดสอบหาสารประกอบอินทรีย์ที่อยู่ในลายนิ้วมือแฝงด้วยเทคนิคใหม่ พบว่าได้ผลดีเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เทปเจลยังไม่ทำลายหรือทำให้ลายพิมพ์นิ้วมือผิดรูปไปจากเดิม และสามารถรักษาสภาพเดิมไว้ เพื่อการวิเคราะห์ซ้ำครั้งต่อไป นอกจากเทปเจลแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่คิดค้นโดยนักเคมีจากสถาบันเทคโนโลยีจอร์จเทค สหรัฐ สามารถใช้วิเคราะห์สารเคมีในลายนิ้วมือแฝง โดยใช้รังสีเอ็กซ์ และใช้เวลาตรวจน้อย แหล่งที่มา นสพ.คมชัดลึกฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 หวัเรื่องวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี นายอรรถพนธ์ พูลศิริ
-
YAMAHA YSP-1100 Digital Sound Projector สุดยอดคุณภาพเสียงสมบูรณ์แบบในตัวเดียว มีผู้ให้นิยามของ Digital Sound Projector ว่า เป็นลำโพงที่ให้เสียงหรือวางตำแหน่งเสียงรอบทิศทางออกมาตามตำแหน่งที่ควรจะเป็น ตามลักษณะของสัญญาณที่ป้อนเข้ามา เมื่อเห็นความหมายที่บัญญัติไว้ บางท่านอาจจะสงสัยและย้อนกลับมาคิดอีกครั้งว่า จะเป็นไปได้หรือ? เพราะความคุ้นเคยเมื่อพูดถึงระบบเสียงรอบทิศทาง ต้องจินตนาการถึงลำโพงมากกว่า 3-4 ตัว โอบซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง
ข้อสงสัยดังกล่าวได้รับการตอบโดย Yamaha ด้วย YSP-1 “Digital Sound Projector“ ซึ่งในเวลานั้นเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีแห่งเสียงอันยอดเยี่ยมจากลำโพงเพียงตู้เดียวแต่ให้เสียงออกมาคล้ายกับฟังจากลำโพงหลายตัว โดยอาศัยเทคนิค “Holographic Surround Sound” และการประมวลผลสัญญาณดิจิตอลเซอร์ราวนด์ ที่กำหนดให้เสียงที่ยิงออกจากตัวขับเสียงแต่ละตัวสามารถควบคุมการสะท้อนกับอะคูสติกของห้องโดยอาศัยหลัก time delay ที่มีความแม่นยำ เพื่อหน่วงเวลาและปรับเฟสเสียงบางช่วงความถี่เพื่อให้ฟังดูเหมือนมีมิติกว้างขวางโอบล้อมคล้ายกับการฟังจากระบบลำโพงเซอร์ราวนด์เต็มรูปแบบ จนได้รับการขนานนามให้เป็นมาตรฐานระบบลำโพงเสียงเซอร์ราวนด์ในอนาคต จนมาถึงปัจจุบัน Yamaha ส่ง YSP-1100 ตอกย้ำความยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยออกแบบให้รองรับระบบมัลติแชนแนล 5.1 เต็มรูปแบบ ส่งสัญญาณเสียงด้วย Sound Beam 40 ตัว (หน้ากว้าง 40 มม.) ทำงานร่วมกับตัวขับเสียงความถี่ต่ำ (ซับวูฟเฟอร์) 2 ตัว (หน้ากว้าง 110 มม.) ตัวขับเสียงทุกตัวจะมีภาคขยายเสียงประจำแต่ละตัวขับเป็นแบบแยกอิสระจากกัน ออกแบบด้วยวงจรแอมป์ดิจิตอลกำลังขับ 2 วัตต์จำนวน 40 ชุด และ 20 วัตต์จำนวน 2 ชุด กำลังขับรวมทั้งหมด 120 วัตต์ YSP-1100 ให้สัญญาณในระบบมัลติแชนแนลได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น front channel, center channel หรือ surround (rear) channel เลือกส่งสัญญาณได้ 5 รูปแบบ 5 Beam, 3 Beam, Stereo+ 3 Beam, Stereo และ Target Mode ครอบคลุมการใช้งานได้กับ DVD, Cable TV, และ Satellite TV รองรับระบบสัญญาณ Dolby Digital, DTS, Dolby Pro Logic II และ DTS Neo:6
แหล่งที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?rid=1123&art=review&id=5732
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ Web Site Credibility
ความน่าเชื่อถือ (credibility) หมายถึง ความเชื่อได้ (believability) ความรู้สึกว่ามีคุณภาพ คุณภาพที่ผู้คนรับรู้ (Perceived) จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงความน่าเชื่อถือได้จากการรับรู้ (Perception of credibility) เสมอ
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า: 1. ควรแสดงที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ และภาพถ่ายของบุคคลในองค์กรเพี่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหาได้ 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย ต้องแน่ใจว่าทุก Link เชื่อมโยงกัน เวลาที่ใช้ดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื่อเชื่อใจได้ 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม 6. หลีกเลี่ยงการนำโฆษณามาผสมผสานกับสาระบนเว็บเพจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาด เช่น พิมพ์ชื่อคนผิดไปวางภาพกับคำอธิบายผิดตำแหน่ง เว้นวรรคผิดที่ จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงอย่างมาก
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ (Web Site Credibility)
ความน่าเชื่อถือ (credibility) หมายถึง ความเชื่อได้ (believability) สารสนเทศที่น่าเชื่อถือก็คือสารสนเทศที่เราเชื่อได้นั่นเอง การประชาสัมพันธ์โดยการนำเสนอเผยแพร่ผ่านเครือข่าย WWW แพร่หลายอย่างรวดเร็ว การประเมินหรือให้ความสำคัญกับสาระของเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องมีเกณฑ์สำหรับผู้บริโภคข่าวสารว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อสารสนเทศเหล่านี้มากน้อยเพียงใด จากการสำรวจของมหาวิทยาลัย Stanford Persuasine Technologylab เป็นการสำรวจชาว Ango Saxon ในอเมริกาและยุโรป ซึ่งมีวัฒนธรรมต่างจากบ้านเรา พบว่า -ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์เกิดความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real-world feel) ข.ใช้งานง่าย (ease of use) ค.เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง.ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ.เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) -ปัจจัยที่ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงคือ : ฉ.มีลักษณะเพื่อการค้า (Commercial implications) ช.ความเป็นมือสมัครเล่น (amateurism)
เว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างสูง จะต้องทำให้ผู้มาเยี่ยมชมรับรู้ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจได้ และมีความเป็นผู้ชำนาญการในระดับสูง ผลการวิจัยความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์โดยบุคคลทั่วไป สามารถนำมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1.ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร 2.การออกแบบให้ใช้งานง่าย 3.แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ 4.แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ 5.การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน 6.หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ 7.หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1.การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย 2.ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัด 3.หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ 4.ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ 5.ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ (Web SiteCredibility)
จากการสำรวจของ Persuasive Technology Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป พบว่า มีปัจจัยที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือลดลง ได้แก่ 1.ปัจจัยที่ทำให้ความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นคือ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real- world feel) ข.ใช้งานง่าย (ease of use) ค.เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง.ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ.เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) 2.ปัจจัยที่ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงคือ ฉ.มีลักษณะเพื่อการค้า (Commercial implications) ช.ความเป็นมือสมัครเล่น (amateurism) ความน่าเชื่อถือ (credibility) หมายถึง ความเชื่อได้ ซึ่งลักษณะของความเชื่อถือได้มีสองอย่างคือ ความรู้สึกว่ามีคุณภาพ คุณภาพที่ผู้คนรับรู้ (Perceived) สารสนเทศที่น่าเชื่อถือก็คือสารสนเทศที่เราเชื่อได้นั่นเอง เว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างสูง จะต้องทำให้ผู้มาเยี่ยมชมรับรู้ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจได้ และความเป็นผู้ชำนาญการในระดับสูง โดยทั่วไปบุคคลส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้าย ๆ กัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1.ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ของ องค์กร 2.การออกแบบให้ใช้งานง่าย 3.แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ 4.แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ 5.การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน 6.หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ 7.หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุง สาระให้ทันสมัย 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจาก โฆษณาอย่างเด่นชัดไม่มีโฆษณามากเกินไป 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ 5. ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผล กระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์
-
เรื่อง มะกันคลอดร่มอัจฉริยะ เรืองแสงเตือนว่าวันไหนฝนตกควรพกร่ม เรื่องย่อ ร่มจะไม่เป็นเพียงอุปกรณ์ป้องกันความเปียกจากสายฝนอีกต่อไป ล่าสุดบริษัทสัญชาติอเมริกันพัฒนาร่มที่สามารถพยากรณ์อากาศได้ว่าฝนจะตกเมื่อไร และผู้ใช้ควรจะพกร่มติดตัวไปด้วยหรือไม่ บริษัทไอเดียเก๋นี้มีชื่อว่า Ambient Devices เป็นบริษัทที่เน้นการนำเอาบริการข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตมาผูกรวมกับสิ่งของเครื่องใช้กิจวัตรประจำวัน ผลงานล่าสุดคือการพัฒนาร่มฝังเครื่องรับข้อมูลสัญญาณวิทยุ โดยร่มดังกล่าวจะสามารถรับข้อมูลพยากรณ์อากาศจากเว็บไซต์ Accuweather.com ได้ผ่านเครือข่ายไร้สายของโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ การพยากรณ์จะครอบคลุมพื้นที่กว่า 150 เขตในสหรัฐฯ หากมีพยากรณ์ใดที่ระบุว่าจะมีฝนตกในช่วง 12 ชั่วโมงถัดไป ปลายด้ามร่มจะเรืองแสง จะมีการใช้สัญลักษณ์แสงเพื่อบอกรายละเอียดการพยากรณ์เช่น แสงเรืองอ่อนกระพริบต่อเนื่อง แปลว่าอาจจะมีฝนตกไม่หนักมากเป็นพักๆ หรือหากเป็นแสงสว่างจ้าจะแปลว่ามีพายุแรง "ผู้ใช้อาจนำร่มคันนี้ไปวางไว้ที่หน้าประตูบ้าน การเรืองแสงคือการเตือนว่าวันนี้คือวันที่คุณต้องใช้ร่ม" มาร์ก ปรินซ์ (Mark Prince) ประชาสัมพันธ์บริษัทยกตัวอย่าง Ambient Devices เป็นบริษัทในแมตซาชูเซ็ตส์ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 เพื่อนำเทคโนโลยีผลงานการพัฒนาของศูนย์ปฏิบัติการสถาบันเทคโนโลยีเอ็มไอทีหรือ MIT Media Lab มาทำตลาดในเชิงพาณิชย์ สำหรับร่มดังกล่าวคาดว่าจะวางจำหน่ายในสหรัฐฯช่วงสัปดาห์หน้า สนนราคา 140 เหรียญสหรัฐฯ แหล่งที่มา:ผู้จัดการออนไลน์ 31 ก.ค.2550
-
ข่าวเทคโนโลยี
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่กระทบประชาชน รมว.ไอซีที ยืนยัน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่บังคับใช้วันนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ และการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง การหมิ่นประมาท การแพทย์ ขจัดสิ่งลามกอนาจารเท่านั้น ส่วนประชาชนแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย รมว.ไอซีที ยืนยัน พ.ร.บ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่บังคับใช้วันนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ และการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง การหมิ่นประมาท การแพทย์ ขจัดสิ่งลามกอนาจารเท่านั้น ส่วนการใช้งานของประชาชนแทบไม่ได้รับผลกระทบ ชี้พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจละเมิดสิทธิบุคคล ต้องขอคำสั่งศาลเท่านั้น ระบุคำว่า “คอมพิวเตอร์” ใน พ.ร.บ. ครอบคลุมถึงโทรศัพท์มือถือและการส่ง SMS-MMS ด้วย นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้ (18 ก.ค.) เป็นต้นไป มีเจตนารมณ์หลัก คือ เพื่อป้องกันธนาคารและหน่วยงานทางธุรกิจมากกว่า และป้องกันบุคคลซึ่งตั้งใจกระทำผิดเกี่ยวกับด้านความมั่นคงและการหมิ่นประมาท การหมิ่นเบื้องสูง การแพทย์ หรือสิ่งลามกอนาจาร เป็นต้น ส่วนการใช้งานของประชาชนทั่วไปแทบจะไม่มีผลกระทบ ไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นห่วงกังวล ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับจะมีมาก เช่น ด้านการแพทย์ เดิมหากมีการเจาะระบบเข้ามาเปลี่ยนข้อมูลการแพทย์ จะเอาผิดได้ยาก หรือเอาผิดไม่ได้ ทั้งที่มีอันตราย หากเพียงเปลี่ยนข้อมูลการแพ้ยาของคนไข้ แพทย์อาจสั่งยาผิดและทำให้คนไข้ถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งตาม พ.ร.บ.นี้จะมีความผิดรุนแรง นายสิทธิชัย กล่าวว่า แต่สำหรับผู้ให้บริการตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือไอเอสพี รวมถึงห้องสมุดของหน่วยงานรัฐของมหาวิทยาลัย จะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้เป็นล็อกไฟล์ (Log File) ไว้ด้วย เผื่อว่ามีการกระทำผิดในลักษณะที่เป็นอาชญากรรมเกิดขึ้น จะสามารถหาข้อมูลได้ถูกต้อง ซึ่งการเก็บข้อมูลนี้จะแบ่งเป็นขั้นตามประเภทผู้ให้บริการ โดยจะมีเวลาผ่อนผันให้ 30 วัน 6 เดือน และ 1 ปี สำหรับผู้ให้บริการแต่ละประเภทตามความเหมาะสม ซึ่งจะมีเป็นประกาศรัฐมนตรีออกมาอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ “ขณะนี้เรามีความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมายอยู่ระดับหนึ่ง แต่จะให้เต็มที่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพราะมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย การกระทำผิดก็มีมากขึ้น จึงต้องฝึกพนักงานเจ้าหน้าที่มาใช้กฎหมายนี้ให้มากขึ้น เพื่อความครอบคลุมในการดูแล อย่างไรก็ตาม พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายนี้ ไม่มีอำนาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิขององค์กรได้เลย เช่น การจะยึดอายัดเครื่องมาตรวจสอบข้อมูล จะต้องขออำนาจศาลเท่านั้น ไม่สามารถทำโดยพลการได้” นายสิทธิชัย กล่าว รมว.ไอซีที กล่าวด้วยว่า ข้อกังวลของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.เดิมของรัฐบาลที่แล้ว ที่ค่อนข้างให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้มากจนน่ากลัว แต่ พ.ร.บ.นี้ได้มีการแก้ไขทั้งหมดแล้ว และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณา และมีความสบายใจเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นกฎหมายสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจทางด้านอี-คอมเมิร์ซ หรือด้านอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ขยายตัวได้ด้วยความมั่นคง และทำให้มีเครื่องมือกำจัดบุคคลซึ่งหวังที่จะบ่อนทำลายชาติ อย่างไรก็ตาม ก.ไอซีที ไม่มีการตั้งธงว่าจะกวาดล้างการกระทำผิดเรื่องใดเป็นพิเศษ ส่วนการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ว่าจะโดยคนไทยหรือคนต่างชาติ หากเกิดความเสียหายต่อประเทศไทย จะถือว่าเป็นความผิด ซึ่งได้ยกมาตราของกฎหมายอาญามาใส่ไว้ด้วย ขณะที่การติดตามจับกุมมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ด้านนายสุเจตน์ จันทรังษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวเพิ่มเติมว่า คำว่า “คอมพิวเตอร์” ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังครอบคลุมไปถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดังนั้น จึงรวมไปถึงการส่งข้อความสั้น (SMS) ข้อความมัลติมีเดีย (MMS) ผ่านโทรศัพท์ด้วย ส่วนคำว่า “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” ไม่ได้หมายความถึงตัวอักษรอย่างเดียว แต่หมายรวมได้ถึงภาพ เสียง ไฟล์ ชุดคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งประชาชนแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรที่ทำถูกต้องอยู่แล้ว แต่ที่ต้องระวัง คือ การส่งต่ออีเมลที่ได้รับส่งต่อมาอีกทอดหนึ่ง หรือการไปโพสต์เว็บ หากมีข้อความหรือภาพไม่เหมาะสม อาจมีความผิดได้ นายสุเจตน์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นความผิดทางอาญา การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.นี้ จึงจะพิจารณาที่เจตนาเป็นสำคัญ ดังนั้น ข้อมูลจราจรที่ระบุตัวผู้ใช้ที่ให้เก็บไว้นาน 90 วัน จึงมีความสำคัญมาก แต่ไม่ได้ระบุวิธีการเก็บไว้เจาะจง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นแก่ผู้ให้บริการรายย่อย ขอเพียงให้ระบุตัวผู้ใช้ย้อนหลังไปได้เท่านั้น ยืนยันว่า ต้องการให้ทุกฝ่ายเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ นอกจากนั้น ทางไอซีทียังเตรียมออกเผยแพร่ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศ และผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนด้วย แหล่งที่มา ข่าว ช่อง 9 อสมท. วันที่ 2007-07-18 16:22:08
-
ข่าวเทคโนโลยี
ICT ยังไม่พบสิ่งผิดปกติเว็บ“ทรูทักษิณ” กระทรวง ICT ออกมายอมรับว่า ถึงตอนนี้ เว็บไซด์ "ทรูทักษิณ" ยังไม่มีอะไรผิดกฏหมาย แต่ฮึ่มใส่ ถ้าเจอล่ะก็ สั่งปิดทันที ไอซีทีสั่งจับตา เว็บทรูทักษิณ หากหมิ่นเบื้องสูงสั่งบล็อกทันที แต่ขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนความคืบหน้าคดีเจาะระบบเว็บไซต์กระทรวงไอซีที เบื้องต้นพบว่าเป็นการลองฝีมือของคนบางกลุ่ม ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน แต่ได้ส่งหลักฐานให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีสั่งจับตาเว็บไซต์ทรูทักษิณ ดอทคอม (www.truethaksin.com) ในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลสถาบันเบื้องสูง และหมิ่นประมาทบุคคล ส่วนเรื่องความมั่นคงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นผู้วิเคราะห์แล้วแจ้งให้กระทรวงไอซีทีรับไปดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนฉลาด คงไม่ทำอะไรให้ผิดกฎหมาย เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมได้เมื่อเดินทางกลับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากมีสิ่งผิดปกติจะสั่งบล็อกทันที แต่คงไม่สามารถปิดเว็บไซต์ได้ เพราะเป็นเว็บไซต์ที่มีที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ส่วนข้อมูลในเว็บไซต์จะทำให้ต่างชาติเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อประเทศไทยหรือไม่นั้น เห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสำหรับประเด็นนี้ ส่วนความคืบหน้ากรณีแฮ็กเกอร์เจาะระบบเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์กระทรวงไอซีทีนั้น นายสิทธิชัยกล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นเพียงการลองฝีมือของคนบางกลุ่มเท่านั้น ขณะนี้หลักฐานทั้งหมดส่งถึงมือตำรวจแล้ว แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะจับกุมผู้กระทำผิดได้เมื่อใด แหล่งที่มา ข่าว สำนักข่าวไทย วันที่ 7-07-30 21:34:51
-
มาร์ค ชัตเติลเวิร์ธ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ลินุกซ์เวอร์ชัน Ubuntu และเป็นเวอร์ชันที่ติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของเดลล์เป็นผู้ออกมาเปิดเผยถึงข่าวการเพิ่มโปรดักซ์ใหม่ในสายการผลิตดังกล่าว โดยระบุว่า เดลล์มีความยินดีเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าพีซีลินุกซ์สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น นับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา และทางเดลล์เตรียมจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ลงในสายพีซีลินุกซ์แล้วด้วย นอกจากนี้ ชัตเติลเวิร์ธยังได้ก่อตั้งบริษัท Canonical Inc ขึ้นมาสำหรับซัปพอร์ต Ubuntu โดยเฉพาะด้วย ด้านแอน คัมเด็น โฆษกของเดลล์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่าเดลล์ยังไม่มีการพิจารณาโปรดักซ์ในส่วนของลินุกซ์แต่อย่างใด ปัจจุบัน เดลล์เป็นผู้ผลิตพีซีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากฮิวเล็ตต์แพกการ์ด ซึ่งการส่งพีซีที่ใช้ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สออกมาในครั้งนี้ได้สร้างความแตกต่างให้เดลล์ได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี ชัตเติลเวิร์ธกล่าวว่า ทางบริษัทของเขายังไม่มีแนวคิดในการเข้าไปเจรจากับผู้ผลิตพีซีรายอื่น ๆ เช่นฮิวเล็ตต์แพกการ์ด เลอโนโว เอเซอร์ โตชิบา เพื่อให้ติดตั้ง Ubuntu ลงในคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ (Web SiteCredibility) ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้ต้องดูจากการสำรวจของมหาวิทยาลัย Stamford ทั้งในอเมริกาและยุโรป มี 5 ปัจจัยที่เพิ่มความน่าเชื่อถือและ 2 ปัจจัยลดความน่าเชื่อถือ ปัจจัยที่น่าเชื่อถือ - รู้สึกอยู่ในโลกความเป็นจริง - ใช้งานง่าย - เป็นผู้ชำนาญการ - ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ - เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม ปัจจัยที่ลดความน่าเชื่อถือ - มีลักษณะเพื่อการค้า - ความเป็นมือสมัครเล่น ปัจจัยเหล่านี้มีทั้งผลบวกและผลลบ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า บุคคลส่วนใหญ่จะประเมินความน่าชื่อถือได้จากเว็บไซต์คล้ายๆ กัน ดังนี้ - ออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ - ออกแบบให้ใช้งานง่าย - แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ - แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ - เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม - หลีกเลี่ยงการใช้โฆษณาบนเว็บไซต์ - หลีกเลี่ยงความผิดพลาด การวิจัยซ้ำสอง พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ดังนี้ การเพิ่มคุณภาพให้ทันสมัยขึ้น ต้องมีบทอ้างอิงหรือผู้แต่ง ใช้ศิลปะให้เหมาะสมกับสาระ ทุกองค์ประกอบทำงานได้ อย่าเกิดอาการแฮ้งก์ หรือหยุดทำงานดื้อๆ
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ (Web SiteCredibility) ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้ต้องดูจากการสำรวจของมหาวิทยาลัย Stamford ทั้งในอเมริกาและยุโรป มี 5 ปัจจัยที่เพิ่มความน่าเชื่อถือและ 2 ปัจจัยลดความน่าเชื่อถือ ปัจจัยที่น่าเชื่อถือ - รู้สึกอยู่ในโลกความเป็นจริง - ใช้งานง่าย - เป็นผู้ชำนาญการ - ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ - เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม ปัจจัยที่ลดความน่าเชื่อถือ - มีลักษณะเพื่อการค้า - ความเป็นมือสมัครเล่น ปัจจัยเหล่านี้มีทั้งผลบวกและผลลบ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า บุคคลส่วนใหญ่จะประเมินความน่าชื่อถือได้จากเว็บไซต์คล้ายๆ กัน ดังนี้ - ออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ - ออกแบบให้ใช้งานง่าย - แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ - แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ - เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม - หลีกเลี่ยงการใช้โฆษณาบนเว็บไซต์ - หลีกเลี่ยงความผิดพลาด การวิจัยซ้ำสอง พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ดังนี้ การเพิ่มคุณภาพให้ทันสมัยขึ้น ต้องมีบทอ้างอิงหรือผู้แต่ง ใช้ศิลปะให้เหมาะสมกับสาระ ทุกองค์ประกอบทำงานได้ อย่าเกิดอาการแฮ้งก์ หรือหยุดทำงานดื้อๆ ดาวโหลดไม่นานเกินไป
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์( website credibility ) คือกรประชาสัมพันธ์องค์กร หรือ ส่วนบุคคลโดยการนำเสนอเผยแพร่ผ่านเครือข่าย www เป็นไปอย่างแพร่หลายรวดเร็ว การประเมินหรือการให้ความสำคัญกับสาระเว็บไซต์จึงจำเป็นต้องมีเกณฑ์ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อสารสนเทศเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด จากการสำรวจของpersuasive technologylab ของมหวิทยาลัย Stanford พบว่าปัจจัยที่มีส่วนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของควมเป็นจริง ข.การใช้งานง่าย ค.เป็นผู้ชำนาญการ ง.ความไว้เนื้อเชื่อใจ จ.เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม ปัจจัยที่ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงมี ลักษณะเพื่อการค้า,ความเป็นมือสมัครเล่น ที่มาของปัญหาผูที่เคยท่องเว็บไวซต์หลายๆแห่งพบว่า การนำเสนอสารสนเทศลักษณะด้อยคุณค่าหรือนำเสนอข้อความทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือ ไม่นำเสนอสารสนเทศใดๆแต่มีชื่อurl หรือเว็บไซต์เท่านั้น ทำให้ผ็ที่ท่องเว็บไซต์ต่างตั้งคำถามว่าแต่ละเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือเพียงใด ซึ่งคำว่าน่าเชื่อถืออาจหมายถึง ความรู้สึกว่ามีคุณภาพที่ผู้คนรับรู้ได้ จากปัจจัยหลากหลายไปพร้อมๆกันได้แก่ ก.ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไม่ลำเอยงบ่งบอดถึงความดีงามมีจรรยาบรรณของเว็บไซต์ ข.ความเป็นผู้ชำนาญการ บ่งบอกถึงความรู้และทักษะที่เว็บไซต์แสดงออกมา ส่วนการวิจัยของ stanfordและmakorskyและcompany ในปี ค.ศ.๒๐๐๒ พบว่าปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นมีดังนี้ ๑.การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัยมีความสามารถในการช่วยสืบค้น ๒.ปกป้องความดีงานของสาระ บทความต้องมีที่อ้างอิงหรือผู้แต่งเสมอ ๓.หน้าตาดูดีมีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ไม่มีตัวสะกดผิดพลาด เว้นวรรคถูกต้อง นามสกุลของเว็บไซต์ต้องเป็นของสถาบันหากเป็นเว็บไซต์ที่เข้าใช้ฟรีความน่าเชื่อถือจะลดลง ๔.ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานเชื่อมโยงกันได้ไม่ติดขัด หรือหยุดทำงานไปเฉยๆ เมื่อเวลาจะดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป ๕.ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ จากบทความของรองศาสตราจารย์ ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธ์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการ การศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมวุฒิสภา
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ (Web Site Credibility) จากการสำรวจของ Persuasive Technology Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford จากกลุ่มตัวอย่าง 1400 ตัวอย่าง ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อประเมินเว็บไซต์จำนวน 51 แห่ง พบว่า มีปัจจัยบางประการช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ และปัจจัยบางประการที่ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือลดลง จากปัจจัยรวมทั้งเจ็ดประการ พบว่า 5 ปัจจัยแรกมีส่วนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real-world feel) ข. ใช้งานง่าย (ease of use) ค. เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง. ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ. เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ;บุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้าย ๆ กัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร การแสดงที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ และภาพถ่ายของบุคคลในองค์กรเพื่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหาได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความน่าเชื่อถือได้ 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่สำคัญถ้ามีการลิงค์ต้องมีสารสนเทศอยู่จริง สามารถมองหาเครื่องหมายนำทาง (navigator) ได้ง่าย 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ , เช่น การเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์อื่น ๆ จะต้องบอกถึงความจำเป็นและความสำคัญของสาระนั้น ๆ อันแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ความไม่ลำเอียง ซึ่งบางครั้งขัดกับนโยบายขององค์กรเหล่านั้นซึ่งมุ่งแต่การประชาสัมพันธ์ตนเอง 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน เช่น yahoo mail จะขึ้นคำว่า welcome to yahoo mail Supit!! ทุกครั้งที่เรา sign in เข้าไปเป็นต้น 6. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ คนส่วนมากไม่ชอบการโฆษณาบ้าบิ่น การนำโฆษณามาผสมผสานกับสาระบนเว็บเพจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง อย่างไรก็ตามผลการวิจัยชี้ว่า banner ads หรือป้ายโฆษณาเล็ก ๆ น่ารัก ๆ จะช่วยให้เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ผลการออกแบบเว็บไซต์จะต้องมีลักษณะมืออาชีพ ความผิดพลาดเพียงน้อยนิด เช่น พิมพ์ชื่อคนผิดไปวางภาพกับคำอธิบายผิดตำแหน่ง เว้นวรรคผิดที่ จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงอย่างมาก จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย ตอบคำถามบนเว็บบอร์ด ส่งอีเมลล์ยืนยัน หรือตอบรับในสิ่งที่จะตกลงกัน มีความสามารถในการช่วยสืบค้น สามารถพิมพ์หน้าออกมาได้ง่าย มีหมายเลขโทรศัพท์หรือเมล์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อได้ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัดไม่มีโฆษณามากเกินไป ทั้งลักษณะ banner และ pop-up บทความต้องมีอ้างอิง หรือผู้แต่งเสมอ 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ ไม่มีตัวสะกดผิดพลาด เว้นวรรคผิด ๆ นามสกุลของเว็บไซต์ (domain name) ต้องเป็นของสถาบัน ถ้าเป็นของฟรีทั่วไป เช่น Geocities, AOL จะมีความน่าเชื่อถือลดลง 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ การเชื่อมโยงไม่ได้ การแฮ้งก์หรือหยุดทำงานดื้อๆ ทำให้น่าเบื่อหน่อย เวลาที่ใช้ดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป ดังนั้นการใส่กราฟฟิกจำนวนมากบนโฮมเพจจึงไม่เป็นการถูกต้อง 5. ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือการลิงค์ไปสู่องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์โดยตรง แหล่งที่มา : ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ karnta.blogspot.com
-
ข่าวเทคโนโลยี
รัฐบาลเปิดเว็บไซต์ให้ลงนามถวายพระพร รัฐบาลเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ (9 ก.ค.) เป็นต้นไป พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งโครงการต่าง ๆ ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา และจะดำเนินการต่อไปจนถึงสิ้นปี 2550 พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ www.80thbirthdayanniversary.go.th เริ่มตั้งแต่วันนี้ (9 ก.ค.) เป็นต้นไป สำหรับการแถลงข่าววันนี้ เพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการร่วมมือกันเผยแพร่โครงการ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติให้ปรากฏแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไป และขอเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมกันน้อมเกล้าฯ แสดงความจงรักภักดีให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการพร้อมใจกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และประกอบคุณงามความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แหล่งที่มา สำนักข่าวไทย วันที่ 2007-07-09 20:25:48
-
ข่าวเทคโนโลยี ตลาด ดอทคอม รุกตลาดต่างจังหวัด ตลาด ดอท คอม เว็บอี-คอมเมิร์ซชื่อดัง บุกตลาดต่างจังหวัดเต็มตัว โดยเล็งไปที่เชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด รุกต่างจังหวัด จัดสัมมนา ให้ผู้สนใจทำธุรกิจด้าน อี-คอมเมิร์ซ ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ได้เรียนรู้ถึง เทคนิคการพัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูปให้ประสบความสำเร็จ โดยได้เชิญคุณกาลาแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ เจ้าของเว็บไซต์ลำดับที่ 80,000 www.Kalamarebookshop.com มาบอกเล่าประสบการณ์จากการทำ อี-คอมเมิร์ซ ให้ประสบความสำเร็จ ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อสามารถนำระบบไปปรับใช้สำหรับเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่าย และประชาสัมพันธ์ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นอย่างมาก ณ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้ แหล่งที่มา 2007-08-01 17:21:06 By enews
-
เรื่อง วิทยาลัยไซเบอร์ใช้ชีวิตแบบ 'ซิมซิตี้' เรื่องย่อ อัสสัมชัญเปิดวิทยาลัยไซเบอร์ ใช้ชีวิตแบบเกมซิม ซิตี้ จินตนาการตามฝัน แต่! เรียนจริง จ่ายเงินจริง เปิดเช่าพื้นที่ทำธุรกิจหารายได้ผ่านเน็ตหลังบริษัท ลินเดนแลป (Linden Lab) เปิดบริการโลกเสมือนจริงที่เว็บไซต์ “เซคันด์ไลฟ์” (www.secondlife.com) ล่าสุด เดือน ก.ค.นี้ มีผู้เข้าใช้บริการถึง 8 ล้านคน มีการทำกิจกรรม อาทิ ธุรกิจ บันเทิง และการศึกษา โดยมีผู้ใช้งานพร้อมกันทั่วโลกสูงสุดถึง 3 หมื่นคน และตลอด 24 ชั่วโมง มีการซื้อขายสินค้าและบริการกว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัย 150 แห่ง เปิดสอน ได้แก่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของอเมริกา ส่วนอังกฤษมีมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ เป็นต้น สำหรับประเทศไทย วิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเทอร์เน็ตมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เปิดให้บริการในโลกเสมือนจริง ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการและประธานผู้บริหารวิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเทอร์เน็ต กล่าวว่า ตนได้เข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตวันละ 3 ครั้ง และเห็นว่าในเว็บไซต์ “เซคันด์ไลฟ์” มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก และเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัล จึงได้ซื้อพื้นที่ในโลกเสมือนจริง “Charming Island” จำนวน 65,536 ตารางเมตร มูลค่า 1 แสนบาท เปิดบริการการสอน โดยเบื้องต้นเปิดสอนปริญญา 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรปริญญาโทการจัดการ, ปริญญาโทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหลักสูตรปริญญาเอกวิธีวิทยาอีเลิร์นนิ่ง เมื่อเรียนจบจะได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเหมือนผู้ที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ในพื้นที่ “เซคันด์ไลฟ์” หรือ ชีวิตที่สอง ผู้เข้าใช้งานสามารถสมมุติและจินตนาการให้ตนเองเป็นอะไรก็ได้ คล้ายกับการเล่นเกมซิมซิตี้ เพียงแต่พื้นที่ ร้านค้า และธุรกิจที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่เซคันด์ไลฟ์ต้องจ่ายเงินจริง ซึ่งต่างจากการเล่นเกมที่ทุกสิ่งเป็นเรื่องสมมุติ. แหล่งที่มา :หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ 6 ส.ค.2550
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ (Web Site Credibility) จากการสำรวจของ Persuasive Technology Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford จากกลุ่มตัวอย่าง 1400 ตัวอย่าง ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อประเมินเว็บไซต์จำนวน 51 แห่ง พบว่า มีปัจจัยบางประการช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ และปัจจัยบางประการที่ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือลดลง จากปัจจัยรวมทั้งเจ็ดประการ พบว่า 5 ปัจจัยแรกมีส่วนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real-world feel) ข. ใช้งานง่าย (ease of use) ค. เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง. ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ. เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ;บุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้าย ๆ กัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1. ความน่าเชื่อถือของเว็บไซค์ สิ่งสำคัญอันดับแรกคงจะต้องดูที่จุดปะสงค์ของการเขียนเวปไซค์ว่าเขียนมาเพื่อสิ่งใด เช่นถ้ามุ่งธุรกิจ มีการอวดอ้างหรือโฆษณาเกินจริงหรือปล่าว 2. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร การแสดงที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ และภาพถ่ายของบุคคลในองค์กรเพื่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหาได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความน่าเชื่อถือได้ 3. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่สำคัญถ้ามีการลิงค์ต้องมีสารสนเทศอยู่จริง สามารถมองหาเครื่องหมายนำทาง (navigator) ได้ง่าย 4. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงชัดเจน 5. แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ , เช่น การเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์อื่น ๆ จะต้องบอกถึงความจำเป็นและความสำคัญของสาระนั้น ๆ อันแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ความไม่ลำเอียง ซึ่งบางครั้งขัดกับนโยบายขององค์กรเหล่านั้นซึ่งมุ่งแต่การประชาสัมพันธ์ตนเอง 6. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน เช่น yahoo mail จะขึ้นคำว่า welcome to yahoo mail Supit!! ทุกครั้งที่เรา sign in เข้าไปเป็นต้น 7. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ คนส่วนมากไม่ชอบการโฆษณาบ้าบิ่น การนำโฆษณามาผสมผสานกับสาระบนเว็บเพจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง อย่างไรก็ตามผลการวิจัยชี้ว่า banner ads หรือป้ายโฆษณาเล็ก ๆ น่ารัก ๆ จะช่วยให้เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ 8. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ผลการออกแบบเว็บไซต์จะต้องมีลักษณะมืออาชีพ ความผิดพลาดเพียงน้อยนิด เช่น พิมพ์ชื่อคนผิดไปวางภาพกับคำอธิบายผิดตำแหน่ง เว้นวรรคผิดที่ จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงอย่างมาก จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย ตอบคำถามบนเว็บบอร์ด ส่งอีเมลล์ยืนยัน หรือตอบรับในสิ่งที่จะตกลงกัน มีความสามารถในการช่วยสืบค้น สามารถพิมพ์หน้าออกมาได้ง่าย มีหมายเลขโทรศัพท์หรือเมล์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อได้ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัดไม่มีโฆษณามากเกินไป ทั้งลักษณะ banner และ pop-up บทความต้องมีอ้างอิง หรือผู้แต่งเสมอ 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ ไม่มีตัวสะกดผิดพลาด เว้นวรรคผิด ๆ นามสกุลของเว็บไซต์ (domain name) ต้องเป็นของสถาบัน ถ้าเป็นของฟรีทั่วไป เช่น Geocities, AOL จะมีความน่าเชื่อถือลดลง 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ การเชื่อมโยงไม่ได้ การแฮ้งก์หรือหยุดทำงานดื้อๆ ทำให้น่าเบื่อหน่อย เวลาที่ใช้ดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป ดังนั้นการใส่กราฟฟิกจำนวนมากบนโฮมเพจจึงไม่เป็นการถูกต้อง 5. ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือการลิงค์ไปสู่องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์โดยตรง
แหล่งที่มา : ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ karnta.blogspot.com
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ (Web Site Credibility) จากการสำรวจของ Persuasive Technology Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford จากกลุ่มตัวอย่าง 1400 ตัวอย่าง ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อประเมินเว็บไซต์จำนวน 51 แห่ง พบว่า มีปัจจัยบางประการช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ และปัจจัยบางประการที่ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือลดลง จากปัจจัยรวมทั้งเจ็ดประการ พบว่า 5 ปัจจัยแรกมีส่วนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้แก่ ก.รู้สึกอยู่ในโลกของความเป็นจริง (real-world feel) ข. ใช้งานง่าย (ease of use) ค. เป็นผู้ชำนาญการ (expertise) ง. ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (trustworthiness) จ. เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม (tailoring) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ;บุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้าย ๆ กัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร การแสดงที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ และภาพถ่ายของบุคคลในองค์กรเพื่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหาได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความน่าเชื่อถือได้ 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่สำคัญถ้ามีการลิงค์ต้องมีสารสนเทศอยู่จริง สามารถมองหาเครื่องหมายนำทาง (navigator) ได้ง่าย 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ , เช่น การเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์อื่น ๆ จะต้องบอกถึงความจำเป็นและความสำคัญของสาระนั้น ๆ อันแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ความไม่ลำเอียง ซึ่งบางครั้งขัดกับนโยบายขององค์กรเหล่านั้นซึ่งมุ่งแต่การประชาสัมพันธ์ตนเอง 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน เช่น yahoo mail จะขึ้นคำว่า welcome to yahoo mail Supit!! ทุกครั้งที่เรา sign in เข้าไปเป็นต้น 6. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ คนส่วนมากไม่ชอบการโฆษณาบ้าบิ่น การนำโฆษณามาผสมผสานกับสาระบนเว็บเพจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง อย่างไรก็ตามผลการวิจัยชี้ว่า banner ads หรือป้ายโฆษณาเล็ก ๆ น่ารัก ๆ จะช่วยให้เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ผลการออกแบบเว็บไซต์จะต้องมีลักษณะมืออาชีพ ความผิดพลาดเพียงน้อยนิด เช่น พิมพ์ชื่อคนผิดไปวางภาพกับคำอธิบายผิดตำแหน่ง เว้นวรรคผิดที่ จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงอย่างมาก จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย ตอบคำถามบนเว็บบอร์ด ส่งอีเมลล์ยืนยัน หรือตอบรับในสิ่งที่จะตกลงกัน มีความสามารถในการช่วยสืบค้น สามารถพิมพ์หน้าออกมาได้ง่าย มีหมายเลขโทรศัพท์หรือเมล์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อได้ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างเด่นชัดไม่มีโฆษณามากเกินไป ทั้งลักษณะ banner และ pop-up บทความต้องมีอ้างอิง หรือผู้แต่งเสมอ 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ ไม่มีตัวสะกดผิดพลาด เว้นวรรคผิด ๆ นามสกุลของเว็บไซต์ (domain name) ต้องเป็นของสถาบัน ถ้าเป็นของฟรีทั่วไป เช่น Geocities, AOL จะมีความน่าเชื่อถือลดลง 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ การเชื่อมโยงไม่ได้ การแฮ้งก์หรือหยุดทำงานดื้อๆ ทำให้น่าเบื่อหน่อย เวลาที่ใช้ดาวน์โหลดต้องไม่นานเกินไป ดังนั้นการใส่กราฟฟิกจำนวนมากบนโฮมเพจจึงไม่เป็นการถูกต้อง 5. ชื่อเสียงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือการลิงค์ไปสู่องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์โดยตรง แหล่งที่มา : ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ karnta.blogspot.com
-
At a Glance
ชุดพัฒนา MegaMatcher เป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาระบบ AFIS ขนาดใหญ่ ที่ใช้ MegaMatcher scalable AFIS technology เพื่อให้การยืนยันลายนิ้วมือมีความน่าเชื่อถือสูง และสามารถที่จะทำการยืนยันตัวบุคคล ทั้งจากฐานข้อมูลลายนิ้วมือแบบแบบหมุนทั้งนิ้ว (Rolled Fingerprint) และจากฐานข้อมูลลายนิ้วมือแบบบริเวณส่วนกลางของนิ้ว (Flat Fingerprint) ได้
-
ข่าวเทคโนโลยี "รัมภา มนูญศิลป์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด คุณรัมภากับลูกๆที่ภูเก็ต ฟัง "รัมภา มนูญศิลป์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงคุณแม่คนเก่ง ความประทับใจระหว่างสองแม่ลูก และความลับที่ว่าคุณรัมภาคือลูกคนเดียวที่โดนแม่ตี :-D 1.นิยามคุณแม่ คุณแม่สุนทร ปัจจุบัน อายุ 78 ย่าง 79 แล้ว อยู่ที่บ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นคนที่ให้กำเนิดเรา ให้ความเป็นตัวเรา ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นทั้งแม่และเพื่อนของลูก และยังเป็นส่วนเติมเต็มของคุณพ่อ คือ คุณพ่อจะเป็นคนที่เคร่งครัด เอาจริงเอาจัง ทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ มีแรงผลักดันสูง ในขณะที่คุณแม่จะเป็นผู้สนับสนุนที่ดี มีอารมณ์ขัน คอยทำให้สถานการณ์ หรือความเคร่งเครียดเบาลง 2.เรื่องราวคุณแม่สุดประทับใจ เนื่องจากเป็นลูกคนเล็ก คุณแม่ค่อนข้างจะตามใจ แต่ก็จำได้สนิทว่าเป็นลูกคนเดียวที่โดนแม่ตี คงเป็นเพราะเด็กๆ ดื้อ และชอบต่อต้าน คุณแม่เป็นคนสนุกสนาน และการที่มีอาชีพค้าขาย ได้พบปะผู้คนหลากหลาย ทำให้มีเรื่องมาเล่า บ้างก็เลียนเสียงคนอื่น ทำให้ครอบครัวมีชีวิตชีวาอยู่ตลอด และด้วยความที่คุณแม่เป็นคนที่มีอารมณ์ขันมาก เฮฮา สบายๆ ทำเรื่องเครียดเป็นเรื่องตลก จึงมีหลายเรื่องที่ยังทำให้เราได้นำมาใช้ทุกวันนี้เช่นกัน อย่างเช่น คุณพ่อเป็นคนจีนที่เคร่ง มีระเบียบแบบแผน ทานเจ และไม่ให้ลูกทานเนื้อ นำเนื้อเข้าบ้านไม่ได้ แต่แม่ทานเนื้อ สุมหัวกับลูก ทำเป็นเรื่องเฮฮา และมองว่า เนื้อก็เป็นโปรตีน ลูกทาน ก็จะได้รับโภชนาการที่ดีเหมือนกัน คือไม่ห้าม ให้โอกาสได้ลองบ้างถ้าไม่เสียหาย ตรงนี้ทำให้เราได้นำไปใช้กับลูกเหมือนกัน คือไม่ได้ห้ามลูกไปหมดเสียทุกอย่าง ให้เขาได้ลองและสัมผัส เขาจะได้เข้าใจและเรียนรู้ด้วยตัวเองไปด้วย 3.หลักดำเนินชีวิตของคุณแม่ ส่วนใหญ่คุณแม่จะไม่ได้สอนตรงๆ จะเป็นการซึมซับจากการกระทำของคุณแม่เสียมากกว่า ที่จำได้ว่าสอน และทำให้เราจดจำถึงทุกวันนี้ก็คือ ตอนเป็นเด็ก คุณแม่จะเอาใจใส่ญาติ ซึ่งเป็นเด็กรุ่นเดียวกัน ให้เป็นเพื่อนเล่นกัน แต่เราไม่เข้าใจ ตอนนั้นจะอิจฉาเด็กคนนี้มาก ว่าทำไมแม่เราไปดู ไปสนใจคนอื่นมากกว่า แต่เมื่อคุณแม่ชี้ให้เราเห็นว่า เด็กคนนั้นมีโอกาสน้อยกว่าเรา ไม่ได้มีเท่าเรา น่าเห็นใจ การจะเข้าไปดูแลเขามากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ง่ายๆ เราทำได้ แต่มีคุณค่าทางจิตใจ เขาจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เรามีให้ ชดเชยบางส่วนที่ขาดไป พอเรารับรู้และเข้าใจ ก็หายโกรธเลย และทำให้เราจำ นำมาใช้ เพราะเป็นข้อคิดที่ให้รู้จักแบ่งปัน ซึ่งความโกรธ ความโมโหแบบเด็กๆที่เรามี เราจะจำได้แม่น ฉะนั้น เวลาหายโกรธ ก็จะจำในสิ่งที่แม่สอนได้ดีเช่นกัน เรื่องความมีน้ำใจ แบ่งปัน มีจิตใจโอบอ้อมอารี การที่คุณแม่ทำให้ลูกๆเห็น ไม่ใช่แค่พร่ำสอนด้วยคำพูด จะรู้สึกว่าจดจำ และระลึกถึงอยู่เสมอ เช่น ตอนที่ขายน้ำมัน ก็จะมีคนจน ที่ต้องใช้รถไถนา รถแทรกเตอร์ มาเป็นลูกค้าด้วย มีลูกค้าที่แก่แล้วรายหนึ่ง จนมาก ใช้หนังสือพิมพ์ห่อเงิน เพื่อมาจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ย้อนหลัง 5 ปี คุณแม่ไม่รับ บอกว่ากว่าเขาจะได้เงินมาแต่ละบาท ยากลำบากแค่ไหน บวกกับความซื่อสัตย์ที่เขามี และครอบครัวเราเองไม่ได้เดือดร้อน ก็ยกหนี้ให้เขาไป 4.วิธีบอกรักคุณแม่ฉบับคุณรัมภา กอด หอมแก้ม พูดคุยในเรื่องดีๆ สนุกสนาน ด้วยความที่คุณแม่อายุมากแล้ว ก็จะคอยห้ามเรื่องอาหารหวานๆ อยากให้ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง และวันหยุด หรืออย่างวันแม่ ก็จะพาลูกๆไปเยี่ยมคุณยาย ลูกๆจะได้มีเวลาใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ ได้ซึมซับความรู้สึก ความผูกพันในครอบครัวไปด้วย เพราะแม่ทำให้เชื่อว่า การทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง ลูกจะเข้าใจ และจดจำได้ดี อยากให้ลูกเป็นอย่างไร เราบอกผ่านได้ด้วยการกระทำ แหลงที่มา หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการออนไลน์ 12 สิงหาคม 2550 06:29 น.
-
ข่าวเทคโนโลยี
วัยรุ่น'07มองไอที"เครืองมือสร้างเครือข่าย" ผลวิจัยจากไมโครซอฟท์และเอ็มทีวีชี้ แนวคิดของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของเด็กในโลกอุดมคติกับโลกแห่งความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 16 เปอร์เซ็นต์ของเด็กยุคใหม่มองเว็บไซต์ และโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการ "สร้างเครือข่ายทางสังคม" มากกว่าจะเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีอีกต่อไป แอนดรูว์ เดวิดสัน (Andrew Davidson) ผู้บริหารในเครือ MTV กล่าวว่า "เด็กวัยรุ่นมองว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา ไม่ใช่เป็นแค่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปอีกแล้ว การพูดคุยกับเด็กเหล่านี้เกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ไม่ต่างกับการคุยกับเด็กในยุค 1980 เกี่ยวกับสวนสนุก หรือการใช้โทรศัพท์เด็กเล่น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้" ผลการสำรวจนี้ได้สอบถามมาจากผู้มีอายุระหว่าง 8 - 24 ปี และเผยแพร่ภายใต้ชื่อของไมโครซอฟท์และเอ็มทีวีเน็ตเวิร์ก คณะผู้สำรวจได้ทำการสัมภาษณ์เด็ก ๆ จำนวน 18,000 คนใน 16 ประเทศ โดยส่วนหนึ่งเป็นเด็กในประเทศยักษ์ใหญ่เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก ฯลฯ เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของเด็กยุคใหม่ ซึ่งประเด็นการใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับใช้งานในกลุ่มวัยรุ่นมากที่สุดเป็นเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ "ดาวน์โหลด" (Download) และการ "เบิร์น" (Burn) จากผลการสำรวจพบว่า ทัศนคติของวัยรุ่นในภูมิภาคที่แตกต่างกันมีผลต่อแนวคิดที่เด็กวัยรุ่นมีต่อเทคโนโลยีด้วย เช่น วัยรุ่นจีนจะมีเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตที่พวกเขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนประมาณ 37 คน (ค่าเฉลี่ย) ขณะที่วัยรุ่นอินเดียมองว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์บ่งบอกสถานะทางสังคม หรือเด็กวัยรุ่น 1 ใน 3 ของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาบอกว่าพวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าหากขาดเครื่องเล่นเกมคอนโซล "เราพบว่าแนวทางการใช้หรือปรับเทคโนโลยีให้เข้ากับวิถีชีวิตประจำวันของประชากรในแต่ละภูมิภาคนั้นไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม บวกกับความสามารถทางเทคโนโลยีที่สามารถทำได้" เดวิดสันกล่าวพร้อมยกตัวอย่างการใช้โทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับวัยรุ่น เนื่องจากสามารถพกพาสะดวก และมีความเป็นส่วนตัว ขณะที่โปรแกรมแชตออนไลน์ หรือการมีเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนของเด็กญี่ปุ่นกลับไม่ได้รับความนิยม ค่าเฉลี่ยของเด็กญี่ปุ่นช่วงอายุ 8 - 14 ปีมีเพื่อนออนไลน์ที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเพียง 1 คนเท่านั้น หากหันไปดูตัวเลขนี้จากเด็กวัยรุ่นจีนพบว่า เด็กจีนที่มีอายุช่วงเดียวกันกลับเลือกเล่นอินเทอร์เน็ตมากกว่าดูทีวี ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ประหลาดมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุเดียวกันในประเทศอื่น ๆ ผู้สำรวจยังเปิดเผยอีกด้วยว่า โดยทั่วไปแล้วเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีจะชอบดูทีวี ฟังเพลง และรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน ๆ เป็นหลัก นอกจากนั้นคณะสำรวจยังพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มเด็กวัยรุ่นในการใช้เทคโนโลยีมากที่สุดอยู่ที่ "โฆษณา" นั่นเอง "กลุ่มเด็กวัยรุ่นในวันนี้เป็นตลาดใหม่ของวงการดิจิตอลที่มีขนาดใหญ่มากกว่าในอดีต" เดวิดสันกล่าวในที่สุด แหลรงที่มา
หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2550 22:02 น.
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ Web Site Credibility!!
ความน่าเชื่อถือ (credibility) อาจนิยามได้ว่า หมายถึง ความเชื่อได้ (believability) สารสนเทศที่น่าเชื่อถือก็คือสารสนเทศที่เราเชื่อได้นั่นเอง โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ 1. ความไว้เนื้อเชื่อใจ (trustworthiness) ประกอบด้วย ความตั้งใจจริง(well intentioned) ,ความมีสัจจะ(truthful) ,ความไม่ลำเอียง (unbiased) 2. ความเป็นผู้ชำนาญการ (expertise) หมายถึงความรอบรู้ มีประสบการณ์ มีสมรรถนะ ฯลฯ
บุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้ายกัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร เพื่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหาได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความน่าเชื่อได้ 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่สำคัญถ้ามีการลิงค์ต้องมีสารสนเทศอยู่จริง 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงที่ชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ เช่น การเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์อื่นๆ จะต้องบอกถึงความจำเป็นและความสำคัญของสาระนั้นๆ 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน เช่น yahoo mail จะขึ้นคำว่า welcome to yahoo mail Supit!! ทุกครั้งที่เรา sign in เข้าไป เป็นต้น 6. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้น ดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย ตอบคำถามบนเว็บบอร์ด ส่งอีเมลล์ยืนยัน เป็นต้น โดยมีหมายเลขโทรศัพท์หรือเมลล์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อได้ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างชัดเจน 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ 5. ชื่อเสืยงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆหรือการลิงค์ไปสู่องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์
-
ข่าวเทคโนโลยี
งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2007 เริ่มแล้ว ไอที ซิตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์เมืองไทยได้จัดงานมหกรรมสินค้าไอทีครั้งยิ่งใหญ่ โดยงานจะมีถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2550 เมื่อเร็วๆ นี้คุณเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ไอที ซิตี้ (คนที่ 5 จากซ้าย) และผู้บริหารจากบริษัทคู่ค้า อาทิ เอเซอร์, เอปสัน, เอชพี, บราเทอร์, แคนนอน, เล็กมาร์ก, ลีโอนิกส์, โซนี่ และเอสวีโอเอ ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวและทำพิธีเปิดงานที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2007 มหกรรมสินค้าไอทีราคาพิเศษครั้งยิ่งใหญ่ โชว์เทคโนโลยีใหม่ Air Mouse เมาส์ตัวแรกของโลกที่ไม่ต้องวางลากบนโต๊ะ ก็สามารถทำงานได้, GPS, Skype Phone, CCTV กล้องวงจรปิดแบบไร้สาย พร้อมจัดโปรโมชั่นช้อปครบทุก 1,000 บาท ลุ้นรับ Smart Phone, จำนวน 100 เครื่อง และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2550 ที่ร้านไอที ซิตี้ ทั้ง 30 สาขาทั่วประเทศ
แหล่งที่มา สำนักข่าว NEWS 2007-08-16 13:56:24
-
ข่าวเทคโนโลยี
ยูเอ็นซ่อมเว็บไซต์หลังถูกแฮกเกอร์เจาะ องค์การสหประชาชาติหน้าแตกครั้งใหญ่ หลังถูกมือดีตัวป่วนแฮกเข้าไปก่อกวนข้อมูลบนเว็บไซต์ จนเป็นที่อับอายไปทั่ว เจ้าหน้าที่สหประชาชาติหรือยูเอ็นแจ้งว่า ยูเอ็นได้ระงับการปรับปรุงข้อมูลในเว็บไซต์ในระหว่างการแก้ไขหลังจากถูกแฮกเกอร์เจาะระบบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกยูเอ็นเผยว่า แฮกเกอร์ได้เจาะเข้าหน้าเว็บที่สงวนไว้สำหรับ นายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น ด้วยการโพสต์ข้อความกล่าวหาสหรัฐและอิสราเอลว่าเป็นฆาตกรสังหารเด็ก ยูเอ็นได้รีบนำข้อความเหล่านั้นออกและหยุดการปรับปรุงข้อมูลระหว่างการแก้ไข นอกจากนี้แฮกเกอร์ยังเจาะเข้าหน้าเว็บของสภาเศรษฐกิจและสังคม และหน้าเว็บของโครงการสิ่งแวดล้อมยูเอ็นด้วย ยูเอ็นกำลังสอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เร่งป้องกันไม่ให้ระบบเสียหายแล้ว อย่างไรก็ดี การถูกเจาะระบบครั้งนี้ไม่กระทบข้อมูลสำคัญทางการเงินของยูเอ็น นักเขียนบล็อกที่ได้เห็นข้อความของแฮกเกอร์ในเว็บไซต์ยูเอ็นเผยว่า แฮกเกอร์อ้างตัวว่ามี 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นชาวตุรกี ส่วนเว็บไซต์ของกลุ่มที่อ้างตัวดังกล่าวได้ลงรายชื่อเว็บไซต์หลายหน่วยงานที่เข้าไปเจาะมาแล้ว เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยแพทย์นอร์โฟลค์แอนด์นอริช แหล่งที่มา สำนักข่าวไทย 2007-08-14 18:38:58
-
เทคโนโลย๊ โปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถ
เป็นโปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถซึ่งนำมาช่วยในการจัดการรถเข้าออกสถานที่ ทำให้การตรวจสอบรถและการควบคุมการเข้าออกมีประสิทธิภาพากขึ้น โดยที่ปัจจุบันยังไม่มีระบบเช่นนี้ในท้องตลาดเนื่องยังขาดเทคโนโลยีที่มี คุณภาพเพียงพอสำหรับนำมาใช้งานจริง ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของระบบคือการรู้จำตัวอักษรหรือโอซีอาร์ เนื่องจากป้ายทะเบียนของไทยมีตัวอักษรภาษาไทยประกอบอยู่ด้วยจึงทำให้ไม่ สามารถนำเอาระบบของต่างประเทศมาใช้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับภาษาไทย เนื่องจากเนคเทคมีความเชี่ยวชาญด้านโอซีอาร์ภาษาไทยอยู่แล้วจึงช่วยให้การ วิจัยการรู้จำป้ายทะเบียนภาษาไทยดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น
รูปแบบการใช้งาน ควบคุมการทำผิดกฎจราจร โดยบันทึกทะเบียนรถของผู้ทำผิดเพื่อดำเนินการต่อไป ควบคุมรถเข้าออกอาคารสถานที่หวงห้าม เช่น ชายแดน สถานที่ส่วนบุคคล หรือหน่วยงานทางการทหาร ตรวจสอบว่าเป็นรถภายในหรือของคนนอก การรักษาความปลอดภัย ป้องกันการขโมย ติดตามรถหาย และรถที่อยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัย การจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ ลดจำนวนคนในการดูแล และทำให้การติดขัดลดน้อยลง การจดเวลาเข้าออก และคำนวณค่าจอด ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการที่จอดรถ คาบคุมการจัดเก็บค่าจอดและค่าผ่านทาง ช่วยลดรั่วไหลจากการจัดเก็บเงิน
ข้อมูลด้านเทคนิค
ความเร็วในการประมวลผลป้ายทะเบียนเฉลี่ย 0.5 วินาทีต่อป้าย ความถูกต้องในการรู้จำเฉลี่ย 95% อิสระในการติดตั้งกล้องด้วยมุมเอียงถึง 30 องศาจากหน้าป้าย ทำงานได้กับรถที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง ทำงานร่วมกับกล้องที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องสีหรือขาวดำ ที่มีความละเอียดภาพอย่างต่ำ 640x480
-
เทคโนโลย๊ โปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถ
เป็นโปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถซึ่งนำมาช่วยในการจัดการรถเข้าออกสถานที่ ทำให้การตรวจสอบรถและการควบคุมการเข้าออกมีประสิทธิภาพากขึ้น โดยที่ปัจจุบันยังไม่มีระบบเช่นนี้ในท้องตลาดเนื่องยังขาดเทคโนโลยีที่มี คุณภาพเพียงพอสำหรับนำมาใช้งานจริง ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของระบบคือการรู้จำตัวอักษรหรือโอซีอาร์ เนื่องจากป้ายทะเบียนของไทยมีตัวอักษรภาษาไทยประกอบอยู่ด้วยจึงทำให้ไม่ สามารถนำเอาระบบของต่างประเทศมาใช้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับภาษาไทย เนื่องจากเนคเทคมีความเชี่ยวชาญด้านโอซีอาร์ภาษาไทยอยู่แล้วจึงช่วยให้การ วิจัยการรู้จำป้ายทะเบียนภาษาไทยดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น
รูปแบบการใช้งาน ควบคุมการทำผิดกฎจราจร โดยบันทึกทะเบียนรถของผู้ทำผิดเพื่อดำเนินการต่อไป ควบคุมรถเข้าออกอาคารสถานที่หวงห้าม เช่น ชายแดน สถานที่ส่วนบุคคล หรือหน่วยงานทางการทหาร ตรวจสอบว่าเป็นรถภายในหรือของคนนอก การรักษาความปลอดภัย ป้องกันการขโมย ติดตามรถหาย และรถที่อยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัย การจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ ลดจำนวนคนในการดูแล และทำให้การติดขัดลดน้อยลง การจดเวลาเข้าออก และคำนวณค่าจอด ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการที่จอดรถ คาบคุมการจัดเก็บค่าจอดและค่าผ่านทาง ช่วยลดรั่วไหลจากการจัดเก็บเงิน
ข้อมูลด้านเทคนิค
ความเร็วในการประมวลผลป้ายทะเบียนเฉลี่ย 0.5 วินาทีต่อป้าย ความถูกต้องในการรู้จำเฉลี่ย 95% อิสระในการติดตั้งกล้องด้วยมุมเอียงถึง 30 องศาจากหน้าป้าย ทำงานได้กับรถที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง ทำงานร่วมกับกล้องที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องสีหรือขาวดำ ที่มีความละเอียดภาพอย่างต่ำ 640x480
-
เทคโนโลย๊ โปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถ
เป็นโปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถซึ่งนำมาช่วยในการจัดการรถเข้าออกสถานที่ ทำให้การตรวจสอบรถและการควบคุมการเข้าออกมีประสิทธิภาพากขึ้น โดยที่ปัจจุบันยังไม่มีระบบเช่นนี้ในท้องตลาดเนื่องยังขาดเทคโนโลยีที่มี คุณภาพเพียงพอสำหรับนำมาใช้งานจริง ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของระบบคือการรู้จำตัวอักษรหรือโอซีอาร์ เนื่องจากป้ายทะเบียนของไทยมีตัวอักษรภาษาไทยประกอบอยู่ด้วยจึงทำให้ไม่ สามารถนำเอาระบบของต่างประเทศมาใช้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับภาษาไทย เนื่องจากเนคเทคมีความเชี่ยวชาญด้านโอซีอาร์ภาษาไทยอยู่แล้วจึงช่วยให้การ วิจัยการรู้จำป้ายทะเบียนภาษาไทยดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น
รูปแบบการใช้งาน ควบคุมการทำผิดกฎจราจร โดยบันทึกทะเบียนรถของผู้ทำผิดเพื่อดำเนินการต่อไป ควบคุมรถเข้าออกอาคารสถานที่หวงห้าม เช่น ชายแดน สถานที่ส่วนบุคคล หรือหน่วยงานทางการทหาร ตรวจสอบว่าเป็นรถภายในหรือของคนนอก การรักษาความปลอดภัย ป้องกันการขโมย ติดตามรถหาย และรถที่อยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัย การจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ ลดจำนวนคนในการดูแล และทำให้การติดขัดลดน้อยลง การจดเวลาเข้าออก และคำนวณค่าจอด ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการที่จอดรถ คาบคุมการจัดเก็บค่าจอดและค่าผ่านทาง ช่วยลดรั่วไหลจากการจัดเก็บเงิน
ข้อมูลด้านเทคนิค
ความเร็วในการประมวลผลป้ายทะเบียนเฉลี่ย 0.5 วินาทีต่อป้าย ความถูกต้องในการรู้จำเฉลี่ย 95% อิสระในการติดตั้งกล้องด้วยมุมเอียงถึง 30 องศาจากหน้าป้าย ทำงานได้กับรถที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง ทำงานร่วมกับกล้องที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องสีหรือขาวดำ ที่มีความละเอียดภาพอย่างต่ำ 640x480
-
เทคโนโลย๊ โปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถ เป็นโปรแกรมรู้จำป้ายทะเบียนรถซึ่งนำมาช่วยในการจัดการรถเข้าออกสถานที่ ทำให้การตรวจสอบรถและการควบคุมการเข้าออกมีประสิทธิภาพากขึ้น โดยที่ปัจจุบันยังไม่มีระบบเช่นนี้ในท้องตลาดเนื่องยังขาดเทคโนโลยีที่มี คุณภาพเพียงพอสำหรับนำมาใช้งานจริง ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของระบบคือการรู้จำตัวอักษรหรือโอซีอาร์ เนื่องจากป้ายทะเบียนของไทยมีตัวอักษรภาษาไทยประกอบอยู่ด้วยจึงทำให้ไม่ สามารถนำเอาระบบของต่างประเทศมาใช้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับภาษาไทย เนื่องจากเนคเทคมีความเชี่ยวชาญด้านโอซีอาร์ภาษาไทยอยู่แล้วจึงช่วยให้การ วิจัยการรู้จำป้ายทะเบียนภาษาไทยดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น รูปแบบการใช้งาน ควบคุมการทำผิดกฎจราจร โดยบันทึกทะเบียนรถของผู้ทำผิดเพื่อดำเนินการต่อไป ควบคุมรถเข้าออกอาคารสถานที่หวงห้าม เช่น ชายแดน สถานที่ส่วนบุคคล หรือหน่วยงานทางการทหาร ตรวจสอบว่าเป็นรถภายในหรือของคนนอก การรักษาความปลอดภัย ป้องกันการขโมย ติดตามรถหาย และรถที่อยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัย การจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ ลดจำนวนคนในการดูแล และทำให้การติดขัดลดน้อยลง การจดเวลาเข้าออก และคำนวณค่าจอด ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการที่จอดรถ คาบคุมการจัดเก็บค่าจอดและค่าผ่านทาง ช่วยลดรั่วไหลจากการจัดเก็บเงิน ข้อมูลด้านเทคนิค ความเร็วในการประมวลผลป้ายทะเบียนเฉลี่ย 0.5 วินาทีต่อป้าย ความถูกต้องในการรู้จำเฉลี่ย 95% อิสระในการติดตั้งกล้องด้วยมุมเอียงถึง 30 องศาจากหน้าป้าย ทำงานได้กับรถที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง ทำงานร่วมกับกล้องที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องสีหรือขาวดำ ที่มีความละเอียดภาพอย่างต่ำ 640x480
-
เรื่อง จุดเปลี่ยนไฟล์แนบอีเมลขยะ เปลี่ยนจากรูปภาพเป็น PDF-Excel- Word เรื่องย่อ ไซแมนเทคแถลงสถานการณ์อีเมลขยะล่าสุด ระบุจำนวนสแปมเมลที่แนบไฟล์รูปภาพในขณะนี้เริ่มลดลงสวนทางกับอีเมล์ขยะที่แนบไฟล์พีดีเอฟที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตือนภัยอย่าวางใจไฟล์เอ็กเซลและไมโครซอฟท์เวิร์ดเนื่องจากทั้งสองฟอร์แม็ตคือแนวโน้มอีเมลขยะแบบใหม่ที่คาดว่าจะแพร่ระบาดในอนาคต ไซแมนเทค (Symantec) รายงานสถานการณ์ของอีเมล์ขยะประจำเดือนสิงหาคม 2550 ว่ามีจำนวนใกล้เคียงกับผลสำรวจที่ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระดับปริมาณอีเมล์ขยะอยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ หมดยุคใช้รูป ไซแมนเทคระบุว่าอีเมล์ขยะมีการใช้กลยุทธ์รูปแบบใหม่ โดยอีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพมาพร้อมในอีเมล์ (Image spam) มีจำนวนลดลงอยู่ที่สัดส่วน 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ลดลงราว 52 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในขณะที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ (PDF Spam) มียอดที่สูงขึ้น จุดนี้นางภัทราภา หงส์คำดี ที่ปรึกษาทางเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการปรับปรุงกลยุทธ์ใหม่ของนักส่งอีเมลขยะ หลังจากที่ผู้จำหน่ายโปรแกรมดักจับอีเมลขยะ (anti spam) มากมายสามารถตรวจสอบและคัดกรองอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ "เหตุผลที่อีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพเริ่มลดปริมาณลง คือผู้จำหน่ายโปรแกรมแอนตี้สแปมจากค่ายต่างๆ สามารถป้องกันการจู่โจมจากอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยทำให้บรรดาสแปมเมอร์ทั้งหลายหันมาใช้วิธีอื่นๆแทน โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่ง คือ ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไซแมนเทคได้สังเกตเห็นว่าเริ่มมีตัวอย่างของอีเมล์ขยะแรกที่อาศัยวิธีลอกเลียนแบบ Google Blogs Alert ด้วย" นอกจากนี้ ในรายงานยังได้ระบุถึงประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายประเด็น โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ "อีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้น คิดเป็นปริมาณ 2 – 8 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ ไม่น่าประหลาดใจเลยที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟมีปริมาณสูงขึ้น เพราะผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตและองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายแบบเดียวกันกับอีเมล์ขยะที่แนบรูปภาพ เช่น การถอดรหัสยาก และไฟล์มีขนาดใหญ่กว่าอีเมล์โดยเฉลี่ยในระบบทั้งหมดถึงสองเท่า” นางภัทราภา กล่าว ไซแมนเทคระบุว่าบรรดาสแปมเมอร์เริ่มนำไฟล์เอ็กเซล (Excel) และไฟล์บีบอัด (Zip file) มาใช้มากขึ้น โดยยังคงชื่นชอบการส่งอีเมล์ขยะที่แนบติดมากับการ์ดอวยพร จากผลรายงานการสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวอย่างประจำเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาของไซแมนเทคพบปริมาณอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทการ์ดอวยพรมากกว่า 250 ล้านฉบับ “แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายคืออีเมล์ขยะจากไฟล์แนบ (attachment spam) และไซแมนเทค คาดการณ์ว่าสแปมเมอร์ จะหันมาใช้งานอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทไมโครซอฟท์เอ็กเซล, ไมโครซอฟท์เวิร์ด และไฟล์บีบอัด มากขึ้นในเร็วๆ นี้” สำหรับอีเมล์ขยะที่อ้างโดเมนเนมระดับบน (top level domains name) ก็มีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะ .cn ที่เป็นโดเมนเนมของประเทศจีน รวมถึง .hk สำหรับฮ่องกง และที่สำคัญ ไซแมนเทคย้ำว่าผู้ใช้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในการสื่อสารโต้ตอบผ่านทางอีเมล์ที่ขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น แหล่งที่มา ผู้จัดการออนไลน์ 20 ส.ค.50
20 ส.ค. 50
-
เรื่อง กทช.รับรอง สัญญาไอซีดีแทคถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องย่อ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ประกาศรับรองสัญญาไอซีหรือหนังสือสัญญาการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของบริษัทดีแทค ว่ามีเนื้อหาข้อกำหนดที่ถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมไฟเขียวให้ดีแทคดำเนินการเปิดเผยสัญญาการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมดังกล่าวเป็นการทั่วไป บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า ดีแทคได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2550 โดยมีเนื้อหาสำคัญว่า กทช. ได้พิจารณาหนังสือสัญญาการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาระหว่างดีแทค และบริษัท ทรู มูฟ จำกัด สัญญาระหว่างดีแทค และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และสัญญาระหว่างดีแทค และบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบรนด์ จำกัด ที่ดีแทคส่งให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติพิจารณาตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 41 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในที่ประชุมเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2550 กทช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสัญญาดังกล่าวมีข้อกำหนดและลักษณะที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้ดีแทคดำเนินการเปิดเผยสัญญาการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมดังกล่าวเป็นการทั่วไป โดยติดประกาศ ณ ที่ทำการดีแทคและเผยแพร่ในเว็บไซต์ของดีแทค ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับดังกล่าว ดีแทคได้เริ่มเซ็นข้อตกลงใช้ระบบอินเตอร์คอนเน็กชั่นกับโอเปอเรเตอร์รายต่าง ๆ เริ่มจากทรูมูฟและเอไอเอสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2549 ทริปเปิลทีบรอดแบรนด์เมื่อเดือนธันวาคม 2549 และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ดีแทคได้ลงนามไอซีกับดิจิตอลโฟนเป็นรายล่าสุด แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 20 ส.ค.50 20 ส.ค.50
-
พาวเวอร์สูท ชุดมหัศจรรย์ ชุดพาวเวอร์ที่ว่านี้ จะช่วยให้คนที่มีปัญหาทางร่างกายในการเดิน ลุก นั่ง ทั้งหลาย ให้สามารถเดินเหินและช่วยเหลือตัวเองได้ โดยชุดได้ออกแบบมาให้ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของผู้สวมใส่ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพในการเดิน นอกจากนี้การพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีนี้ยังได้คำนึงถึงความปลอดภัยและคุณลักษณะทางด้านกายภาพ เช่น การเลื่อน การยกขาก้าวเดิน และยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้สะดวกในการใช้งานและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ดีขึ้น
ทีมที่ได้คิดค้นชุดที่ว่านนี้มาจากมหาวิทยาลัย Tsukuba โดย Professor Sankai Yoshiyuki โดยชุดมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ โครงเหล็กที่จะช่วยพยุงขาด้านนอก ติดมอเตอร์และตัวเซ็นเซอร์ ส่วนตัวควบคุมจะอยู่ในกระเป๋าด้านหลังของผู้สวมชุด เมื่อผู้ที่สวมชุดพยายามที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย เซ็นเซอร์ที่ติดกับผิวหนังด้านหน้าจะทำการส่งสัญญาณอ่อนๆทันทีทันใดไปยังกล้ามเนื้อ และตัวมอเตอร์จะเป็นตัวช่วยเสริมในการเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยส่วนประกอบทั้งหมดนี้ทำให้ชุดมีน้ำหนักโดยรวมประมาณ 23 กิโลกรัม แต่เนื่องจากว่ามีการถ่ายน้ำหนักจากเข่าไปยังพื้นทำให้น้ำหนักลดลงจนไม่เป็นภาระแก่ผู้ส่วมใส่แต่อย่างใด
-
พาวเวอร์สูท ชุดมหัศจรรย์ ชุดพาวเวอร์ที่ว่านี้ จะช่วยให้คนที่มีปัญหาทางร่างกายในการเดิน ลุก นั่ง ทั้งหลาย ให้สามารถเดินเหินและช่วยเหลือตัวเองได้ โดยชุดได้ออกแบบมาให้ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของผู้สวมใส่ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพในการเดิน นอกจากนี้การพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีนี้ยังได้คำนึงถึงความปลอดภัยและคุณลักษณะทางด้านกายภาพ เช่น การเลื่อน การยกขาก้าวเดิน และยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้สะดวกในการใช้งานและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ดีขึ้น
ทีมที่ได้คิดค้นชุดที่ว่านนี้มาจากมหาวิทยาลัย Tsukuba โดย Professor Sankai Yoshiyuki โดยชุดมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ โครงเหล็กที่จะช่วยพยุงขาด้านนอก ติดมอเตอร์และตัวเซ็นเซอร์ ส่วนตัวควบคุมจะอยู่ในกระเป๋าด้านหลังของผู้สวมชุด เมื่อผู้ที่สวมชุดพยายามที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย เซ็นเซอร์ที่ติดกับผิวหนังด้านหน้าจะทำการส่งสัญญาณอ่อนๆทันทีทันใดไปยังกล้ามเนื้อ และตัวมอเตอร์จะเป็นตัวช่วยเสริมในการเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยส่วนประกอบทั้งหมดนี้ทำให้ชุดมีน้ำหนักโดยรวมประมาณ 23 กิโลกรัม แต่เนื่องจากว่ามีการถ่ายน้ำหนักจากเข่าไปยังพื้นทำให้น้ำหนักลดลงจนไม่เป็นภาระแก่ผู้ส่วมใส่แต่อย่างใด
-
ฮิตาชิโชว์เทคโนฯจอ3มิติใหม่ ไม่ใช่แค่นูน แต่ภาพลอยได้ ฮิตาชิโชว์ตัวเทคโนโลยีจอสามมิติสมบูรณ์แบบใหม่ล่าสุด ใช้กระจก 12 ชิ้นเรียงกันเป็นทรงกรวยคว่ำเพื่อให้ภาพกราฟฟิกลอยเด่นออกมา ระบุว่าสามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาได้ มีแผนนำไปใช้เพื่อการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และงานนิทรรศการต่างๆ เรโกะ โอตสุกะ (Rieko Otsuka) นักวิจัยของฮิตาชิ (Hitachi) เป็นผู้สาธิตการทำงานของระบบแสดงภาพสามมิติใหม่ล่าสุดแก่สื่อมวลชนในห้องวิจัยของบริษัท ระบบดังกล่าวประกอบด้วยหน้าจอแอลซีดี (ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนฐาน) และหน้าจอกระจกทรงพีรามิดคว่ำ 12 ด้าน น้ำหนักโดยรวมราว 1 กิโลกรัม (2.2 ปอนด์) จากการสาธิต ภาพสามมิติจากหน้าจอแอลซีดีจะสะท้อนเข้ากับกระจกทั้ง 12 ด้านภายในพีระมิด ผลที่เกิดขึ้นคือภาพสามมิติลอยได้ซึ่งเป็นภาพเสมือนจริงที่สามารถมองได้ชัดเจนจากทุกมุมมองโดยไม่ต้องใช้แว่นตาพิเศษ ฮิตาชิเผยว่าเทคโนโลยีหน้าจอสามมิตินี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแสดงสิ่งของประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ หรือชิ้นงานศิลปะในนิทรรศการต่างๆ นักวิจัยของฮิตาชิระบุว่า หน้อจอน้ำหนัก 1 กิโลกรัมนี้สามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในอนาคตผู้บริโภคอาจจะสามารถมองเห็นภาพสามมิติลอยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ ขอบคุณภาพจากเอเอฟพี Company Related Links : Hitachi
-
ฮิตาชิโชว์เทคโนฯจอ3มิติใหม่ ไม่ใช่แค่นูน แต่ภาพลอยได้ ฮิตาชิโชว์ตัวเทคโนโลยีจอสามมิติสมบูรณ์แบบใหม่ล่าสุด ใช้กระจก 12 ชิ้นเรียงกันเป็นทรงกรวยคว่ำเพื่อให้ภาพกราฟฟิกลอยเด่นออกมา ระบุว่าสามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาได้ มีแผนนำไปใช้เพื่อการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และงานนิทรรศการต่างๆ เรโกะ โอตสุกะ (Rieko Otsuka) นักวิจัยของฮิตาชิ (Hitachi) เป็นผู้สาธิตการทำงานของระบบแสดงภาพสามมิติใหม่ล่าสุดแก่สื่อมวลชนในห้องวิจัยของบริษัท ระบบดังกล่าวประกอบด้วยหน้าจอแอลซีดี (ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนฐาน) และหน้าจอกระจกทรงพีรามิดคว่ำ 12 ด้าน น้ำหนักโดยรวมราว 1 กิโลกรัม (2.2 ปอนด์) จากการสาธิต ภาพสามมิติจากหน้าจอแอลซีดีจะสะท้อนเข้ากับกระจกทั้ง 12 ด้านภายในพีระมิด ผลที่เกิดขึ้นคือภาพสามมิติลอยได้ซึ่งเป็นภาพเสมือนจริงที่สามารถมองได้ชัดเจนจากทุกมุมมองโดยไม่ต้องใช้แว่นตาพิเศษ ฮิตาชิเผยว่าเทคโนโลยีหน้าจอสามมิตินี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแสดงสิ่งของประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ หรือชิ้นงานศิลปะในนิทรรศการต่างๆ นักวิจัยของฮิตาชิระบุว่า หน้อจอน้ำหนัก 1 กิโลกรัมนี้สามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในอนาคตผู้บริโภคอาจจะสามารถมองเห็นภาพสามมิติลอยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ ขอบคุณภาพจากเอเอฟพี Company Related Links : Hitachi
-
"ดูดาวด้วยเมาส์"กับ Google Sky กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว กูเกิลสกาย (Google Sky) โปรแกรมเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการสำรวจท้องฟ้าให้กับบริการท่องโลกสามมิติ "กูเกิลเอิร์ธ(Google Earth)" ได้อย่างสร้างสรรค์ เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถชื่นชมความงามของดวงดาวหลายล้านดวงและกว่า 200 ล้านกาแล็กซีได้เพียงคลิกเมาส์ ภาพดวงดาวและกาแล็กซี่ในกูเกิลสกายนั้นจะทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับการชมท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) รวมถึงสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของวงจรข้างขึ้นข้างแรมบนท้องฟ้าได้ จุดนี้เอ็ด พาร์สันส์ (Ed Parsons) นักเทคโนโลยีภูมิศาสตร์ของกูเกิลให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบีบีซีนิวส์ว่า แนวคิดพื้นฐานคือการกลับด้านกูเกิลเอิร์ธเพื่อมองส่วนบน ซึ่งก็คือท้องฟ้าที่ห่อหุ้มโลกของเรานั่นเอง "สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แทนที่จะใช้กูเกิลเอิร์ธเพียงชมภาพโลก แต่คุณสามารถใช้กูเกิลเอิร์ธชมภาพบนอวกาศได้" กูเกิลสกายถูกมองว่าจะเป็นทางลัดที่ทำให้การสำรวจท้องฟ้าดำเนินการได้ง่ายดายและสะดวกขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน มลพิษในอากาศและแสงรบกวนบนท้องฟ้านั้นทำให้นักดูดาวสามารถมองเห็นกลุ่มดาวเพียวไม่กี่กลุ่มเท่านั้น กูเกิลสกายจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้นักดูดาวรู้ว่าได้พลาดดาวดวงใดไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาด้านดาราศาสตร์อย่างมาก ผู้ใช้กูเกิลสกายจะต้องติดตั้งโปรแกรมกูเกิลเอิร์ธบนคอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นจึงสามารถคลิกซูมเพื่อชมท้องฟ้าในส่วนที่ต้องการในระยะใกล้ สามารถคลิกปุ่มเพื่อหมุนมุมมองการชมได้ไม่ต่างจากกูเกิลเอิร์ธ โดยภาพดาวดวงที่ปรากฏจะเป็นภาพท้องฟ้าในวันและเวลานั้นๆ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถนำภาพกาแล็กซี่ กลุ่มดาว หรือภาพข้อมูลดาราศาสตร์อื่นๆจากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล มาวางทับบนภาพท้องฟ้าเพื่อจำลองเหตุการณ์หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ตามต้องการ อย่างไรก็ตาม กูเกิลสกายไม่ใช่โปรแกรมชมดาวชิ้นแรกในตลาด เนื่องจากที่ผ่านมาสถาบันดาราศาสตร์หลายแห่งเปิดให้โปรแกรมประเภทนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะเดียวกันบริการโปรแกรมชมดาวแบบคิดค่าใช้จ่ายในขณะนี้ก็มีวางตลาดแล้ว ได้แก่ ซอฟต์แวร์ Starry Night ของบริษัท Imaginova โดยจำหน่ายในรูปโปรแกรมวิดเก็ท (widget) โปรแกรมขนาดจิ๋วสำหรับติดตั้งบนหน้าจอเดสก์ท็อป ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้เครื่องแมคอินทอชของแอปเปิลสามารถดาวน์โหลดไปติดตั้งได้ สำหรับกูเกิลสกาย เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ความสนใจด้านดาราศาสตร์ของประชากรอินเทอร์เน็ตเติบโตได้อย่างรวดเร็ว Company Related Links : Google
-
KM การจัดการความรู้........สู่อนาคตที่ใฝ่ฝัน การบริหารจัดการไม่ว่าชุมชนหรือองค์กร สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ไม่ว่าปัจจุบันและอนาคตว่ายืนอยู่จุดใดสภาพของเราเป็นอย่างไร ต้องการเห็นอนาคตเป็นอย่างไร อะไรที่องค์กร/ชุมชนมุ่งหวัง,ปรารถนาอะไรเป็นคุณค่าที่ต้องการ เป้าหมายที่ตั้งไว้ในอนาคตเป็นตัวกำหนดทิศทางทำให้ถึงจุดหมายเมื่อผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆแล้ว ทำให้เห็นจุดเชื่อมต่อระหว่างปัจจุบันอนาคต การบริการเชิงยุทธศาสตร์ เมื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายแล้วผู้บริหารทำอย่างไรให้ชุมชนหรือองค์กร ที่รับผิดชอบไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ วางแนวทางเป็นองค์ประกอบต่างๆดังนี้ องค์ประกอบที่ ๑ กำหนดวิสัยทัศน์(Vision) พันธกิจ(Mission)ค่านิยม(Value)ของชุมชน/องค์กรองค์ประกอบที่ ๒ การระบุเป้าหมายในรูปวัตถุประสงค์ ทำอะไรทำไปทำไม องค์ประกอบที่ ๓ การกำหนดกลยุทธ์(Strategy) กลวิธี(Tactic) เป็นแนวทางเสนอวิธีการหรือเครื่องมือที่สามารถให้ดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้ง ไว้ องค์ประกอบที่ ๔ พิจารณาว่าปัจจัยหลักที่ผลักดันให้งานสำเร็จเช่นคน,เครื่องมือ,งบประมาณ องค์ประกอบที่ ๕ กำหนดเครื่องมือติดตามประเมินผลได้แก่กำหนดตัวชี้วัด KPI(Key PerformanceIndicater) ตัวหลักๆเท่าที่จำเป็นในการติดตาม(Monitor)กระตุ้น(Motivate)ผู้ทำงานการวัดความรู้เชิงยุทธศาสตร์ การจัดการความรู้ในรูปแบบเชื่อมโยงปัจจุบันและอนาคตกับการบริหารเชิงยุทธศาสตร์เปรียบกับบันได ๕ ขั้น โดยขั้นที่ ๑ การประเมินศักยภาพและความสามารถขององค์กร,บันไดขั้นที่ ๒ ความสามารถที่จะให้องค์กรดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้,บันไดขั้นที่ ๓การกำหนดตัวชี้วัด,บันไดขั้นที่ ๔ การกำหนดยุทธศาสตร์สู่ความสำเร็จ,บันไดขั้นที่ ๕ ความประสงค์ของอนาคตที่มุ่งหวัง โมเดลการจัดการควมรู้ ได้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ที่ปฎิบัติจริงการเรียนรู้ทุกขั้นตอนการทำงานศึกษาวิธีและเทคนิคต่างๆสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้กับงานที่ทำได้ มีการทบทวนกิจกรรมที่ทำไปเพื่อให้ทราบว่ามีปัญหาอะไรมาถูกทางหรือไม่ไว้เป็นบทเรียน ดำเนินการจัดการเรียนรู้ค้นหาแหล่งความรู้จากที่ต่างๆเช่นตัวคน,วิธีปฎิบัติ,เว็ปไซต์หรือจากการคบหาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้แล้วนำไปปรับใช้( หา-คว้า-นำไปปรับใช้ ) การเรียนรู้ก่อนทำไปสู่การเรียนรู้ระหว่างทำสู่การเรียนรู้หลังทำโดยหาแหล่งความรู้แล้วควักออกมาใช้อย่างเหมาะสมสามารถเห็นรูปธรรมเครือข่ายกว้างปริมาณความรู้เพิ่มขึ้น ฉะนั้น สังคมไทยควรมีการจัดการเรียนรู้ปรับวิสัยทัศน์ให้เกิดแก่องค์กร/ชุมชนไม่ฝากความหวังไว้กับระบบการศึกษาของชาติแต่อย่างเดียว จากบทความของ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส)
-
เรื่อง กูเกิลขึ้นแท่นเว็บไซต์อันดับหนึ่ง พร้อมชิงส่วนแบ่งตลาดมากสุด เรื่องย่อ จูปิเตอร์ รีเสิร์ช บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่มีต่อธุรกิจแก่ลูกค้า เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า เว็บไซต์กูเกิล เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดอินเทอร์เน็ต โดยได้รับความนิยมถึง 36% ตามมาด้วย ยาฮู 32% ขณะที่มายสเปซ ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อสังคมที่เติบโตเร็วที่สุด ได้รับความนิยมชื่นชอบถึง 32% ในกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี นอกจากนี้ อะเมซอน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ สั่งซื้อสินค้าได้รับความนิยม 20% และเว็บไซต์อีเบย์ที่เปิดให้ประมูลสินค้าทางออนไลน์ได้รับความนิยม 18% ตามด้วยเว็บไซต์ของบริษัทไมโครซอฟท์ 11% บริษัทเอโอแอล 7% และบริษัท แอ๊ปเปิ้ล 3% ในการสำรวจครั้งนี้ จูปิเตอร์ รีเสิร์ช ได้ให้นักท่องอินเทอร์เน็ตระบุชื่อเว็บไซต์ที่ชอบที่สุด สองเว็บไซต์ และผลลัพธ์ที่ได้บ่งชี้ว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเป็นคนที่ภักดีต่อตราสินค้า โดยชื่นชอบเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันมีผลสำรวจของบริษัทคอมสกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่สำรวจปริมาณการเข้าใช้เว็บไซต์ต่างๆ ระบุว่า ยาฮูได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่กูเกิล โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยาฮู มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 23% ขณะที่กูเกิลเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดมากถึง 55.2% แต่การสำรวจในปีนี้ได้เปลี่ยนวิธีการนับใหม่ โดยนอกจากจะนับปริมาณการใช้ของเสิร์ช เอ็นจิ้น อย่างเดียวแล้ว ยังนับเว็บไซต์ในเครือด้วย ซึ่งกูเกิลมีเว็บไซต์ในเครือมากกว่ายาฮู วันเดียวกันนี้ กูเกิล เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้นในเทียนหยา ดอท ซีเอ็น เว็บไซต์ชุมชนชาวจีนแต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ โดยก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นของจีน รายงานว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ของกูเกิลมีสัดส่วนระหว่าง 10-60% เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากไป่ตู้ ดอทคอม เว็บไซต์สืบค้นข้อมูลของจีนที่มีส่วนแบ่งตลาดในช่วงไตรมาสสอง 58.1%
แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 23 สิงหาคม 2550
-
IQ และการฉี่รดที่นอน ผลงานวิจัยปรากฏในวารสาร Pediatrics ที่ว่าเด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนนั้น มีระดับ IQ ต่ำกว่าเด็กปกติ
จากการศึกษากับเด็กจำนวนกว่า 6000 คน ช่วงอายุระหว่าง 7 -9 ขวบ และได้สอบถามเรื่องการปัสสาวะรดที่นอนจากผู้ปกครอง พบว่าเด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนมี IQ โดยเฉลี่ยต่ำกว่าเด็กที่ไม่ปัสสาวะรดที่นอนถึง 1.7 โดยแบ่งตามความแตกต่างระหว่างเพศ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดในชีวิตและสภาพภูมิหลังทางสังคม แต่ไม่รวมกรณีที่เด็กมี IQ ต่ำมากๆ (ต่ำกว่า 70)
จากการศึกษาทำให้ทราบว่า อาการปัสสาวะรดที่นอนนั้นเป็นผลมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม (Genetic Disorder) ที่ทำให้การทำงานของระบบประสาทกลาง (Central nervous system) ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เด็กนั้นไม่สามารถตื่นมาปัสสาวะได้ได้เมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็ม หรือไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ (หรือขัดขวางการการกระตุ้นทางธรรมชาติของร่างกาย ให้ร่างกายถ่ายเทปัสสาวะภายในกระเพาะปัสสาวะออก) ดร.คารอล จอยสัน (Dr. Carol Joinson) จาก Department of Social Medicine มหาวิทยาลัยแห่งบริสทอล กล่าว
จากงานวิจัยรายงานว่า เด็กผู้ชายกว่า 22% และเด็กผู้หญิงกว่า 15% ช่วงอายุ 7 ขวบจะปัสสาวะรดที่นอน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆในการปัสสาวะรดที่นอนนั้นมาจาก กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม สภาพของระบบประสาท และสภาพทางจิตใจของเด็ก
ทีมงานวัดผลในการศึกษาโดยอิงจากปัจจัยทางระบบประสาทเป็นหลัก (มากกว่าปัจจัยทางสติปัญญาของเด็กที่มีอิทธิพลมาจากการศึกษา ครอบครัว และสังคม) ซึ่งทำให้เราเห็นได้ว่า ระบบประสาทนั้นมีบทบาทสำคัญในการทำให้เด็กตื่นเนื่องจากความรู้สึกปวดปัสสาวะ และบทบาทในการกลั้นการถ่ายปัสสาวะในเวลาที่ไม่เหมาะสม ดร.คารอลกล่าว
ในขณะที่เด็กที่กลั้นปัสสาวะไม่ได้ในเวลากลางวันนั้นมีเพียง 3% เท่านั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับระดับของ IQ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ปกติ
-
ไอทีโซน-แอปเปิ้ลเปิดตัวไอพอดรุ่นใหม่สุดเจ๋ง ช็อกลูกค้าหั่นราคาไอโฟน200ดอลล์
เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วลูกค้าที่ซื้อเครื่องโทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิ้ลถึงกับร้องจ๊าก เมื่อยอดเทพบุตรไอที สตีฟจ็อป ผู้บริหารแอปเปิ้ล
ออกมาประกาศหั่นราคาโทรศัพท์สุดเท่ไอโฟนลงไป 200 ดอลลาร์ หรือเกือบ 7,000 บาท จากราคาเดิมที่ตั้งขายไว้ 2 หมื่นกว่าบาทในเมืองนอก เล่นเอาลูกค้าที่ซื้อไปก่อนหน้านี้โวยลั่น จนสุดท้ายแอปเปิ้ลต้องยอมให้ลูกค้ามาขอคืนเงินได้ 100 ดอลลาร์
มีข่าวคราวไม่ขาดสายกับโทรศัพท์รุ่นแรกของแอปเปิ้ลที่ชื่อไอโฟน ที่ออกแบบการใช้งานได้อย่างฉีกแนว จนเป็นที่ตั้งตารอคอยของลูกค้าอเมริกันที่ปลื้มสินค้าจากค่ายแอปเปิ้ลมาตลอด เดิมโทรศัพท์ไอโฟนที่คาดว่าจะสั่นสะเทือนวงการเหมือนเมื่อครั้งแอปเปิ้ลเปิดตัวไอพอด ได้ตั้งราคาจำหน่ายไว้ 599 ดอลลาร์ แต่เพียงไม่กี่เดือนแอปเปิ้ลประกาศหั่นลงมา โดยรุ่นที่มีหน่วยความจำ 8 กิกะไบต์ ตอนนี้ขายราคา 399 (ราว 14,000 บาท) ส่วนรุ่น 4 กิกะไบต์จะไม่มีวางจำหน่ายแล้ว
ถึงแม้ว่าโทรศัพท์ไอโฟนจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับซิมของค่ายเอทีแอนด์ทีได้อย่างเดียวใครจะไปหิ้วเครื่องมาจากเมืองนอกแล้วเอามาใส่ซิมเอไอเอส ดีแทค หรือทรูมูฟ ไม่สามารถใช้งานได้ แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี่เอง เด็กหนุ่มสหรัฐวัย 17 ปี ก็สามารถแงะเครื่องและแก้ไขแผงวงจรให้สามารถใช้งานกับโทรศัพท์ของค่ายอื่นได้แล้ว เพียงแต่ต้องอาศัยความชำนาญในการบัดกรีพอสมควร
หลังจากข่าวประกาศหั่นราคากระจายออกไปปรากฏว่าลูกค้าที่เพิ่งซื้อเครื่องไปในราคาเดิมโวยลั่น จนแอปเปิ้ลต้องออกแถลงการณ์ด่วนแก้ไขสถานการณ์ขอโทษขอโพย และยอมให้ลูกค้าที่ซื้อเครื่องในราคาเดิมสามารถมาขอคืนเงินได้ 100 ดอลลาร์
ขณะเดียวกันแอปเปิ้ลยังได้ออกไอพอดรุ่นใหม่ ตั้งชื่อเก๋ไก๋ว่า ไอพอดทัช มีรูปร่างหน้าตาเหมือนไอโฟนเด๊ะด้วยจอแอลซีดีแบบสัมผัส 3.5 นิ้ว มาพร้อมกับระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย ไวไฟ ดาวน์โหลดเพลงจากเวบไซต์ไอจูนมาลงในเครื่องได้โดยตรงด้วยโปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตคู่บุญที่ชื่อ ซาฟารี ไอพอด ทัช สามารถใช้เป็นคลังภาพ เพลง และวิดีโอ รวมถึงการใช้งานด้านข้อมูลดิจิทัลอื่นด้วย
จุดเด่นของไอพอด ทัช อยู่ที่ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอได้แค่ใช้นิ้วป้ายขึ้นลงบนจอ ราวกับกลิ้งด้วยลูกล้อเมาส์ และยังใช้สองนิ้วย่อขยายหน้าจอเหมือนกับลูกเล่นที่ใช้กับไอโฟน เพียงแต่ไม่มีคุณสมบัติด้านการใช้งานโทรศัพท์เท่านั้น
-
ชมโฉมหุ่นยนต์เครื่องเล่นเพลงทรงไข่เต้นได้จากโซนี่ โซนี่เปิดตัวหุ่นยนต์เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลสุดเก๋นาม "Rolly" ฝังหน่วยความจำความจุ 1GB พร้อมลำโพงระบบสเตอริโอในตัว สามารถเต้นและกระพือฝาเปิดปิดลำโพงได้ตามจังหวะเพลง หุ่นยนต์คึกคักน่ารักน่าชังนี้ยังไม่มีรายงานข้อมูลราคา แต่มีมีกำหนดการวางจำหน่ายในปลายเดือนกันยายนนี้ โรลลี่นั้นมีรูปทรงไข่เส้นผ่านศูนย์กลางราว 6.5 ซม. ความสูง 10.4 ซม. สามารถรองรับทั้งไฟล์เพลงนามสกุล MP3, ATRAC และ AAC ลีลาการเต้นของโรลลี่นั้นสามารถตั้งโปรแกรมให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของได้ โดยจังหวะดนตรีจะมีผลต่อการหมุนและการกระพือปีกซึ่งมีไว้สำหรับเปิดปิดลำโพง สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายโซนี่ตั้งไว้ที่ 29 กันยายนนี้ ผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2550 17:25 น.
-
สรุป ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษา
นิยามของเทคโนโลยีการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษา สามารถนิยามได้ในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม หรือในลักษณะการฝึกปฏิบัติ ได้ดังนี้ ก. นิยามในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม “เทคโนโลยีการศึกษา เป็นการศึกษา และการปฏิบัติอันดีงามเพื่อเกื้อกูลการเรียนรู้ และช่วยให้การปฏิบัติดีขึ้น โดยการสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์ และการจัดหาแหล่งทรัพยากร และกระบวนการทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม” ข. การปฏิบัติอันดีงาม (ethical practice)คณะกรรมการว่าด้วยจริยธรรมของ AECT (AECT Ethics Committee) ได้กำหนดแนวปฏิบัติด้านจริยธรรม หรือการปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม โดยเฉพาะการใช้สื่อ และการเคารพต่อทรัพย์สินทางปัญญา จริยธรรมดังกล่าวไม่มุ่งเน้นเฉพาะ กฎกติกา และความคาดหวัง แต่เน้นวิธีการปฏิบัติด้วย ค.ความเกื้อกูล (facilitating) แนวคิดของการเรียนรู้และการสอนที่เปลี่ยนไปสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในทฤษฎีด้านพุทธิพิสัยนิยมและสรรคนิยม ทำให้สมมติฐานเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนการสอน(instruction) กับการเรียนรู้ เปลี่ยนไป ง. การเรียนรู้ (learning) ความหมายของการเรียนรู้ หมายถึง ความคงทนของสารสนเทศ (retention of information) ที่วัดได้จากการทดสอบกับการเรียนรู้ที่ต้องแสวงหาทักษะเพื่อใช้ประโยชน์นอกห้องเรียน จ. ช่วยทำให้ดีขึ้น (improving) “ช่วยให้การกระทำดีขึ้น” (improve performance) ซึ่งหมายถึง ประสิทธิผลการเรียนรู้ กล่าวคือ กรรมวิธีดังกล่าวนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคาดการณ์ได้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล และคาดการณ์ได้ ก่อให้เกิดความสามารถและนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ฉ. การปฏิบัติ (performance) การปฏิบัติ หมายถึง ความสามารถของผู้เรียนในการใช้ และประยุกต์ความสามารถใหม่ๆที่ได้รับ บทเรียนแบบโปรแกรม (programmed instruction) ยึดแนวทางให้ผู้เรียนต้องปฏิบัติได้ตามจุดประสงค์ปลายทาง (terminal objectives) หน้าที่หลัก 3 ประการของเทคโนโลยีการศึกษา คือ การสร้างสรรค์ (creating) การใช้ประโยชน์ (using) และการจัดการ (managing) ช. การสร้างสรรค์ (creating) การสร้างสรรค์ หมายถึง ทฤษฎี ผลการวิจัย และแนวปฏิบัติที่รวมอยู่ในกรรมวิธีโครงสร้างของสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบทั้งแบบในระบบ (formal) และนอกระบบ (informal) ซ. การใช้ประโยชน์ (using)การใช้ประโยชน์ หมายถึง ทฤษฎี และแนวปฏิบัติเกี่ยวข้องกับการนำผู้เรียนไปสัมผัสกับเงื่อนไขและแหล่งการเรียนรู้ การใช้ประโยชน์เริ่มด้วยการเลือกแหล่งทรัพยากร วิธีการ และวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม ฌ. ความเหมาะสม (appropriate)ความเหมาะสม หมายถึง การนำวิธีการและทรัพยากรมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัวกับจุดประสงค์ที่วางไว้ ญ. เชิงเทคโนโลยี (technological)เชิงเทคโนโลยี หมายถึง การอธิบายกิจกรรมของมนุษย์บนพื้นฐานของเทคโนโลยี เช่นคำกล่าวที่ว่า“การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือองค์ความรู้ใดๆ อย่างเป็นระบบ ฎ. กรรมวิธี (process)กรรมวิธี หมายถึง อนุกรมของกิจกรรมที่มุ่งไปสู่ผลที่ได้ระบุเอาไว้ล่วงหน้า นักเทคโนโลยีการศึกษามักดำเนินการออกแบบ พัฒนา และสร้างแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมวิธีในการพัฒนาการเรียนการสอน (instructional development) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 1960 ถึงปี 1990 ฏ. แหล่งทรัพยากร (resources)แหล่งทรัพยากรหลากหลายชนิดทำให้เราสามารถบอกได้ว่า สาขาวิชานั้นๆ คืออะไร เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทช่วยเผยแพร่ขยายขอบเขตของแหล่งทรัพยากร เพื่อช่วยเหลือผู้เรียน เทคโนโลยีการศึกเป็นการศึกษาเนื้อหาวิชาจากหลายๆแหล่ง เช่น ธรรมชาติ ห้องสมุด สิ่งตีพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ มิใช่มุ่งเน้นศึกษาจากตำราในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว โดยมีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน เพื่อเพิ่มอรรถรถ ในการเรียนการสอนให้มากขึ้นกว่าในอดีต
-
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ Web Site Credibility ความน่าเชื่อถือ (credibility) อาจนิยามได้ว่า หมายถึง ความเชื่อได้ (believability) สารสนเทศที่น่าเชื่อถือ คือสารสนเทศที่เราเชื่อได้นั่นเอง โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ ก.ความไว้เนื้อเชื่อใจ (trustworthiness) ประกอบด้วย ความตั้งใจจริง(well intentioned) ,ความมีสัจจะ (truthful) ความไม่ลำเอียง (unbiased) ข. ความเป็นผู้ชำนาญการ (expertise) หมายถึงความรอบรู้ มีประสบการณ์ มีสมรรถนะ บุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือที่อยู่อาศัย จะประเมินความน่าเชื่อถือได้ของเว็บไซต์คล้ายกัน จึงสามารถนำผลการวิจัยมาสรุปเพื่อการออกแบบเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ 1. ออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงเอกลักษณ์ขององค์กร เพื่อให้ผู้สนใจติดต่อค้นหา จะเป็นปัจจัยต่อความน่าเชื่อได้ 2. การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงสารได้ไม่เกิน 3 คลิ๊ก ที่สำคัญถ้ามีการลิงค์ต้องมีสารสนเทศอยู่จริง 3. แสดงถึงความเป็นผู้ชำนาญการ เช่น มีชื่อนักเขียนบทความ , การอ้างอิงที่ชัดเจน 4. แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้ เช่น การเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์อื่นๆ จะต้องบอกถึงความจำเป็นและความสำคัญ 5. การเอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม หรือผู้ใช้งาน เช่น yahoo mail จะขึ้นคำว่า welcome to yahoo mail Supit!! ทุกครั้งที่เรา sign in เข้าไป เป็นต้น 6. หลีกเลี่ยงการโฆษณาบนเว็บไซต์ คนส่วนมากไม่ชอบโฆษณา 7. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ผลการออกแบบเว็บไซต์จะต้องมีลักษณะเป็นมืออาชีพ จากการทำวิจัยซ้ำของ Stanford และ Makorsky และ Company ในปี 2002 พบปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้น ดังนี้ 1. การเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ โดยการปรับปรุงสาระให้ทันสมัย ตอบคำถามบนเว็บบอร์ด ส่งอีเมลล์ยืนยัน เป็นต้น โดยมีหมายเลขโทรศัพท์หรือเมลล์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อได้ 2. ปกป้องความดีงามของสาระ โดยแยกออกจากโฆษณาอย่างชัดเจน 3. หน้าตา ดูดี มีลักษณะการออกแบบเป็นมืออาชีพ ใช้ศิลปะอย่างมีรสนิยม เหมาะสมกับสาระ 4. ต้องแน่ใจว่าทุกองค์ประกอบทำงานได้ 5. ชื่อเสืยงในโลกความจริงขององค์กรจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆหรือการลิงค์ไปสู่องค์กรเสื่อมเสียย่อมส่งผลต่อเว็บไซต์ ปัจจัยในการช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ - รู้สึกอยู่ในโลกความเป็นจริง - ใช้งานง่าย - เป็นผู้ชำนาญการ - ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ - เอาใจใส่ต่อผู้เยี่ยมชม - มีลักษณะเพื่อการค้า - ความเป็นมือสมัครเล่น ปัจจัยทั้งหลายส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ทั้งทางบวกและลบจึงจะนำมาพิจารณาในการทำเว็บไซต์ นพวรรณ เฉลิมพันธ์ รหัส 50063706
|
|
<< Home |
|
|
|
|
About Me |

Name: Dr.Supit
Home: Bangkok, Thailand
About Me: I am an Educating Educator!
See my complete profile
|
Previous Post |
|
Archives |
|
Links |
|
Powered by |
 |
|
สรุป ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษา
นิยามของเทคโนโลยีการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษา สามารถนิยามได้ในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม หรือในลักษณะการฝึกปฏิบัติ ได้ดังนี้
ก. นิยามในลักษณะมโนทัศน์เชิงนามธรรม “เทคโนโลยีการศึกษา เป็นการศึกษา และการปฏิบัติอันดีงามเพื่อเกื้อกูลการเรียนรู้ และช่วยให้การปฏิบัติดีขึ้น โดยการสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์ และการจัดหาแหล่งทรัพยากร และกระบวนการทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม”
ข. การปฏิบัติอันดีงาม (ethical practice)คณะกรรมการว่าด้วยจริยธรรมของ AECT (AECT Ethics Committee) ได้กำหนดแนวปฏิบัติด้านจริยธรรม หรือการปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม โดยเฉพาะการใช้สื่อ และการเคารพต่อทรัพย์สินทางปัญญา จริยธรรมดังกล่าวไม่มุ่งเน้นเฉพาะ กฎกติกา และความคาดหวัง แต่เน้นวิธีการปฏิบัติด้วย
ค.ความเกื้อกูล (facilitating) แนวคิดของการเรียนรู้และการสอนที่เปลียนไปสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในทฤษฎีด้านพุทธิพิสัยนิยมและสรรคนิยม ทำให้สมมติฐานเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนการสอน(instruction) กับการเรียนรู้ เปลี่ยนไป
ง. การเรียนรู้ (learning) ความหมายของการเรียนรู้ หมายถึง ความคงทนของสารสนเทศ (retention of information) ที่วัดได้จากการทดสอบกับการเรียนรู้ที่ต้องแสวงหาทักษะเพื่อใช้ประโยชน์นอกห้องเรียน
จ. ช่วยทำให้ดีขึ้น (improving) “ช่วยให้การกระทำดีขึ้น” (improve performance) ซึ่งหมายถึง ประสิทธิผลการเรียนรู้ กล่าวคือ กรรมวิธีดังกล่าวนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคาดการณ์ได้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล และคาดการณ์ได้ ก่อให้เกิดความสามารถและนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
ฉ. การปฏิบัติ (performance) การปฏิบัติ หมายถึง ความสามารถของผู้เรียนในการใช้ และประยุกต์ความสามารถใหม่ๆที่ได้รับ บทเรียนแบบโปรแกรม (programmed instruction) ยึดแนวทางให้ผู้เรียนต้องปฏิบัติได้ตามจุดประสงค์ปลายทาง (terminal objectives) หน้าที่หลัก 3 ประการของเทคโนโลยีการศึกษา คือ การสร้างสรรค์ (creating) การใช้ประโยชน์ (using) และการจัดการ (managing)
ช. การสร้างสรรค์ (creating) การสร้างสรรค์ หมายถึง ทฤษฎี ผลการวิจัย และแนวปฏิบัติที่รวมอยู่ในกรรมวิธีโครงสร้างของสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบทั้งแบบในระบบ (formal) และนอกระบบ (informal)
ซ. การใช้ประโยชน์ (using)การใช้ประโยชน์ หมายถึง ทฤษฎี และแนวปฏิบัติเกี่ยวข้องกับการนำผู้เรียนไปสัมผัสกับเงื่อนไขและแหล่งการเรียนรู้ การใช้ประโยชน์เริ่มด้วยการเลือกแหล่งทรัพยากร วิธีการ และวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม
ฌ. ความเหมาะสม (appropriate)ความเหมาะสม หมายถึง การนำวิธีการและทรัพยากรมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัวกับจุดประสงค์ที่วางไว้
ญ. เชิงเทคโนโลยี (technological)เชิงเทคโนโลยี หมายถึง การอธิบายกิจกรรมของมนุษย์บนพื้นฐานของเทคโนโลยี เช่นคำกล่าวที่ว่า“การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือองค์ความรู้ใดๆ อย่างเป็นระบบ
ฎ. กรรมวิธี (process)กรรมวิธี หมายถึง อนุกรมของกิจกรรมที่มุ่งไปสู่ผลที่ได้ระบุเอาไว้ล่วงหน้า นักเทคโนโลยีการศึกษามักดำเนินการออกแบบ พัฒนา และสร้างแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมวิธีในการพัฒนาการเรียนการสอน (instructional development) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 1960 ถึงปี 1990
ฏ. แหล่งทรัพยากร (resources)แหล่งทรัพยากรหลากหลายชนิดทำให้เราสามารถบอกได้ว่า สาขาวิชานั้นๆ คืออะไร เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทช่วยเผยแพร่ขยายขอบเขตของแหล่งทรัพยากร เพื่อช่วยเหลือผู้เรียน
เทคโนโลยีการศึกเป็นการศึกษาเนื้อหาวิชาจากหลายๆแหล่ง เช่น ธรรมชาติ ห้องสมุด สิ่งตีพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ มิใช่มุ่งเน้นศึกษาจากตำราในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว โดยมีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน เพื่อเพิ่มอรรถรถ ในการเรียนการสอนให้มากขึ้นกว่าในอดีต