Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
Other things |
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Duis ligula lorem, consequat eget, tristique nec, auctor quis, purus. Vivamus ut sem. Fusce aliquam nunc vitae purus. |
|
Course Syllabus for Ladkrabang 14 |
Thursday, June 07, 2007 |
03237101 TECHNOLOGY AND INNOVATION IN VOCATIONAL AND TECHNICAL EDUCATION 1. Prerequisites : นักศึกษาทุกคนต้องมี EMAIL ADDRESS ที่ ACTIVE
2. Course Description : ความหมายของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการอาชีวะและเทคนิคศึกษา ศึกษาบทบาทของ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการอาชีวะและเทคนิคศึกษาต่อการสอน และการฝึกอบรมด้านทฤษฎีและปฏิบัติ และ ประกอบอาชีพ การประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรม สำหรับการสอนและการฝึกอบรม ปัญหาการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม การประเมินเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา
3. Course Objectives : หลังจากศึกษาวิชานี้จบลง นักศึกษาสามารถ 1. ใช้งาน Blog ของชั้นเรียนตามกำหนด เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารได้อย่างคล่องแคล่ว 2. สื่อสารผ่าน E-Mail ได้ดี 3. อธิบายความหมาย และประโยชน์ในประเด็นต่าง ๆ ได้ชัดเจน 4. ใช้โปรแกรมนำเสนอได้ดี 5. ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้
4. Textbooks : Heinich Robert et al. (1999) Instructional Media and technologies for Learning NJ : Englewood Cliffs. เอกสาร และ Website เพื่อเติมจาก ก. http : // www. KMITL.ac.th/Sote/techno ข. http : // www. aect. com ค. http : // www. ERIC.ORG /
5. Assignments รายละเอียด ก. E-mail (50 คะแนน) ส่ง email อย่างน้อย 5 ฉบับ ถึง PANITAN007@yahoo.com ตามหัวข้อที่มอบหมาย ข. ทำแบบทดสอบ (90 คะแนน) เกี่ยวกับ Sheet ที่แจก ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ค. เขียน Newscards (160 คะแนน) เกี่ยวกับข่าว Technology ร่วมสมัย ทุกครั้งที่เข้าเรียน ง. สร้างบทนำเสนอ PP (150 คะแนน) ตามประเด็นกำหนดให้ประมาณ 10-20 slides
6. Course Content Session June Topics Assigments 1. 09/07 เทคโนโลยีการศึกษานิยาม/มโนทัศน์ อ่าน sheet สมัคร Email, Blog 2. 16/07 เทคนิคการนำเสนอ ASSURE MODEL แนะนำ Class Blog 3. 23/07 จิตวิทยาการเรียนการสอนกับการเรียนรู้ สมัคร Class Blog Session July 2 4. 07/07 How to Search Internet Search Internet 5. 21/07 E-learning ศึกษาตัวอย่าง Session August 6. 04/07 Model of Learning ศึกษา Handouts 7. 18/07 Web-based instruction Search Internet Session September 8. 01/07 Instruction & learning Search Internet 9. 08/07 Distance Learning Search Internet 10. 15/08 การสื่อความหมาย หลักการของเพาเวอร์พอยต์
7. Course Evaluation Email 50 คะแนน Quiz 90 คะแนน Blog 160 คะแนน Final 100 คะแนน รวม 400 คะแนน
เกรด A = 300-400 B+ = 200-299 B = 150-199
8. นักศึกษาจะต้องแสดงความรับผิดชอบส่งงาน และมอบหมายงาน และการตรงต่อเวลาอย่างเคร่งครัด
9. อาจารย์ประจำวิชา รศ.ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ RM 217 karn006@gmail.com Class Blog: http://karnta.blogspot.com Mobile : 081-580-8014 |
posted by Dr.Supit @ 7:15 AM  |
|
124 Comments: |
-
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนคิดค้นกระดาษพูดได้
กระดาษดิจิตอลสามารถพูดกับผู้ชมได้ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Mid Sweden ได้สร้างแผ่นป้ายกระดาษที่สามารถติดต่อกับผู้ใช้ได้โดยจะส่งเสียงที่บันทึกไว้เพื่อผู้ใช้สัมผัสที่แผ่นป้าย
แผ่นป้ายต้นแบบจะใช้หมึกที่เหนี่ยวนำไฟฟ้า ซึ่งไวต่อแรงดัน ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการโฆษณาในอนาคต หรือแม้แต่นำไปใช้เป็นกล่องบรรจุสินค้าเพื่อให้ข้อมูลผู้บริโภคได้ด้วย
ตัวอย่างต้นแบบที่จัดแสดงเป็นการนำไปใช้ส่งเสริมการตลาดสำหรับการท่องเที่ยวในวันหยุด โดยMikael Gulliksson หัวหน้าโครงการวิจัยบอกกับสำนักข่าว BBC ว่า "เมื่อคุณเข้าใกล้บิลบอร์ดและวางมือลงบนโปสการ์ดที่แสดงภาพชายหาด คุณจะได้ยินเสียงคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับชายหาดนั้นๆ"
จุดสำคัญที่ทำให้บิลบอร์ดสามารถทำงานลักษณะนี้ได้ คือชั้นของกระดาษดิจิตอลที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยพิมพ์ด้วยหมึกเหนี่ยวนำ เมื่อมีการสัมผัสทำให้เกิดแรงดัน และทำให้เกิดการส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ที่เก็บไฟล์เสียงที่บันทึกไว้แล้ว จากนั้นก็จะมีเสียงออกมาทางลำโพงที่พิมพ์บนกระดาษ ซึ่งสร้างขึ้นจากหมึกเหนี่ยวนำหลายๆ ชั้นโดยมีช่องว่างระหว่างกัน ทำให้เกิดเป็นไดอะแฟรมเหมือนในลำโพงจริง
โครงการต้นแบบนี้สามารถนำไปใช้สำหรับโฆษณาสินค้าในร้านค้าและในการนำเสนอข้อมูลทางการตลาดอื่นๆ ได้ และในอนาคต ทีมนักวิจัยมีแผนที่จะลดขนาดเทคโนโลยีนี้ลง เพื่อนำไปใช้ในบรรจุภัณฑ์ของสินค้า
ที่มา: BBC http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=6&ofsy=2007&id=406455
-
เกาหลีใต้เสนอตัวช่วยลดช่องว่างเทคโนโลยีไอทีในเอเชีย รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและการสื่อสารเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีใต้จะเสนอเป็นตัวกลางในการเชื่อมเทคโนโลยีสารสนเทศที่ยังมีช่องว่างอยู่มากในภูมิภาคเอเชีย
โซล 5 มิ.ย. – นายโนห์ จุน-ฮยอง รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและการสื่อสารเกาหลีใต้กล่าวระหว่างปราศรัยเปิดการประชุมเวทีความร่วมมือเอเชีย หรือเอซีดี ครั้งที่ 6 ที่กรุงโซล วันนี้ ระบุว่า เกาหลีใต้จะเสนอเป็นตัวกลางในการเชื่อมเทคโนโลยีสารสนเทศที่ยังมีช่องว่างอยู่มากในภูมิภาคเอเชีย
นายโนห์ ระบุว่า เกาหลีใต้จะช่วยเหลือไม่เพียงแต่การสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่จะช่วยสร้างและนำเสนอแนวทางรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีกอฟเวิร์นเมนต์ ให้แก่ชาติสมาชิกเอซีดี อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้จะจัดทำแผนความช่วยเหลือด้านไอทีให้แก่ชาติในเอเชียและนำเสนอต่อไป
ทางด้านนายกรัฐมนตรีฮัน ด็อกซู แห่งเกาหลีใต้ ตอบสนองข้อเรียกร้องจากนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไทยในการวางพื้นฐานเพื่อเชื่อมโลกดิจิตอลในเอเชีย โดยเกาหลีใต้จะจัดโครงการศึกษาสำหรับผู้เชี่ยวชาญไอทีแต่ละชาติ รวมทั้งส่งอาสาสมัครอินเทอร์เน็ตเกาหลีใต้ไปร่วมงานพัฒนาในต่างประเทศ เพื่อเป็นหนึ่งในโครงการดังกล่าว
เกาหลีใต้เป็นชาติที่มีระดับการสื่อสารออนไลน์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประมาณการว่าในเกาหลีใต้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในครัวเรือนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ในปัจจุบัน
----------------------------------- 2007-06-06 10:12:53 By ช่อง 9
-
BUY THAI FIRST ดึงคนไทยใช้ของไทย สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย รณรงค์ให้คนไทยใช้ซอฟต์แวร์ไทยมากขึ้น โดยเดินหน้าโครงการ BUY THAI FIRST หรือ “เชื่อไทย ซื้อไทย”
-----------------------------------
กรุงเทพฯ 29 พ.ค.- สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย รณรงค์ให้คนไทยใช้ซอฟต์แวร์ไทยมากขึ้น โดยเดินหน้าโครงการ BUY THAI FIRST หรือ “เชื่อไทย ซื้อไทย” พร้อมสัญลักษณ์ ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ผลิตซอฟต์แวร์เข้าร่วมโครงการ 100 ราย ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศที่มีมูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท จากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 ในปีนี้
นายสมเกียรติ อึงอารี นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เปิดตัวโครงการ BUY THAI FIRST หรือ “เชื่อไทย ซื้อไทย” พร้อมสัญลักษณ์ โดยมีเป้าหมายส่งเสริมการใช้ซอฟต์แวร์ไทยอย่างถูกต้องให้มากขึ้น ขณะเดียวกันสมาคมฯ มีเป้าหมายที่จะผลักดันยอดขายซอฟต์แวร์ในประเทศให้มากขึ้น จากร้อยละ 30 ในปี 2549 เป็นร้อยละ 40 ในปี 2550 จากตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศที่มีมูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกซอฟต์แวร์ไทยมียอดเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 5 แต่คาดว่าการส่งออกจะขยายได้อีกร้อยละ 20 ในปีนี้
สำหรับโครงการ BUY THAI FIRST หรือ “เชื่อไทย ซื้อไทย” พร้อมสัญลักษณ์ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทยที่จะเข้าร่วมโครงการ จะถูกตรวจสอบคุณสมบัติเรื่องการเป็นผู้ผลิตสัญชาติไทยจริงหรือไม่ และอย่างน้อยต้องมีการขายซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้าแล้ว 3 ราย รวมทั้งได้รับการยอมรับจากลูกค้าผู้ใช้ซอฟต์แวร์ ซึ่งสมาคมฯ ตั้งเป้าหมายว่า จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทยที่มีอยู่ประมาณ 1,200 ราย และมีการทำธุรกิจจริงจังประมาณ 400-500 ราย จะเข้าร่วมโครงการนี้ในปี 2550 ประมาณ 100 ราย และมีผู้ใช้ 200 ราย
“อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของซอฟต์แวร์โดยตรง เพราะต้องการให้มีการใช้ซอฟต์แวร์ในคุณภาพที่ใช้ได้ แม้อาจไม่เท่ากับของต่างประเทศ แต่ในราคาที่ย่อมเยากว่า และเมื่อมีการใช้ซอฟต์แวร์ของคนไทยมากขึ้น ซอฟต์แวร์ไทยจะได้รับการปรับปรุงคุณภาพที่ดีขึ้นตามมาในที่สุด” นายสมเกียรติกล่าว
----------------------------------- 2007-05-29 19:20:50 By MCOT
-
ของเล่นไฮเทคสมัยใหม่ผสมผสานความน่ารัก Nabastag กระต่ายไว-ไฟชนิดแรกของโลก Nabaztag สามารถพูด ได้ยินและเคลื่อนไหวหูได้เมื่อมีความสุข แถมยังเป็นสัตว์สังคมที่สามารถสื่อสารกับเพื่อน Nabatag ตัวอื่นๆ และขอแต่งงานได้ และถ้าชื่นชอบเสียงเพลง ก็สามารถโหลดเพลงที่ชื่นชอบเข้าไปในตัวกระต่ายเพื่อเปิดฟังได้ นอกจากนี้ยังสามารถอ่านอีเมล์ ส่ง SMS เพื่อแจ้งเส้นทางการขับรถของคุณ รวมถึงบอกสภาพอากาศได้ด้วย และเมื่อได้รับข้อความสำคัญ เจ้า Nabaztag ก็จะกระดิกหูให้คุณทราบ หรือแม้แต่เปลี่ยนสีจมูกเป็นสีฟ้าเมื่อฝนกำลังมา Nabaztag เป็นของเล่นที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด พร้อมความสามารถด้านการสื่อสารไว-ไฟ จึงเป็นของเล่นยอดนิยมของคนอังกฤษ ชมความสามารถของ Nabaztag ได้ที่งาน Commart X'Gen 2007 วันที่ 14-17 มิถุนายนนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
แหล่งที่มา: ARiP http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=406473
-
...แม้กูเกิลจะประกาศว่าให้ความสำคัญกับนโยบายปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เต็มที่ แต่รายงานการวิจัยของกลุ่มรักษาสิทธิส่วนบุคคลนานาชาติ Privacy International ระบุว่ากูเกิลเป็นบริษัทที่ดำเนินมาตรการรักษาสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้ได้แย่กว่าบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายอื่นๆ คว้าอันดับรั้งท้ายตารางมาครอง
กลุ่มรักษาสิทธิส่วนบุคคลนานาชาติหรือ Privacy International ทำการสำรวจบริการบนอินเทอร์เน็ตจาก 23 บริษัทในเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา หลังการสำรวจ ทางกลุ่มจัดอันดับกูเกิลให้อยู่ในลำดับท้ายสุดของตาราง โดยเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับตำแหน่ง "ผู้ใช้ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ" และ "เป็นปรปักษ์ต่อการรักษาสิทธิส่วนบุคคลมากที่สุด"
บริษัทคู่แข่งอื่นๆ ของกูเกิลถูกจัดลำดับในตำแหน่งที่ดีกว่ากูเกิลเล็กน้อย โดยไมโครซอฟท์ (Microsoft)นั้นถูกจัดอันดับว่ามีการละเลยการรักษาสิทธิส่วนบุคคลไว้ที่ 4 คะแนนจากคะแนนเต็ม 6 คะแนน ขณะที่ยาฮู (Yahoo) ถูกจัดว่ามีการละเลยมากกว่าด้วยคะแนน 5 คะแนน ต่างจากที่กูเกิลได้คะแนนเต็ม 6 ซึ่งหมายความว่า กูเกิลคือภัยด้านการรักษาสิทธิส่วนบุคคลอย่างสมบูรณแบบ
จุดที่ทางกลุ่มกล่าวหากูเกิลหนักที่สุด คือการประเมินว่ากูเกิลไม่มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้มากมายที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค โดยระบุว่ารายงานฉบับละเอียดจะนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนในเดือนกันยายนนี้
..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มรักษาสิทธิส่วนบุคคลนานาชาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการรักษาสิทธิของกูเกิล โดยในปี 2004 ทางกลุ่มเคยออกมาโจมตีบริการจีเมล (Gmail) ว่าจะเป็นช่องทางที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลในอีเมลของผู้บริโภครั่วไหลไปสู่บุคคลที่สาม เนื่องจากบริการจีเมลจะทำการสแกนเนื้อหาในอีเมลคร่าวๆ เพื่อให้ระบบเลือกแสดงโฆษณาที่สอดคล้องกับเนื้อหาอีเมลฉบับนั้นๆ โดยร้องเรียนกับคณะกรรมการกำกับดูแลด้านสิทธิส่วนบุคคลในประเทศสหภาพยุโรปทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ กรีซ อิตาลี สเปน ฯลฯ ครั้งนั้นทำให้กูเกิลต้องออกมายืนยันว่าจะลบข้อมูลอีเมลที่สแกนไว้ในระบบให้เร็วที่สุด และจะป้องกันสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้มากขึ้น..
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2550 09:37 น.
-
รู้จักกับ HDTV ???
โทรทัศน์ความละเอียดสูงหรือ HDTV (High definition television) เป็นรูปแบบใหม่ของการรับชมรายการโทรทัศน์ที่ให้ภาพคมชัดว่า สดใสกว่า และเสียงดีกว่า
โทรทัศน์ความละเอียดสูงหรือ HDTV (High definition television) เป็นรูปแบบใหม่ของการรับชมรายการโทรทัศน์ที่ให้ภาพคมชัดว่า สดใสกว่า และเสียงดีกว่า โดยสถานีโทรทัศน์จะต้องแพร่ภาพรายการดังกล่าวในรูปแบบ HD ด้วย หรือสามารถรับชมภาพยนตร์หรือวิดีโอที่อัดไว้ด้วยฟอร์แมต Blu-ray และ HD-DVD ส่วนผู้รับชมก็ต้องมีโทรทัศน์ที่สามารถรับชมรายการที่ส่งแบบ HD ได้ซึ่งส่วนมากจะแสดงสัญลักษณ์ HD ready ไว้ที่ตัวเครื่อง
HD ready เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสามารถในการรับสัญญาณเพื่อแสดงภาพด้วยความละเอียดสูง เป็นคำนิยามที่ใช้อย่างเป็นทางการในยุโรปตั้งแต่เดือนมกราคม 2005 โดยองค์กร EICTA (European Information, Communications and Consumer Electronics Technology Industry Associations)
EICTA ได้กำหนดให้สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายคุณภาพเพื่อแสดงถึงความแตกต่างของอุปกรณ์แสดงผล ความสามารถในการประมวลผลและแสดงผลสัญญาณไฮเดฟ
ในอเมริกา "HD Ready" หมายถึงอุปกรณ์แสดงผลใดๆ ที่สามารถรับและแสดงผลสัญญาณไฮเดฟได้ทั้งแบบ 720p, 1080i หรือ 1080p โดยใช้สัญญาณวิดีโอหรือสัญญาณดิจิตอลใดๆ และไม่มีจูนเนอร์สำหรับขยายสัญญาณไฮเดฟภายในตัว
1080p เป็นคำสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการแสดงภาพวิดีโอ โดยเลข 1080 หมายถึงจำนวนความละเอียดของเส้นในแนวนอน 1,080 เส้น และตัวอักษร p ย่อมาจาก progressive scan หรือ non-interlaced ในขณะที่ i ย่อมาจาก interlaced ปัจจุบันทั้ง 1080i และ 1080p เป็นฟอร์แมตความละเอียดสูงสุดที่ใช้กันทั่วไปในการแพร่ภาพและการเก็บภาพวิดีโอ
1080p เป็นสัญญาณภาพแบบ HDTV โดยมีการรับส่งในแบบไวด์สกรีนอัตราส่วน 16:9 นั่นหมายความว่า ความละเอียดของการแสดงจะผลอยู่ที่ 1920 จุดในแนวนอนและมีความละเอียดเท่ากับ 1920 × 1080 หรือเท่ากับ 2,073,600 พิกเซล
ที่มา : http://www.arip.co.th/2006/blogs.php?g1=0&blogger=winmag&id=406382
-
-
บอร์ด กสทฯ อนุมัติแผนลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำ 1,980 ล้านบาท เชื่อม 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดันไทยเป็นฮับ ด้วยโครงข่ายที่ยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพกว่าสิงคโปร์และฮ่องกงภายใน 5 ปี กรุงเทพฯ 19 เม.ย.- บอร์ด กสทฯ อนุมัติแผนลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำ 1,980 ล้านบาท เชื่อม 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดันไทยเป็นฮับ ด้วยโครงข่ายที่ยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพกว่าสิงคโปร์และฮ่องกงภายใน 5 ปี พร้อมมีมติเด้ง “กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายกลยุทธ์ เหตุผลงานไม่เข้าตา มีปัญหาเข้ากับพนักงานไม่ได้ นายพิศาล จอโภชาอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการที่มี พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติให้ กสทฯ ดำเนินการร่วมกับสมาชิกรวม 10 ประเทศ ว่าจ้างบริษัท ASN-NEC ก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้วเอเอจี มูลค่า 1,980 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติภายในเดือนเมษายนนี้ โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานโทรคมนาคม ใน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งระบบเคเบิลใต้น้ำจะให้เชื่อมโยงกับประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาอย่างมีประสิทธิภาพทัดเทียมภูมิภาคอื่น โดยทุกประเทศจะใช้เงินลงทุนเท่ากัน คือ 1,980 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีเคเบิลใยแก้วที่เชื่อมต่อไปยังต่างประเทศเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) และให้บริการข้อมูลต่างๆ รวม 6 เส้นทาง โดยเชื่อมโยงออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และฮ่องกง เป็นต้น ส่วนเส้นใหม่ที่จะก่อสร้างนี้ถือเป็นเส้นที่ 7 จะสามารถเชื่อมโยงได้ครอบคลุมในหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านโครงข่ายโทรคมนาคม (ฮับ) ของภูมิภาคนี้ เทียบเท่า หรือมากกว่าสิงคโปร์ และฮ่องกง ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ซึ่งในระหว่าง 5 ปีข้างหน้า กสทฯ ต้องมีการก่อสร้างเคเบิลใยแก้วอีกหลายเส้นทาง เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการมากที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมบอร์ดมีมติไม่ต่อสัญญาการจ้างนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์องค์กร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนนี้ เป็นต้นไป เนื่องจากไม่มีผลงานชัดเจน และไม่สามารถทำงานร่วมกับพนักงาน กสทฯ ได้ ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ เป็นบุคคลภายคนนอกที่สมัครมาทำงาน กสทฯ มีสัญญาการทำงาน 2 ปี ซึ่งเข้ามาทำงานเมื่อเดือนเมษายน 2548 ที่ผ่านมา
-
ไมโครซอฟท์ฟันวิสต้าปลอมปิดจอคอมพ์ดำผู้ใช้1 2 มิ.ย.นี้ ไมโครซอฟท์ไทยมั่นใจความนิยมวิสต้าปีนี้พุ่ง ย้ำอัตราการเติบโตปีนี้ตามเป้า 23% พร้อมเดินเครื่องปิดการใช้งานโปรแกรมวิสต้าเถื่อนกลางเดือนนี้ ใช้กลไกการตรวจสอบระบบอัตโนมัติ หวังผู้บริโภคเห็นความแตกต่างของซอฟต์แวร์ผี-ลิขสิทธิ์ กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายฐิตกร อุษยาพร ผู้อำนวยการด้านโออีเอ็ม บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าบริษัทจะใช้โปรแกรม Reduced Functionality Mode หรือ RFM สำหรับซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนนี้ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ และคู่ค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งเตือนผ่านระบบหน้าจอคอมพิวเตอร์ ของผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายที่ระบบของบริษัทแม่ตรวจสอบ (เวอริเดท) ก่อนวันที่ 12 เมษายน ให้ลงทะเบียนเข้าระบบบริษัทใน 30 วัน เพื่อยืนยันสถานะว่าเป็นซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้อง ดังนั้น หากผู้ใช้ที่ได้รับการแจ้งเตือนและไม่มาลงทะเบียบระบบ จะไม่สามารถใช้งานวินโดว์ส วิสต้า และเมื่อเปิดเครื่อง แบ็คกราวน์หน้าจอจะเป็นสีดำ แต่จะสามารถเรียกข้อมูลที่บันทึกอยู่ในเครื่อง และใช้บราวเซอร์ได้เท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าไปลงทะเบียน ซื้อโปรแกรมที่ถูกต้องผ่านทางออนไลน์ได้ ด้านนางปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นการแยกให้เห็นอย่างชัดเจน ระหว่างโปรแกรมลิขสิทธิ์กับโปรแกรมเถื่อน และไม่เชื่อว่าหลังจากไมโครซอฟท์ประกาศตัวโปรแกรมนี้ออกไป จะทำให้จำนวนคนใช้วิสต้าลดลง กลับกันน่าจะทำให้ตลาดของวิสต้าในไทย มีจุดยืนที่ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ภายในปีนี้ไมโครซอฟท์ จะเร่งเจรจาร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในสาขาต่างๆให้ร่วมกันเข้ามา พัฒนาแอพพลิเคชั่น ที่สามารถใช้งานบนวิสต้าได้เพิ่มมากขึ้น "เราไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะทำให้วิสต้า ได้รับความนิยมในไทยเพิ่มขึ้น และในปีนี้ไมโครซอฟท์ ยังคงย้ำเป้าเดิมด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ 23%" นางสาวปฐมากล่าว ด้านความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ นายฟิลิปเป กิลดาส กล่าวว่า บริษัทเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับไมโครซอฟท์ ข้อหาละเมิดสิทธิเครื่องหมายการค้า "วิสต้า" โดยอ้างว่าได้จดทะเบียนชื่อ "เทเล วิสต้า" ซึ่งจะใช้ทั่วโลก มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2546 ทั้งนี้ ข้อมูลจากระบบจดทะเบียนออนไลน์ของสำนักงานเครื่องหมายการค้า สำนักงานทรัพย์สินอุตสาหกรรมฝรั่งเศส (ไอเอ็นพีไอ) ระบุว่า ไมโครซอฟท์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "วิสต้า" ในเดือนมกราคม 2548 ที่มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ http://tech.mthai.com/views_2_microsoft-vista-Reduced-Functionality-Mode_65_8974_1.html
-
naด้วยฝีมือการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาของนักวิทยาศาสตร์แดนปลาดิบ มหาวิทยาลัยวาเซดะ แบตเตอรี่ในอนาคตอาจปรับโฉมจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มาเป็นแบตเตอรี่ที่ทำจากโพลิเมอร์ที่มีความบางแบบคาดไม่ถึง รวมถึงมีอายุการใช้งานยาวนานแบบที่ลืมซื้อแบตเตอรี่ใหม่ไปได้นานหลายปี เนื่องจาก เทคโนโลยีขั้นสูงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการแบตเตอรี่ที่ยืดหยุ่นได้เพื่อให้พลังงานเพิ่มมากขึ้น อย่างโพลิเมอร์แบตเตอรี่ยืดหยุ่นราวพลาสติก ดร.ฮิโรยูกิ นิชิเดะ ดร.ฮิโรอากิ โคนิชิ และ ดร.ทาเคโอะ ซูกะ จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ พัฒนาแบตเตอรี่แบบใหม่ที่ทำจากฟิล์มโพลิเมอร์อินทรีย์มีความหนาเพียง 200 นาโนเมตร โดยมีกลุ่มของธาตุไนโตรไซด์ที่ใส่ไว้ในแบตเตอรี่ทำหน้าที่เป็นตัวนำประจุ ด้วยความที่แบตเตอรี่จากโพลิเมอร์ธาตุอินทรีย์นี้มีความหนาแน่นของธาตุสูง ตัวแบตเตอรี่จึงมีความสามารถในการประจุพลังงานและปล่อยประจุสูงตามไปด้วย จึงเป็นความได้เปรียบหนึ่งในหลายประการที่เหนือกว่าแบตเตอรี่จากสสารอินทรีย์อื่นๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของพลังงานของแบตเตอรี่สูงตามไปด้วย ผลก็คือ แบตเตอรี่จากธาตุอินทรีย์ชนิดนี้ใช้เวลาในการชาร์จพลังงานเพียง 1 นาที อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยสามารถชาร์จได้ถึง 1,000 ครั้งซึ่ง ทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนาแบตเตอรี่ชนิดนี้ ใช้วิธีหลอมละลายโพลิเมอร์ จากนั้นฉาบผิวหน้าของโพลิเมอร์ด้วยกลุ่มธาตุดังกล่าว แล้วนำมาผ่านกระบวนการฉายแสงด้วยรังสีอัลตราไวโอเล็ต ทำให้โพลิเมอร์นี้เชื่อมประสานกัน ทว่า แบตเตอรี่แบบใหม่ที่ทีมมหาวิทยาลัยวาเซดะพัฒนาขึ้นมานี้ยังมีอุปสรรคอยู่บางประการ ตรงที่สามารถทำละลายได้ในสารละลายอิเล็กทรอไลต์ ซึ่งจะมีผลในการปล่อยประจุของแบตเตอรี่ ทั้งนี้ทั้งนั้น โพลิเมอร์นี้จะต้องละลายได้อยู่แล้วเพื่อที่ว่ากลุ่มธาตุไนโตรไซด์จะสามารถเคลือบที่พื้นผิวได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีฉายแสงเพื่อประสานโพลิเมอร์ด้วยแสงนี้ได้สยบปัญหาดังกล่าวอย่างอยู่หมัด อีกทั้งยังช่วยให้โพลิเมอร์มีความเหนียวเพิ่มขึ้นด้วย "นี่เป็นอีกก้าวที่ท้าทาย ในเมื่อปฏิกิริยาในการประสานเกือบทั้งหมดไวต่อธาตุไนโตรไซด์" ดร.นิชิเดะ กล่าว ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ชาบารา ผู้เชี่ยวชาญด้านสารนำไฟฟ้าจาก University of Strathclyde ชี้ว่า แบตเตอรี่พลาสติกจะมีบทบาทในเทคโนโลยีอุปกรณ์จากสารอินทรีย์ว่าสามารถทำงานได้ในรูปแบบของฟิล์มบางและยืดหยุ่นเช่นเดียวกับแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ทั่วไป นอกจากนี้ ดร.นิชิเดะ ยังคาดการณ์ถึงแบตเตอรี่ที่ประกอบขึ้นจากธาตุอินทรีย์นี้ว่าจะมีการนำมาใช้ในวงจรขนาดเล็ก ใช้สำหรับหน่วยความจำ และใช้สำหรับไมโครโปรเซสซิง ในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ในอนาคตแบตเตอรี่เหล่านี้สามารถนำมาใช้ในแอบพลิเคชันที่ต้องการพลังงานสูง อย่างเช่น แบตเตอรี่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และในยานพาหนะก็เป็นได้ ที่มา: http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=6716 ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ : 18 มิถุนายน 2550 เวลา 13:32 น.
-
-
เอชพีย้ำภาพความเป็นผู้นำโฮมพีซี เปิดตัวใหม่ 2 รุ่น HP Pavilion Slimline s3000 series กับ HP g series Home PC นายสมพงษ์ สุทธิเชื้อชาติ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) หรือเอชพี กล่าวว่า ปัจจุบันเอชพีเป็นผู้นำในตลาดพีซีมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 24% และครองอันดับหนึ่งติดต่อกัน 13 ไตรมาสโดยแต่ละไตรมาสจะมีขนาดตลาดประมาณ 1 แสนยูนิต ซึ่งคอมพิวเตอร์ประเภทมียี่ห้อหรือแบรนด์เนมจะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 40% เนื่องจากพีซีแบรนด์เนมมีการปรับกลยุทธ์การขายและการให้บริการใหม่ รวมทั้งมีการใช้กลยุทธ์ด้านราคา ”เอชพีจะมีโปรดักส์ที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่หมื่นกว่าบาทจนถึงระดับหลายหมื่นบาทที่เป็นพรีเมี่ยมพีซี” เอชพีเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ 2 รุ่นคือ HP Pavilion Slimline s3000 series กับ HP g series Home PC โดยรุ่น s3000 series ราคา 32,900 บาท เป็นโฮมพีซีที่มีรูปลักษณ์สวยหรู รูปทรงเพรียวบางสีดำ ขนาดกะทัดรัดเพียง 1 ใน 3 ของพีซีทั่วไป พร้อมระบบปฏิบัติการวินโดว์วิสต้าที่ให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ การประมวลผลข้อมูล การตัดแต่งภาพ รวมทั้งการสั่งพิมพ์ เล่นเกมมีช่องสำหรับใส่ 15-in-1 card readerและสายข้อมูลอื่นๆที่ใช้งานง่ายอยู่ด้านหน้า รวมทั้งมีช่องสำหรับ HP Pocket Media Drive Bay ขนาดเพียง 2.5 นิ้วเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูล สามารถจัดเก็บและส่งต่อดิจิตอลคอนเทนต์ได้ง่านๆด้วยอุปกรณ์ SuperMulti DVD Burner ที่มี LightScribe ในตัวช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและแบ่งปันเพลง ภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถสกรีนภาพลงบนแผ่นดีวีดีได้อย่างคมชัด ส่วนรุ่น g series ราคา 12,990 บาท เป็นโฮมพีซีสำหรับกลุ่มที่เริ่มใช้ระดับต้น ที่สามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงผ่านหน่วยประมวลผล Intel Pentium D แบบดู-อัลคอร์ช่วยเพิ่มประสบการณ์ดิจิตอลเป็น 2 เท่า รองรับการใช้งานแบบ 64 บิตสำหรับเกมและแอปพลิเคชันรวมทั้งซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆในอนาคต รองรับทุกความสนุกสนานด้วยเทคโนโลยีภาพและเสียงที่คมชัด พร้อมทั้งสามารถเขียนข้อมูลทั้งไฟล์ภาพ วิดีโอ ข้อมูลหรือสไลด์ลงแผ่นซีดีได้ด้วย CD-RW/DVD Combo Drive ในตัว อีกทั้งสามารถเข้าสู่โลกดิจิตอลได้อย่างคล่องตัว ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆผ่าน 9-in-1 Digital Media Reader ที่สามารถอ่านการ์ดความจำได้หลายประเภท และติดตั้งไว้ด้านหน้าตัวเครื่องเพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12มิถุนายน 2550 10:15น.
-
ดีวีดีความละเอียดสูงมะกันโตช้า โตชิบาปรับลดเป้ายอดขายปี'08
โตชิบาปรับลดเป้ายอดขายเครื่องเล่น HD-DVD ในสหรัฐอเมริกาลง หลังพบว่าการเติบโตของอุปกรณ์ดังกล่าวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยลดลงจากเดิมที่เคยหวังไว้ว่าจะขายได้ 1.8 ล้านเครื่อง เหลือเพียง 1 ล้านเครื่องภายในปี 2007 หรือคิดเป็นตัวเลขเท่ากับ 44 เปอร์เซ็นต์ "ยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาเติบโตช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เราจึงจำเป็นต้องลดเป้าหมายในการทำตลาดในสหรัฐอเมริกาลง พร้อมกันนี้ เรายังมีแผนจะปรับเป้าหมายทางการตลาดของยอดขายโดยรวมทั่วโลกลงด้วย" โยชิฮิเดะ ฟูจิ ประธานธุรกิจดิจิตอลเพื่อคอนซูเมอร์ของโตชิบากล่าว ก่อนหน้านี้ ฟูจิเคยหวังว่าโตชิบาจะสามารถขายเครื่องเล่น HD-DVD และเครื่องบันทึก HD-DVD ได้ 3 ล้านเครื่องภายในมีนาคม 2008 เนื่องจากเชื่อว่ากระแสการรับชมภาพยนตร์ภายในครัวเรือนจะมาแรง และช่วยดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น ด้านโซนี่เลือกที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนเองผ่านเครื่องเล่นเกม PS3 ซึ่งในกรณีนี้ นายเคน กราฟฟีโอ รองประธานของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอกล่าวว่า "ผู้บริโภคที่ซื้อ PS3 ก็ซื้อเพราะว่ามันเป็นเครื่องเล่นเกม ไม่ใช่ซื้อเพราะเขาต้องการจะรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงจากไดรว์บลูเรย์เหมือนที่โซนี่ออกมาแถลงก่อนหน้านี้" โดยคำกล่าวของนายผู้บริหารยูนิเวอร์แซลนี้มีขึ้นในงานแถลงข่าวเปิดตัวเครื่องเล่น HD-DVD ตระกูล Vardia ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นธรรมดาที่ในช่วงการแข่งขันที่รุนแรง แต่ละค่ายต่างพยายามชูจุดเด่นของตนขึ้นมาข่มขวัญคู่ต่อสู้ ซึ่งการแข่งของมาตรฐาน HD-DVD และบลูเรย์นี้ก็มีความคล้ายคลึงกับการแข่งขันในยุคหนึ่งของเทปวิดีโอประเภท VHS และ Betamax อย่างไรก็ดี จากการเปิดเผยของนายฟูจิระบุว่า ตัวเลขยอดขายเครื่องเล่นดีวีดีความละเอียดสูงในสหรัฐอเมริกากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ตกเป็นของฟอร์แมต HD-DVD ทั้งนี้ไม่รวมตัวเลขยอดขายจากเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่ติดตั้งไดรว์อ่านดีวีดีความละเอียดสูงแต่อย่างใด โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2550 10:12 น.
-
ฟอร์ติเน็ตค้นพบช่องโหว่ที่มีผลกระทบต่อ Microsoft Speech
ประกาศเตือนภัยล่าสุดจากทีมวิจัยไวรัสของฟอร์ติเน็ตศพบปรากฏการณ์วิกฤตการณ์ไมโครซอฟท์ CVE-2007-2222 หรือเรียกว่า “Speech Control Memory Corruption Vulnerability” ที่เข้าโจมตีผู้ใช้ Microsoft Speech
ช่องโหว่นี้เกิดกับ ActiveX ของ Microsoft Speech เวอร์ชั่น 4.0a ในไฟล์ที่ชื่อ “xvoice.dll” ที่ปล่อยให้ผู้บุกรุกเข้าโจมตีและปล่อยชุดคำสั่งทำงานเข้าควบคุมระบบโดยอิสระ สามารถเข้าควบคุมระบบของเหยื่อได้อย่างเต็มรูปแบบ
“ได้เกิดการยินยอมให้ชุดคำสั่งจากภายนอกเข้าควบคุมการทำงานโดยผู้ใช้งานเป็นผู้เปิดโอกาสให้อาชญากรเข้ามาหาประโยชน์และก่อให้เกิดภัยมหันต์ทางช่องโหว่ดังกล่าว ” Steve Fossen ผู้จัดการด้านการวิจัยภัยคุกคามของฟอร์ติเน็ตกล่าว “ผู้ใช้งานจำเป็นต้องทำการอัพเดทซอร์ฟแวร์อยู่ตลอดระยะเวลาการใช้งานและป้องกันการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่อาจเกิดการติดเชื้อเพื่อช่วยให้ปัญหาบรรเทาลงได้ เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาจะได้ไม่ต้องบริจาคข้อมูลอันมีค่าให้กับแฮกเกอร์หรือสแปมเมอร์”
ผู้ใช้งาน Microsoft Speech จำเป็นต้องทำการอัพเดทเพื่อปิดช่องโหว่ดังกล่าวที่ไมโครซอฟท์จัดเตรียมไว้โดยด่วน ที่http://www.microsoft.com/technet/security/Bulletin/MS07-033.mspx หรือเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://fortiguardcenter.com/advisory/FGA-2007-08.html
ข้อมูลของ FortiGuard Center ที่ http://www.fortiguardcenter.com/ หรือ Add RSS ได้ที่ http://www.fortinet.com/FortiGuardCenter/rss/index.html หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมของบริการ FortiGuard Subscription Services ที่http://www.fortinet.com/products/fortiguard.html ข่าวจาก : www.fortinet.com
-
ญี่ปุ่นแจ้งเกิดหุ่นยนต์ทนฝน เล็งเทียบชั้นคนงานก่อสร้าง คนงานก่อสร้างเตรียมทำใจตกงาน เมื่อบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติญี่ปุ่นโชว์ตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถทำงานได้กลางสายฝน ระบุด้วยว่าอีก 3 ปีข้างหน้าอาจจะสามารถวางจำหน่ายให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ถือเป็นการยกระดับความสามารถในการทำงานของหุ่นยนต์ให้ใกล้เคียงมนุษย์ได้อย่างน่าจับตามอง หุ่นยนต์ทนฝนนี้มีนามว่า HRP-3 Promet Mk-II ผลงานการพัฒนาของบริษัทคาวาดะอินดัสทรีส์ (Kawada Industries) เป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ลำตัวสีขาวความสูง 160 เซนติเมตร (5 ฟุต 10 นิ้ว) น้ำหนัก 68 กิโลกรัมหรือประมาณ 149 ปอนด์ (รวมแบตเตอรี่) ใบหน้าสวมแว่นกันแสงอาทิตย์ บริเวณมือสามารถเกาะยึดและสามารถสร้างสมดุลย์ลำตัวขณะเคลื่อนที่โดยการถ่วงน้ำหนักช่วงแขนเช่นเดียวกับมนุษย์ นอกจากจะสามารถทำงานท่ามกลางสายฝน HRP-3 Promet Mk-II ยังสามารถเคลื่อนที่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยทราย กรวด หรือเจิงนองด้วยโคลนลื่น งานนี้คาวาดะฯสาธิตการทำงานของ HRP-3 Promet Mk-II แก่สื่อมวลชนโดยจำลองสภาพอากาศฝนตก พร้อมให้หุ่นยนต์เดินบนพื้นห้องที่โรยด้วยทราย ซึ่งหุ่นยนต์ก็สามารถทำงานได้ตามปกติ ทากาคัตสึ ไอสุซุมิ ผู้จัดการโครงการบริษัทคาวาดะฯ เปิดเผยถึงแผนการทำตลาด HRP-3 Promet Mk-II ว่ามีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้จริงในช่วงปี 2010 หรือ 3 ปีนับจากนี้ สนนราคาพนักงานก่อสร้างไฮเทคคาดว่าจะอยู่ที่ 15 ล้านเยนต่อตัว (ประมาณ 3.88 ล้านบาท) โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2550
-
แอปเปิ้ลกำหนดวันวางแผง "ไอโฟน" มือถืออัจฉริยะของทางค่ายแล้วผ่านทางโฆษณาทีวี ระบุฤกษ์ดี 29 มิถุนายนนี้ เชื่อว่าสามารถสยบกระแสข่าวเกี่ยวกับปัญหาความล่าช้าในการผลิตและการจัดจำหน่ายที่มีมาก่อนหน้านี้ได้อย่างราบคาบ สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของแอปเปิ้ล เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของบริษัทว่า โทรศัพท์มือถือไอโฟนที่ผนวกฟีเจอร์เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลไอพ็อด และความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตลงไปด้วยนั้น จะมีกำหนดวางจำหน่ายภายในเดือนมิถุนายนนี้อย่างแน่นอน โดยแอปเปิ้ลได้เดิมพันอนาคตของไอโฟนไปกับการเลื่อนกำหนดวางจำหน่ายซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าของทางค่ายอย่าง "Leopard" ให้ล่าช้าออกไป เพื่อดึงนักพัฒนาของ Leopard มาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ไอโฟนได้อย่างเต็มที่ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีข่าวลือที่ระบุว่ามาจากบันทึกข้อความภายในองค์กรแอปเปิ้ล ว่าบริษัทมีความกังวลใจว่าจะไม่สามารถผลิตไอโฟนได้เสร็จทันเวลาหลุดออกมาด้วยเช่นกัน ร็อบ เอ็นเดอร์เล นักวิเคราะห์จาก Enderle Group กล่าวว่า "ไอโฟนเป็นโทรศัพท์ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวมันจำนวนมาก ทั้งเรื่องของปัญหาในการผลิตและเรื่องอื่น ๆ แต่ค่ายแอปเปิ้ลเลือกที่จะวางเฉยกับข่าวลือเหล่านั้น" ราคาจำหน่ายของไอโฟนถูกตั้งไว้ที่ 499 - 599 เหรียญสหรัฐ ขึ้นอยู่กับความจุของหน่วยความจำ โดยจะทำตลาดผ่านผู้ให้บริการ AT&T (ก่อนหน้านี้เป็นแบรนด์ซิงกูลาร์ ไวร์เลส) นักวิเคราะห์ในตอนนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไอโฟนจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการโทรศัพท์มือถือ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าราคาขายของไอโฟนแพงเกินกว่าจะแข่งขันกับผู้ผลิตยี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาดของสหรัฐอเมริกา เช่น แบล็กเบอร์รี่ หรือสมาร์ทโฟนจากค่ายต่าง ๆ "ตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับให้ทีมงานแอปเปิ้ลการทดสอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานแอปเปิ้ล ซึ่งในฐานะที่มันเป็นเจเนอเรชันแรกของตระกูล พวกเขาสามารถนำจุดอ่อนของมันไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในเจเนอเรชันที่สองได้ต่อไป" เอ็นเดอร์เลกล่าว มีรายงานมาด้วยว่า ในเจเนอเรชันถัดไปของไอโฟนนั้น ทางแอปเปิ้ลได้เซ็นสัญญากับบริษัท Quanta Computer ของไต้หวันให้รับหน้าที่ผลิตไปแล้ว ไอโฟนมีกำหนดเปิดตัวในสหภาพยุโรปช่วงปลายปีนี้ และจะเริ่มทำตลาดในเอเชียปี 2008 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2550 22:13 น.
-
อินเทลริเริ่ม“ศูนย์คอมพ์เพื่อชุมชน”สอนไอทีชาวบ้านกว่า10ล้านคนต่อปี โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2550 อินเทลจับมือเอทีซีไอและซิป้าเปิดโครงการ “ศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชน” เปิดโอกาสชุมชนทุนทรัพย์น้อยเข้าถึงการเรียนรู้เทคโนโลยีทันสมัยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ นำเสนอระบบคอมพิวเตอร์ครบชุดราคาพิเศษไม่เกิน 2 แสนบาท ตั้งเป้า 6 เดือน ตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ให้ชุมชนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 2,000 แห่ง ให้บริการประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนต่อปี นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) กล่าวว่า อินเทลร่วมกับกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไทย ซึ่งดำเนินการภายใต้สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโยลีสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) ก่อตั้งโครงการ Community e-Center หรือศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า โดยมีเป้าหมายหลักคือเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ การเข้าถึงข้อมูลอันทันสมัยด้วยระบบไอทีไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนจะเป็นการนำเสนอชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบชุดให้กับหน่วยงานราชการในชุมชนอย่างศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ห้องสมุด เพื่อเป็นศูนย์กลางให้คนในชุมชนเข้าบริการด้านการเรียนการสอน ค้นหาข้อมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์ ผู้บริหารอินเทลกล่าวว่า ที่ผ่านมาอินเทลเคยทำโครงการพีซีเงินผ่อนเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของพีซีแต่ไม่สามารถใช้เงินก้อนซื้อได้ ต่างกับโครงการนี้ที่เป็นการจุดประกายให้กับผู้ที่ไม่เคยได้สัมผัสหรือเข้าถึงเทคโนโลยีมาก่อนเข้าถึงได้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ ถ้าจะมองก็เป็นโครงการที่จะมาต่อยอดให้กับโครงการแรก เมื่อเข้าถึงได้ ใช้งานเป็นก็ย่อมต้องการมีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง อินเทลร่วมกับกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ฯจัดหาคอมพิวเตอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของอินเทลและอุปกรณ์อื่นๆ ครบชุดไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย คอมพิวเตอร์ประมวลผล เครื่องลูกข่าย เครื่องพิมพ์ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์สำนักงาน รวมทั้งโต๊ะ เก้าอี้สำหรับคอมพิวเตอร์และจัดหาจัดหาผู้รับเหมาที่จะเข้าไปจะเข้าไปดำเนินการตกแต่ง ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับศูนย์ นำเสนอโดยการนำเสนอในราคาพิเศษไม่เกิน 2 แสนบาท การทำราคาพิเศษได้นี้เพราะได้รับการสนับสนุนโปรเซสเซอร์และเบนบอร์ดจากอินเทล โดยมีซิป้าเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่เป็นประโยชน์กับชุมชน นายวีระ อิงค์ธเนศ ประธานกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไทย กล่าวว่า ในกลุ่มซึ่งประกอบด้วยบริษัท เอสวีโอเอ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) บริษัท เมโทรโปรเฟสชั่นแนลโปรดักส์ และบริษัท เพลินจิต คอมเทค จะเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ให้กับโครงการนี้ และใช้ช่องทางการจำหน่ายของแต่ละบริษัทตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศในการนำเสนอโครงการนี้ เป้าหมายของโครงการนี้คือการนำเสนอระบบคอมพิวเตอร์ครบชุดให้กับหน่วยงานในท้องถิ่นอย่าง อบต. และ อบจ.ที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 6,600 แห่ง และเทศบาลอีกประมาณ 1,100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานเหล่านี้จะมีงบประมาณที่สามารถนำมาจัดซื้อในโครงการนี้ได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังต้องการจัดตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 2,000 แห่ง ภายในระยะเวลา 6 เดือน และเปิดให้บริการประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนต่อปี แหล่งที่มาhttp://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000073542
-
ฮิตาชิโชว์หมวกอ่านความคิด ฮิตาชิโชว์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้เพียงแค่คิด เรื่องต้นแบบมาในรูปหมวกอ่านคลื่นสมองอัจฉริยะ เตรียมนำไปใช้เป็นรีโมททีวีแห่งโลกอนาคตที่ทำให้ผู้ใช้เปิด ปิด และเปลี่ยนช่องทีวีได้โดยใช้ความคิดเท่านั้น เทคโนโลยีนี้มีชื่อว่า "brain-machine interface" พัฒนาโดยฮิตาชิ (Hitachi Inc.) แนวคิดการทำงานของเทคโนโลยีนี้เป็นการเปลี่ยนระบบไหลเวียนเลือดและรูปแบบการเคลื่อนที่ของสมองให้ออกมาในรูปสัญญาณไฟฟ้า จากการสาธิตพบว่าความคิดสามารถทำให้รถไฟของเล่นระบบคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ได้จริง วิธีการใช้หมวกอ่านคลื่นสมองว่าควรจะสูดหายใจเข้าให้ลึกและผ่อนคลาย ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวทำตามและจินตนาการว่ารถไฟวิ่ง รถไฟก็วิ่งได้จริง อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวยังมีข้อบกพร่องเรื่องความเสถียร เนื่องจากจากผู้ใช้หยุดความคิด หรือแม้แต่เผลอร้องเพลง รถไฟก็จะหยุดลงด้วยเช่นกัน แต่เดิมเทคโนโลยีนี้มีจุดประสงค์หลักในการพัฒนาสำหรับใช้ในด้านการแพทย์เท่านั้น ในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้สามารถนำมาใช้ในด้านการพาณิชย์มากขึ้น โดยทีมวิจัยของฮิตาชิวางเป้าหมายพัฒนาให้อยู่ในรูปรีโมททีวีที่ผู้ใช้สามารถคิดเพื่อเปิด ปิด และเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ได้โดยไม่ต้องใช้มือกดปุ่ม ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้แทนคีย์บอร์ด และใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้ เช่นโคมไฟ เป็นต้น
ที่มา:http://www.doctorsan.com/cgibin/news/newsnavigator.pl?http://www.thaisarn.com/th/ts_count_topic.php?tscode=0623070085
-
สำรวจพบคอมพิวเตอร์ช่วยเด็กเรียนดีขึ้น การสำรวจล่าสุดพบ โรงเรียนที่ติดตั้งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ระดับสูงสามารถพัฒนาระดับความรู้ของนักเรียนได้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งสามารถทำคะแนนประเมินระดับความรู้ได้สูงกว่านักเรียนโรงเรียนทั่วไปในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ การสำรวจอิทธิพลของคอมพิวเตอร์ในระบบการศึกษานี้ดำเนินการโดยสำนักงานการศึกษาด้านเทคโนโลยีการสื่อสารประเทศอังกฤษหรือ Becta (British Educational Communications and Technology Agency) ใช้เวลาสำรวจนาน 4 ปีกับโรงเรียนประถมศึกษา 23 แห่ง โรงเรียนมัธยม 5 แห่ง และระดับวิทยาลัย 3 แห่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่มีความแตกต่างด้านสังคมและเศรษฐกิจ แต่ล้วนมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ระดับสูง ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการฝึกอบรมบุคลากรเช่นเดียวกัน โดยมูลค่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รวมกว่า 34 ล้านปอนด์ ข้อสรุปว่านักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ระดับสูงมีผลการเรียนที่ดีนั้น มาจากผลการประเมินระดับความรู้ของเด็กนักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้โดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาแห่งชาติที่เคยมีการศึกษาในช่วงก่อนหน้านี้ โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 5 ระดับชั้นตามช่วงอายุ ซึ่งผลการทดสอบพบว่านักเรียนช่วงอายุ 11 ปี และ 16 ปีนั้นสามารถทำคะแนนได้ดีกว่าโรงเรียนทั่วไป ผลการประเมินเด็กนักเรียนระดับ Key Stage 1 (อายุ 7 ปี) นั้นไม่แตกต่างเมื่อเทียบกับนักเรียนโรงเรียนทั่วไป ส่วนผลการประเมินระดับ Key Stage 2 (อายุ 11 ปี) นั้นดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานโดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับระดับ Key Stage 3 (อายุ 14 ปี) นั้นไม่แตกต่างเช่นเดียวกับระดับ Key Stage 1 ระดับ GCSE (อายุ 16 ปี) แม้จะมีคะแนนการประเมินโดยรวมไม่แตกต่าง แต่การพิจารณาคะแนนในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์พบว่าโดดเด่นกว่าโรงเรียนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ระดับสุดท้าย อายุ 16 ปีขึ้นไป พบว่านักเรียนสามารถทำคะแนนในระดับดีเยี่ยมหรือเกรด A ได้น้อยกว่าโรงเรียนทั่วไป การสำรวจครั้งนี้ให้เหตุผลว่า การที่นักเรียนประถมศึกษาของโรงเรียนที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูง สามารถทำแบบประเมินได้ในระดับที่สูงกว่าโรงเรียนทั่วไป เป็นเพราะความยืดหยุ่นในหลักสูตรการเรียน โดย Becta ระบุว่า การสำรวจครั้งนี้ทำให้เห็นว่าการวัดระดับมาตรฐานเด็กนักเรียนที่ผ่านมาของสำนักงานมาตรฐานการศึกษาอังกฤษ OFSTED (Office for Standard in Education) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในอังกฤษนั้นไม่มีการคำนึงถึงอิทธิพลของเทคโนโลยี ICT ที่มีต่อเด็กนักเรียนเท่าที่ควร และกระบวนการสอบประเมินผลก็ปิดกั้นการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยสิ้นเชิง จุดนี้ OFSTED ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าให้ความสนใจกับเทคโนโลยี ICT อย่างเต็มที่ สอบด้วยคอมพ์คะแนนพุ่ง Becta ยังย้ำว่า การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนวิธีการทดสอบนักเรียนในปัจจุบัน เนื่องจากนักเรียนที่ทำการทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดทักษะการเขียน อันเป็นปัญหาหลักด้านการศึกษาของประเทศอังกฤษ ซึ่งทำให้การวัดผลการศึกษาสามารถทำได้เที่ยงตรงมากกว่า ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษนั้นผ่านงบประมาณการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศประจำไตรมาสมูลค่า 1 ล้านปอนด์ต่อโรงเรียน โดยการสำรวจของ Becta ช่วงก่อนหน้านี้ชี้ว่า ครูและนักเรียนชาวอังกฤษล้วนมีทัศนคติด้านบวกต่อระบบ ICT ในโรงเรียน และมีส่วนช่วยเป็นแรงผลักดันให้การศึกษามีความหลากหลายและน่าสนใจ สำหรับการศึกษาครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้มีการผลักดันการใช้เทคโนโลยีไอทีในโรงเรียนให้มากขึ้นทั่วประเทศอังกฤษ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2550 09:48 น.
-
วิทยาการก้าวหน้า
เอเอฟพี - หุ่นยนต์กลไกเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นทุกทีๆ และอาจจะสนุกยิ่ง แม้เรากำลังจะเจ็บป่วยด้วยก็ตาม
หุ่นยนต์ขนาด 225 กิโลกรัมคอยตามดูแลคนไข้ที่หลอดเลือดสมองแตกตามทางเดิน และคอยฉุดเขาขึ้นมาเมื่อหกล้ม หุ่นยนต์ที่คอยช่วยคนไข้ที่ถูกยิงมาหัดเดิน ช่วยบำบัดให้ขาของเขาเดินได้อีกครั้ง เกมเสมือนจริงที่ช่วยให้คนที่ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันถือถ้วยกาแฟเองได้
สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ล่าสุดที่จัดแสดงขึ้นในที่ประชุมว่าด้วยการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยด้วยหุ่นยนต์ที่นครชิคาโก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
"เรากำลังยังคงเรียนรู้ว่าจะใช้และพยายามค้นหาว่าจะใช้หุ่นยนต์กลไกลเหล่านี้ได้อย่างไร" เจมส์ แพตตัน ประธานการประชุมและประธานของสถานบันฟื้นฟูสมรรถภาพของชิคาโก กล่าว
หุ่นยนต์สามารถช่วยให้ผู้ที่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวจำกัดกลับมาพึ่งตัวเองได้ ด้วยการช่วยพวกเขาในการรับประทานอาหารและทำงานบ้านอื่นๆ ช่วยให้นักกายภาพบำบัดวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยผ่านการประชุมทางไกล หรือช่วยเก็บข้อมูลระหว่างการบำบัดที่บ้าน และหุ่นยนต์ก็ยังช่วยผู้ป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองได้มากยิ่งขึ้นด้วย
ฟุลตัน ผู้ป่วยที่โดนยิงมาบำบัดร่างกาย ด้วยการใช่หุ่นยนต์ช่วยเดิน "โลโกแมต"
ผู้ป่วยอย่างเจอร์นาร์ด ฟุลตัน ซึ่งถูกยิงบริเวณไหล่ซ้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2004 ส่งผลต่อกระดูกสันหลังและทำให้ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก จนแพทย์กังวลว่าคุณแม่ลูกสองวัย 35 ปีคนนี้จะกลับมาเดินไม่ได้อีกเหมือนเดิม
แต่ความวิตกกังวลดังกล่าวลดลง เมื่อฟุลตันกระตือรือร้นที่จะทำการบำบัดให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นด้วยการช่วยเหลือของนักกายภาพ ซึ่งอาจจะยกขาเธอขึ้นลง เคลื่อนไหวมันไปตามวิธีการเพื่อสอนให้มันสามารถพาเธอเดินได้ และจากนั้นเธอก็จะได้รับการส่งตัวไปยังเครื่องโลโกแมต หุ่นยนต์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ช่วยพยุงเธอเดิน ขณะที่สายรัดตัวจะคอยควบคุมการเคลื่อนไหวของขาทั้งสองข้างให้เดินไปตามวิธีการปกติ
ช่วงแรก อุปกรณ์ดังกล่าวจะทำงานเองทั้งหมด แต่เมื่ออาการของฟุลตันดีขึ้น เธอก็ผลักตัวเองให้เดินไปข้างหน้าเองด้วยการช่วยเหลือของเครื่อง ขณะที่จอมอนิเตอร์จะแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังเดินไปได้ดีอย่างไร
เจมส์ แพตตัน พยายามจับลูกบอล โดยมีหุ่นยนต์ไคน์แอสซิสต์ ซึ่งช่วยในการเดินและการทรงตัว ที่สถาบันฟิ้นฟูร่างกาย ในเมืองชิคาโก สหรัฐฯ อเมริกา
" ฉันรู้ว่าวันนึงอาการของฉันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วนักหรอก" ฟุลตันกล่าวขณะกำลังก้าวเดินข้ามห้องประชุมไปด้วยฝีเท้าที่ยังคงระส่ำ
นอกจากการลดจำนวนนักกายภาพบำบัดที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วย หุ่นยนต์ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำกายภาพบำบัดได้ในช่วงเวลาที่นานขึ้น โดยปกติการทำกายภาพแบบเดิมจะใช้เวลาได้ไม่เกิน 10 นาที เพราะการบำบัดนานๆ ย่อมจำเป็นต้องใช้นักกายภาพจำนวนมาก
อุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นใหม่อีกอย่างที่ช่วยให้คนไข้เดินได้อีกครั้งคือระบบออกกำลังและสร้างความสมดุล "ไคน์แอสซิสต์" ซึ่งจะนำมาเริ่มใช้ฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ป่วยได้ในเร็วๆ นี้
ไคน์แอสซิสต์ เป็นหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งร่วมกับสถานบันฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยของชิคาโก อุปกรณ์ชิ้นใหม่ดังกล่าวช่วยให้เจ้าหน้าที่เน้นไปยังพัฒนาการของผู้ป่วยโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะล้มลงไป
ไคน์แอสซิสต์ เป็นหุ่นยนต์หนัก 225 กิโลกรัม (500 ปอนด์) มีล้อที่จะช่วยให้มันเดินตามผู้ป่วย ขณะที่สายรัดจะช่วยป้องกันไม่ให้คนไข้ล้มหากพวกเขาเกิดสะดุด นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
"การการรักษาแบบเดิมๆ จะต้องมีใครสักคนช่วยพยุงคนไข้และการที่พวกเขาโดนโอบไว้อย่างนั้นจะจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา" เดวิด บราวน์ ผู้ร่วมก่อตั้งชิคาโกพีทีที่พัฒนาไคน์แอสวิสต์ขึ้นมากล่าวขณะที่กำลังให้คนไข้โรคหัวใจวัย 65 ปีลองใช้เครื่องมือไฮเทคนี้
คนไข้ที่มีหุ่นยนต์ไคน์แอสซิสต์คอยช่วยให้คนไข้รู้ถึงข้อจำกัดของเสถียรภาพในการทรงตัวบนโฟมรองรับและก้าวไปคว้าลูกบอลข้างหน้าหรือแม้กระทั่งเดินไปได้ด้วยสายรัด
มันจะดึงและพาคนไข้เดินไปได้ทั่ว เหมือนกับการเดินไปขึ้นรถเมล์หรือรถไฟใต้ดินซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน บราวน์กล่าว เขาหวังว่าจะนำอุปกรณ์ชิ้นนี้เข้าสู่ท้องตลาดได้ในไม่กี่ปีนี้ ด้วยราคาขายระหว่าง 50,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,000,000-4,000,000 ล้านบาท)
สำหรับอุปกรณ์ไฮเทคอีกชิ้นที่จะเข้ามาช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยได้ในไม่ช้านี้เช่นกัน คือเกมหุ่นยนต์เสมือนจริง ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือนด้านสมอง ยกตัวอย่างเช่น จากอาการหลอดเลือดสมองแตก สามารถพัฒนาระบบประสาทสั่งการใหม่ขึ้นได้
"มันเป็นเกมจริงๆ เลย" แพตตันซึ่งเป็นผู้คิดค้นพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวที่ประธานสถาบันฟื้นฟูแห่งชิคาโกกล่าว และคุยว่า "คนไข้ต้องอยากกลับมาอีกแน่เพราะมันสนุก วูบวาบน่าตื่นเต้นเหลือเกิน"
แพตตันและทีมอัพโหลด "ดูม" เกมคอมพิวเตอร์ยอดนิยมมาลงอุปกรณ์เสมือนจริงและให้คนไข้ลงมือเล่น เพื่อให้คนไข้ได้ฝึกการเคลื่อนไหวในการจับสิ่งของ การศึกษาเบื้องต้นพวกเขาพบว่าการเคลื่อนไหวซ้ำที่ใช้ในการรักษาด้วยเกมเสมือนจริงนั้น ทำให้คนไข้ปรับตัวมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นหลังจากมีอาการหลอดเลือดสมองแตก
การค้นพบสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาพบว่าคนไข้เรียนรู้เร็วมากกว่า เมื่อพวกเขาเล่นเกมที่บิดเบือนรูปร่างสิ่งต่างๆ ไปจากความจริง ซึ่งจะทำให้พวกเขาจับสิ่งของได้มากกว่าที่พวกเขาน่าจะทำได้ยิ่งขึ้น
การประชุมว่าด้วยการฟื้นฟูสภาพร่างผู้ป่วยด้วยหุ่นยนต์มีนักวิจัยและนักกายภาพบำบัดกว่า 300 ชีวิตเดินทางมาจากกว่า 20 ประเทศมาร่วมงานที่เมืองชิคาโก ซึ่งจัดขึ้นจนถึงเมื่อวันศุกร์(1) ที่ผ่านมา ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ นางสาว ภรณี พรหมเทศ Ed.tech 14
-
วัฒนธรรมไอพอด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฟังเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล (ตอนนี้มีทั้งเล่นเพลง รับฟังวิทยุ เล่นภาพแบบสไลด์โชว์ และวิดีโอขนาดดูหนังทั้งเรื่องยาวๆ ได้แล้ว) ยี่ห้อไอพอดของแอปเปิล คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่กินความรวมถึงเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลหรือที่เรามักเรียกกันว่าเอ็มพี 3 เพลเยอร์ หรือเอ็มพีพี ทั้งหมด ยอดขายของเครื่องเล่นเอ็มพีพีที่ว่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกๆ สัปดาห์ และเพิ่มในระดับที่รวดเร็วอย่างยิ่ง
เร็วถึงขนาดสร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตแผ่นเสียง ผู้ผลิตเพลงที่นั่งทำตาปริบๆ จากปัญหาทั้งในแง่ของลิขสิทธิ์ในการดาวน์โหลดเพลงจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และการลดลงอย่างเห็นได้ชัดของยอดขายแผ่นซีดีเพลงทั่วโลก
วัฒนธรรมไอพอด ทำให้ใครก็ตามที่ไม่รู้จัก ไอพอดนาโน ไอจูน พอดคาสต์ ฯลฯ กลายเป็นคนเฉิ่ม เชย เอาท์ไปโดยอัตโนมัติ
ปัญหาก็คือวัฒนธรรมใหม่ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดโรคหลายๆ อย่าง ก่อนหน้านี้แพทย์ทางประสาทวิทยาออกมาเตือนเรื่องการฟังเพลงหรืออะไรก็ตามผ่านหูฟังแบบพกพามากจนเกินไป หรือด้วยระดับเสียงดังเกินไป จะทำให้ประสาทหูได้รับการกระทบกระเทือนแน่นอน ที่จะเกิดขึ้นตามมาคืออาการเสื่อมของการรับฟังเสียงทั่วไปของหู พูดง่ายๆ ว่า หูจะตึงนั่นแหละครับ
ล่าสุด นายแพทย์คาร์ล เออร์วิน จากแพทยสมาคมประสาทไขสันหลังแห่งอังกฤษ ออกมาเตือนถึงโรคใหม่ที่เริ่มเกิดขึ้นกับสาวกไอพอดหลายคนในประเทศอังกฤษแล้ว โดยแพทย์หลายคนพะยี่ห้อให้มันว่าเป็นโรค "ไอพอด ฟิงเกอร์"
คุณหมอเออร์วินอธิบายถึง "ไอพอด ฟิงเกอร์" ไว้ว่า เกิดจากการที่เครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลแบบพกพาได้รับความนิยมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในขณะนี้แล้วคนที่ใช้งานมันก็ต้องมาใช้ปุ่มบังคับขนาดเล็กๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานแล้วก็เป็นการเคลื่อนไหวนิ้วมือ โดยเฉพาะหัวแม่มือในรูปแบบที่ซ้ำๆ กันถี่ๆ และต่อเนื่อง ผลลัพธ์ก็คือ อาการปวดหรืออาการติดขัดและปวดในขณะเคลื่อนไหวนิ้ว ซึ่งเกิดขึ้นทำนองเดียวกันกับเมื่อเราใช้เอสเอ็มเอส หรือเล่นวิดีโอเกมมากๆ นานๆ นั่นแหละ
บางครั้งอาการปวดมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่นิ้ว แต่จะร้าวและลามต่อไปทั่วทั้งฝ่ามือ ขึ้นไปจนถึงแขนและคอโน่นเลยทีเดียว
อาการหนักๆ อย่างนั้นพบในผู้ป่วยหลายคนที่เดินทางมาพบแพทย์ และหลังจากพูดคุยซักประวัติกันถี่ถ้วนก็ชัดเจนว่าเกิดจากการใช้หัวแม่มือสไลด์ไปตามหน้าปัดของไอพอดมากๆ นั่นเอง
ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลพกพาขนาดเล็กนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาการปวดอย่างเดียว ข้อมูลของสมาคมธุรกิจอังกฤษระบุว่า ตอนนี้มีคนลาป่วยเพราะอาการปวดจากการทำซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้ หรือจากการพิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ เป็นจำนวนมาก คิดช่วงเวลาลาป่วยที่ว่านี้แล้วเท่ากับว่าอาการปวดทำนองนี้ก่อให้เกิดการสูญเสียวันทำงานไปถึง 5.4 ล้านวันต่อปีเลยทีเดียว
"เมื่อคำนึงถึงธรรมชาติของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผมเชื่อว่าอุปกรณ์ทำนองนี้นับวันจะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เพราะงั้นผมถึงไม่ประหลาดใจที่ว่าอีกไม่นานอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับนิ้วและมือทั้งหลายจะกลายเป็นโรคที่เราพบกันทั่วไป"คุณหมอชาวอังกฤษเตือนไว้อย่างนั้นครับ!
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชน
อ่ะนะ...อะไรที่มันมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ดี เพราะฉะนั้น พยายามเดินทางสายกลาง...เล่นกันแต่พอดิบพอดีก็แล้วกัน ภรณี Ed.tech 14
-
วัฒนธรรมไอพอด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฟังเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล (ตอนนี้มีทั้งเล่นเพลง รับฟังวิทยุ เล่นภาพแบบสไลด์โชว์ และวิดีโอขนาดดูหนังทั้งเรื่องยาวๆ ได้แล้ว) ยี่ห้อไอพอดของแอปเปิล คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่กินความรวมถึงเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลหรือที่เรามักเรียกกันว่าเอ็มพี 3 เพลเยอร์ หรือเอ็มพีพี ทั้งหมด ยอดขายของเครื่องเล่นเอ็มพีพีที่ว่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกๆ สัปดาห์ และเพิ่มในระดับที่รวดเร็วอย่างยิ่ง
เร็วถึงขนาดสร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตแผ่นเสียง ผู้ผลิตเพลงที่นั่งทำตาปริบๆ จากปัญหาทั้งในแง่ของลิขสิทธิ์ในการดาวน์โหลดเพลงจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และการลดลงอย่างเห็นได้ชัดของยอดขายแผ่นซีดีเพลงทั่วโลก
วัฒนธรรมไอพอด ทำให้ใครก็ตามที่ไม่รู้จัก ไอพอดนาโน ไอจูน พอดคาสต์ ฯลฯ กลายเป็นคนเฉิ่ม เชย เอาท์ไปโดยอัตโนมัติ
ปัญหาก็คือวัฒนธรรมใหม่ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดโรคหลายๆ อย่าง ก่อนหน้านี้แพทย์ทางประสาทวิทยาออกมาเตือนเรื่องการฟังเพลงหรืออะไรก็ตามผ่านหูฟังแบบพกพามากจนเกินไป หรือด้วยระดับเสียงดังเกินไป จะทำให้ประสาทหูได้รับการกระทบกระเทือนแน่นอน ที่จะเกิดขึ้นตามมาคืออาการเสื่อมของการรับฟังเสียงทั่วไปของหู พูดง่ายๆ ว่า หูจะตึงนั่นแหละครับ
ล่าสุด นายแพทย์คาร์ล เออร์วิน จากแพทยสมาคมประสาทไขสันหลังแห่งอังกฤษ ออกมาเตือนถึงโรคใหม่ที่เริ่มเกิดขึ้นกับสาวกไอพอดหลายคนในประเทศอังกฤษแล้ว โดยแพทย์หลายคนพะยี่ห้อให้มันว่าเป็นโรค "ไอพอด ฟิงเกอร์"
คุณหมอเออร์วินอธิบายถึง "ไอพอด ฟิงเกอร์" ไว้ว่า เกิดจากการที่เครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลแบบพกพาได้รับความนิยมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในขณะนี้แล้วคนที่ใช้งานมันก็ต้องมาใช้ปุ่มบังคับขนาดเล็กๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานแล้วก็เป็นการเคลื่อนไหวนิ้วมือ โดยเฉพาะหัวแม่มือในรูปแบบที่ซ้ำๆ กันถี่ๆ และต่อเนื่อง ผลลัพธ์ก็คือ อาการปวดหรืออาการติดขัดและปวดในขณะเคลื่อนไหวนิ้ว ซึ่งเกิดขึ้นทำนองเดียวกันกับเมื่อเราใช้เอสเอ็มเอส หรือเล่นวิดีโอเกมมากๆ นานๆ นั่นแหละ
บางครั้งอาการปวดมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่นิ้ว แต่จะร้าวและลามต่อไปทั่วทั้งฝ่ามือ ขึ้นไปจนถึงแขนและคอโน่นเลยทีเดียว
อาการหนักๆ อย่างนั้นพบในผู้ป่วยหลายคนที่เดินทางมาพบแพทย์ และหลังจากพูดคุยซักประวัติกันถี่ถ้วนก็ชัดเจนว่าเกิดจากการใช้หัวแม่มือสไลด์ไปตามหน้าปัดของไอพอดมากๆ นั่นเอง
ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลพกพาขนาดเล็กนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาการปวดอย่างเดียว ข้อมูลของสมาคมธุรกิจอังกฤษระบุว่า ตอนนี้มีคนลาป่วยเพราะอาการปวดจากการทำซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้ หรือจากการพิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ เป็นจำนวนมาก คิดช่วงเวลาลาป่วยที่ว่านี้แล้วเท่ากับว่าอาการปวดทำนองนี้ก่อให้เกิดการสูญเสียวันทำงานไปถึง 5.4 ล้านวันต่อปีเลยทีเดียว
"เมื่อคำนึงถึงธรรมชาติของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผมเชื่อว่าอุปกรณ์ทำนองนี้นับวันจะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เพราะงั้นผมถึงไม่ประหลาดใจที่ว่าอีกไม่นานอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับนิ้วและมือทั้งหลายจะกลายเป็นโรคที่เราพบกันทั่วไป"คุณหมอชาวอังกฤษเตือนไว้อย่างนั้นครับ!
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชน
อ่ะนะ...อะไรที่มันมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ดี เพราะฉะนั้น พยายามเดินทางสายกลาง...เล่นกันแต่พอดิบพอดีก็แล้วกัน ภรณี Ed.tech 14
-
นิตยสารชื่อดัง Time ยกย่อง"ทุกคนในโลกที่ใช้อินเทอร์เน็ต" เป็นบุคคลแห่งปีประจำปี 2549 ในฐานะที่มีส่วนส่งเสริมทำให้เว็บไซต์ที่ผู้ใช้สามารถต่อเติมแก้ไขเนื้อหา ได้ขยายตัวและทรงอิทธิพลมากขึ้นทุกที สะท้อนความสำคัญของเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม และเป็นแรงขับสำคัญในโลกสมัยใหม่
นิตยสารชื่อดัง ไทม์ ได้ยกย่อง "คุณ" หรือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคน เป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้ สะท้อนความสำคัญของเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนมีส่วนร่วม จากการที่สามารถ "เข้าควบคุมบังเหียนสื่อทั่วโลก" อันถือเป็นแรงขับสำคัญในโลกสมัยใหม่ หลังจากในระยะหลังมีการจัดทำเว็บไซต์ใหม่ๆ ที่เปิดโอกาสให้คนใช้อินเทอร์เน็ตมีส่วนร่วม เช่น YouTube ซึ่งเป็นทิศทางใหม่ในการปฏิวัติอินเทอร์เน็ต และสามารถดึงดูดผู้คนได้หลายล้าน ทั้งยังทำเงินให้คนสร้างเว็บรายนี้ 1,650 ล้านดอลลาร์เมื่อครั้งที่ขายให้กูเกิล
ทั้งนี้ YouTube นับเป็นแนวโน้มใหม่ของอินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ผู้ใช้ YouTube ได้เข้าไปโพสต์คลิปวิดีโอมากมายหลากหลายตามแต่จะนึกได้ ตั้งแต่โฮมวิดีโอไปจนถึงวิดีโอพิสดาร และแม้กระทั่งข่าวสาร
"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชุมชนและการร่วมมือกันในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" เลฟ กรอสส์แมน บรรณาธิการของไทม์ ระบุ
นอกจาก YouTube แล้ว ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังสร้างชุมชนออนไลน์ที่หลากหลายอย่าง Facebook ,Flickr และ Wikipedia ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน เพราะผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถอัพโหลดข้อมูลออนไลน์ ใส่คลิปวิดีโอ รูปภาพ และลิงก์ต่างๆ รวมถึงสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นได้เอง แทนที่จะต้องพึ่งพามืออาชีพด้านสื่อดังเช่นเว็บไซต์แบบเก่า
ไทม์ระบุว่าทุกคนที่ใช้อินเทอร์เน็ต ได้มีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นเหมือนการทดลองครั้งใหญ่ทางสังคม ดังนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจึงเป็นบุคคลแห่งปี เพราะได้เข้ามากุมบังเหียนสื่อของโลก ทั้งยังร่วมกันก่อตั้งและกำหนดทิศทางประชาธิปไตยใหม่ในยุคดิจิตอล
ไทม์ได้เริ่มการจัดอันดับบุคคลแห่งปีเป็นครั้งแรกในปี 1927 โดยระบุว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติยศชื่อเสียงโด่งดัง หากแต่ไทม์มีวัตถุประสงค์ที่จะเลือกเฟ้นหาบุคคลในข่าว ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือร้าย แล้วชี้ให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีความสำคัญต่อช่วงเวลาในแต่ละปีอย่างไร
นายริชาร์ด สเตนเกล บรรณาธิการบริหารนิตยสารไทม์ กล่าวว่า การจัดให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นบุคคลแห่งปี ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการนิตยสาร และเป็นการมองไปข้างหน้า พร้อมอธิบายว่า บุคคลแห่งปี ไม่จำเป็นต้องเป็นการยกย่องหรือให้เกียรติบุคคลต่างๆ เสมอไป แต่บุคคลแห่งปีควรเป็นผู้ที่ส่งผลกระทบต่อข่าวสารและชีวิตของเรา ไม่ว่าจะแง่ดีหรือร้าย และประมวลได้ว่ามีความสำคัญสำหรับปีนั้นๆ
" การเสนอชื่อสาธารณชนโดยรวมให้ได้รับรางวัลครั้งนี้ แทนที่จะระบุเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงถึงการที่อินเทอร์เน็ตมีบทบาทมากขึ้นในโลกปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในโลกข่าวสารผ่านการเขียนข้อความในบล็อก วิดีโอ และเครือข่ายสังคมต่างๆ" นายสเตนเกล กล่าว
สำหรับบุคคลที่เป็นคนเดี่ยวๆ นั้น ไทม์มองว่าประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์เมดิเนจัดแห่งอิหร่าน อยู่ในอันดับต้นๆ คู่กับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ทั้งยังมีคิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ, พระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 16, 3คู่หู ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐ รองประธานาธิบดีดิก เชนีย์ และนายโดนัลด์ รัมส์เฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหม
ขณะที่ปีก่อนๆ นั้น ไทม์ได้จัดบุคคลแห่งปีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์, โจเซฟ สตาลิน และคอมพิวเตอร์ ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว โบโน นักร้องนำวงยูทู ซึ่งรณรงค์ต่อต้านความยากจน ได้รับการจัดให้เป็นบุคคลแห่งปี คู่กับบิลล์ และเมลินดา เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และมูลนิธิช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก
ที่มา : http://newmediateam.blogspot.com/2006/12/blog-post_18.html
อ่ะนะ อยู่ดีๆ ก็ได้รับการยกย่องให้พวกเราเป็นบุคคลแห่งปี (ที่แล้ว) เก๋ กรู๊ด มิใช่น้อยกับเหตุผลที่ไทม์ระบุไว้
-
ปฏิวัติรหัสผ่านด้วยลายมือ
การจดจำรหัสผ่านหรือพาสเวิร์ดอาจทำให้คุณสับสนได้ เพราะคนเรามักมีสิ่งที่น่าจดจำได้ขึ้นใจอยู่ไม่กี่อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์คนสำคัญ วันเกิด หรือแม้แต่เลขที่บัญชีธนาคารที่ใช้บ่อย
ในปัจจุบันคุณอาจได้รับอีเมล์จำนวนมากในแต่ละวัน ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว และมีเว็บไซต์จำนวนหนึ่งที่คุณมักเข้าไปใช้งานประจำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะให้ใส่รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน และคุณก็มักจะจำรหัสทั้งสองผิดบ้างถูกบ้าง เพราะต้องจดจำไว้เอง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วยระบบ Dynahand ที่ช่วยให้การเข้าไปยังเว็บไซต์เป็นไปได้ง่ายขึ้น
Dynahand อาศัยแนวคิดใหม่โดยช่วยให้ผู้ใช้แยกความแตกต่างของลายมือของตนในการป้อนรหัสผ่านที่เข้ารหัสไว้ มึผู้คนจำนวนมากไม่รู้ว่าจะตั้งรหัสผ่านที่อยากแก่การปลอมแปลงได้อย่างไร ด้วยระบบดังกล่าว จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยในขณะล็อกอินเข้าเว็บไซต์ ผู้ใช้จะเป็นคนเลือกลายมือของตนเองจากจำนวนลายมือที่เก็บไว้ทั้งหมด ลายมือตัวอย่างแต่ละอันจะประกอบด้วยตัวเลขที่ช่วยลดโอกาสที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจะสามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ในขณะที่ตัวเลขที่ปรากฏก็จะเป็นตัวเลขสุ่ม ระบบนี้ใช้อัลกอริทึมในจำแนกคุณสมบัติเฉพาะตัวของลายมือ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าระบบจะไม่ยอมให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่เจ้าของเข้าไปใช้งานได้
นับเป็นวิธีการที่ช่วยลดความสับสนในการจดจำรหัสผ่าน ด้วยการใช้ลายมือแทนรหัสผ่าน คงต้องดูว่าจะเป็นที่ยอมรับในตลาดขนาดไหน ที่มา: http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=6831
-
บัตรเครดิตแห่งอนาคต Jacob Palmborg นักออกแบบผลิตภัณฑ์ได้คิดค้นบัตรเครดิตแห่งอนาคต โดยใช้การ์ด RFID ที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารทุกๆ บัญชีที่คุณมี หน้าจออินเทอร์เฟซจะแจ้งให้ทราบถึงสถานะทางการเงินของคุณและช่วยคาดการว่าการซื้อสินค้าใดๆ ของคุณจะมีผลต่อสถานะทางเศรษฐกิจในอนาคตของคุณอย่างไร จะมีการทำงานแบบไร้สาย โดยไม่มีการเก็บข้อมูลในบัตร พร้อมระบบความปลอดภัยด้วยไบโอเมตริก ดังนั้นมีเฉพาะคุณเท่านั้นที่ใช้บัตรนี้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นใบอนุญาตขับขี่ บัตรประจำตัวนักเรียน พาสปอร์ตและอื่นๆ ที่มา : http://www.rssthai.com/reader.php?t=it&r=8840
-
ซัมซุง i70 กล้องเทคโนโลยีHSDPAตัวแรกของโลก
ซัมซุงเปิดตัวกล้องดิจิตอลพรีเมี่ยม ที่มีนวัตกรรมดีไซน์แบบสไลด์เปิด-ปิด พร้อมฟังก์ชั่นมัลติมีเดียล่าสุดสำหรับผู้ที่ต้องการความบันเทิงแบบพกพา ซัมซุง i70 ความละเอียด 7.2 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย เช่น พีเอ็มพี และเครื่องเล่นเอ็มพี 3 เพื่อให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการชมภาพวีดิโอบนจอแอลซีดีขนาด 3 นิ้ว ไปพร้อมๆ กับฟังเพลง ผู้ใช้สามารถอ่านข้อความในขณะที่ฟังเพลงไปด้วยได้ และฟังก์ชั่นการชมภาพยนตร์ที่รองรับภาพเคลื่อนไหวในระบบ MPEG-4 (720x480) ที่ 15 ภาพต่อวินาที รวมทั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว และระบบตัดต่อภายในตัวกล้อง ด้วยเทคโนโลยี Face Recognition ซจะจับภาพใบหน้าแล้วปรับโฟกัสและรูรับแสงอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ภาพถ่ายบุคคลที่คมชัดและมีองค์ประกอบภาพสวยงามขึ้น ซัมซุง i70 เป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกของโลกที่รองรับเทคโนโลยี HSDPA (high speed downlink packet access) สามารถดาวน์โหลดข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตผ่านระบบการสื่อสารไร้สายระดับ 3.5G ซึ่งปัจจุบันให้บริการในประเทศเกาหลีโดยเอสเคเทเลคอม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2550 10:12 น.
-
กระจกตาเทียมไฟฟ้า ความหวังในอนาคตของคนชราตาบอด
คณะนักวิจัยในสหรัฐกำลังพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะฝังลงในกระจกตา โดยตั้งความหวังว่าจะช่วยให้คนที่ตาบอดเพราะความเสื่อมจากความชรามีโอกาสมองเห็นได้บ้างในอนาคต ซานฟรานซิสโก 16 ก.พ.- คณะนักวิจัยในสหรัฐกำลังพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะฝังลงในกระจกตา โดยตั้งความหวังว่าจะช่วยให้คนที่ตาบอดเพราะความเสื่อมจากความชรามีโอกาสมองเห็นได้บ้างในอนาคต คณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนียเผยต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่นครซานฟรานซิสโก ว่า อุปกรณ์นี้ยังอยู่ในขั้นทดลองเชิงคลินิกเบื้องต้น เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ที่เชื่อมเข้ากับสมองและระบบประสาทเพื่อช่วยให้ผู้ตาบอดเพราะโรคหรือการบาดเจ็บมองเห็นได้อีกครั้ง ใช้หลักการเดียวกับประสาทหูเทียมที่ฝังไว้บนกระดูกหลังใบหูช่วยให้คนหูหนวกได้ยินและเข้าใจเสียงที่ได้ยิน กระจกตาเทียมไฟฟ้านี้จะทำหน้าที่แทนเซลล์รับภาพที่อยู่ในสมอง ทำหน้าที่รับและประมวลแสงที่เห็น คณะนักวิจัยตั้งความหวังว่า อุปกรณ์นี้จะช่วยด้านการมองเห็นให้แก่ผู้ตาบอดเพราะจุดรับภาพเสื่อมเนื่องจากความชรา ปัจจุบันคนชราในประเทศพัฒนาแล้วตาบอดเพราะจุดรับภาพเสื่อมเนื่องจากความชราราว 25-30 ล้านคน อุปกรณ์ดังกล่าวจะมีกล้องขนาดเล็กติดอยู่บนแว่นตาที่จะส่งภาพไปยังกระจกตาเทียมที่ฝังอยู่บนกระจกตาและมีสายเคเบิลส่งภาพไปยังเรตินาที่อยู่ด้านหลังของลูกตา โดยมีตัวส่งสัญญาณขนาดเท่าวิทยุติดตามตัวติดไว้ที่เข็มขัด ทำหน้าที่ประมวลและให้พลังงานแก่อุปกรณ์ พวกเขาจะนำไปทดลองกับผู้ป่วย 50-70 คนในสหรัฐและติดตามการใช้งานเป็นเวลา 1-2 ปี หากประสบความสำเร็จก็คาดว่าจะวางตลาดในสหรัฐได้ภายใน 2 ปี 2007-02-16 17:11:53 By MCOT
-
ไมโครซอฟท์ทุ่มพันล้านแก้ปัญหาเอ็กซ์บ็อกซ์ ไมโครซอฟท์เอาจริง เตรียมใช้เงินกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐแก้ไขปัญหาเอ็กซ์บ็อกซ์ เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดเกมคอนโซลเอาไว้ให้ได้ บริษัทไมโครซอฟท์คาดหมายว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการซ่อมแซมจุดบกพร่องของเครื่องเล่นวิดีโอเกมเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 ปัญหาข้อบกพร่องของเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 นั้น เกิดขึ้นในขณะที่ไมโครซอฟท์กำลังแข่งขันช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดในตลาดเกมคอนโซล หรือเครื่องเล่นเกมที่ใช้เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์ กับ เครื่องเล่มเกมเพลย์สเตชั่น 3 ของโซนี่ และเครื่องเล่นวิดีโอเกมวี หรือ Wii ของนินเทนโด ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ได้จำหน่ายเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 ไปแล้วกว่า 10 ล้านเครื่อง นับตัวแต่เริ่มเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2548 แต่ทางบริษัทไม่ได้ระบุว่ามีเครื่องที่จะต้องมาแก้ไขข้อบกพร่องเป็นจำนวนเท่าไร ทำให้พบข้อบกพร่องที่ทำให้ตัวเครื่องมีปัญหาซึ่งสังเกตได้จากสัญญาณไฟแดง 3 ดวง ที่เครื่องกะพริบ ทางบริษัทเสนอซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้กับเครื่องที่มีปัญหาและขยายระยะเวลาประกันจาก 1 ปี เป็น 3 ปี และยังคืนเงินค่าซ่อมให้แก่ผู้ที่นำเครื่องไปซ่อมก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวระหว่าง 1,050 – 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5762
-
หายาเม็ดให้กินลืมความทรงจำ ช่วยรักษาแผลใจผู้ เคราะห์ร้าย [6 ก.ค. 50 - 00:55] นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ กับมหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ของแคนาดา กำลังร่วมกันทดลองใช้ยาขนานหนึ่งเพื่อทำให้คนลืมความทรงจำอันเจ็บปวดเสีย โดยไม่ไปกระทบกับความจำส่วนอื่น วารสารวิจัยทางจิตวิทยาเผยว่า ยาจะไปออกฤทธิ์กับช่องทางชีวเคมี ที่ทำให้ระลึกความจำขึ้นมาได้ นักวิจัยเชื่อว่าความจำของคนเรา ตอนแรกจะอยู่ในภาวะของของเหลวขึ้นภายในสมองก่อน แล้วจะปรากฏคงรูปอย่างถาวรในวงจรภายหลัง ครั้นพอถูกรำลึกขึ้น มันก็จะกลับเป็นภาวะของเหลวที่เปลี่ยนแปรรูปได้ง่ายอีก
ทั้งคู่ร่วมกันศึกษาเพื่อหายามาช่วยทำให้คนไข้ที่ได้รับบาดแผลทางใจต่างๆ เช่น หญิงที่เคยถูกข่มขืนและผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ลืมความหลังอันเจ็บปวดลงเสีย
ทางด้านศาสตราจารย์คริส เบรวิน มหาวิทยาลัยคอลเลจ ของลอนดอน กล่าวให้ความเห็นว่า การวิจัยยังอยู่เพียงขั้นต้นๆเท่านั้น ยังมีงานที่จะต้องทำอีกเยอะ จึงจะแสดงให้เห็นว่าอาจจะใช้ประโยชน์ได้ “ยังไม่มีใครรู้ว่าสรรพคุณของยาในระยะยาวจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยที่สุดปฏิกิริยาความกลัวก็จะต้องคงมีอยู่ต่อไป เพื่อคอยช่วยป้องกันอันตรายให้กับมนุษย์ในอนาคต.”
ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 58 ฉบับที่ 18064 วันเสาร์ ที่ 7 กรกฎาคม 2550
-
ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติญี่ปุ่น Tomy โชว์กองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในงานแสดงของเล่นประจำปี Tokyo Toy Show สองดาวเด่นในบูธของโทมี่ได้แก่ หุ่นยนต์ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก และกีตาร์อากาศฝังเซ็นเซอร์อินฟราเรด หุ่นยนต์ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลกนี้มีนามว่า "Heli-Q" สามารถบินต่อเนื่องนาน 5 นาทีต่อการชาร์ตพลังงานในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20 นาที กำหนดการวางตลาดคือ 18 ตุลาคมนี้ ยังไม่มีรายงานราคาจำหน่าย อีกหนึ่งในดาวเด่นมีนามว่า "Airguitar Pro" กีตาร์อากาศตัวนี้เป็นกีตาร์ไฟฟ้าที่มีเพียงส่วนคอเท่านั้น เมื่อเซ็นเซอร์อินฟราเรดตรวจจับได้ว่าผู้เล่นทำท่าดีดลงบนอากาศซึ่งอยู่ในตำแหน่งตัวกีตาร์ เสียงเพลงที่ติดตั้งไว้ในเครื่องจะดังออกมาตามจังหวะการดีด กำหนดการวางตลาดคือ 26 กรกฏาคมนี้ สำหรับงาน Tokyo Toy Show จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง วันที่ 1 กรกฏาคมนี้ ณ.กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
-
ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติญี่ปุ่น Tomy โชว์กองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในงานแสดงของเล่นประจำปี Tokyo Toy Show สองดาวเด่นในบูธของโทมี่ได้แก่ หุ่นยนต์ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก และกีตาร์อากาศฝังเซ็นเซอร์อินฟราเรด
หุ่นยนต์ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลกนี้มีนามว่า "Heli-Q" สามารถบินต่อเนื่องนาน 5 นาทีต่อการชาร์ตพลังงานในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20 นาที กำหนดการวางตลาดคือ 18 ตุลาคมนี้ ยังไม่มีรายงานราคาจำหน่าย
อีกหนึ่งในดาวเด่นมีนามว่า "Airguitar Pro" กีตาร์อากาศตัวนี้เป็นกีตาร์ไฟฟ้าที่มีเพียงส่วนคอเท่านั้น เมื่อเซ็นเซอร์อินฟราเรดตรวจจับได้ว่าผู้เล่นทำท่าดีดลงบนอากาศซึ่งอยู่ในตำแหน่งตัวกีตาร์ เสียงเพลงที่ติดตั้งไว้ในเครื่องจะดังออกมาตามจังหวะการดีด กำหนดการวางตลาดคือ 26 กรกฏาคมนี้
สำหรับงาน Tokyo Toy Show จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง วันที่ 1 กรกฏาคมนี้ ณ.กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
-
กูเกิลซื้อ"Postini"625ล้านดอลล์ ตั้งเป้าเสริมระบบซีเคียวริตี้จีเมล
กูเกิลซื้อบริษัท "Postini" ผู้พัฒนาระบบซีเคียวริตี้บนอีเมลเพิ่มเติม ด้วยมูลค่า 625 ล้านเหรียญสหรัฐ หวังเพิ่มความมั่นใจให้กับธุรกิจที่ใช้บริการอีเมลของกูเกิลในการติดต่อสื่อสารแข่งกับผู้พัฒนาอีเมลรายอื่น ๆ
การควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่กูเกิลเปิดตัวบริการออนไลน์ต้นทุนต่ำของบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยภายในแพ็กเกจประกอบด้วยบริการอีเมล บริการปฏิทิน โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง ฯลฯ ซึ่งบริการตัวนี้ กูเกิลหวังสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากรายได้จากค่าโฆษณาที่เป็นรายได้หลักขององค์กร อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนได้แสดงความวิตกกังวลต่อบริการของกูเกิลว่าเสี่ยงต่อการถูกจู่โจมจากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้ จึงเป็นที่มาที่ทำให้กูเกิลเฟ้นหาบริษัทผู้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยบนอีเมลมาร่วมทีมในที่สุด สำหรับบริษัท Postini ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยแก่บริการอีเมล และโปรแกรม Instant Messaging ปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ 35,000 บริษัท รวมตัวเลขผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคน ลูกค้าคนสำคัญของ Postini ได้แก่ ห้างค้าปลีกชื่อดัง เซอร์กิต ซิตี้ (Circuit City), Dillard's, Sempra Energy and Pulte Homes นอกจากนั้น ในกลุ่มบริษัทขนาดเล็กที่เป็นลูกค้าของ Postini ก็มีการใช้งานแอปพลิเคชันของกูเกิลร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี กูเกิลไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนเกี่ยวกับผู้ใช้บริการแพ็กเกจที่ระบุมาข้างต้นว่ามีจำนวนเท่าใด แต่จากรายได้ที่กูเกิลได้รับ 3.66 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ทำให้บริษัทมีเงินมากพอที่จะซื้อระบบใหม่ ๆ มาสร้างศักยภาพให้กับบริการของบริษัทได้มากขึ้น สำหรับการเจรจาซื้อกิจการของ Postini นั้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยาย
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2550
-
*หุ่นยนต์รุ่นใหม่สามารถทำงานได้กลางสายฝน* บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติญี่ปุ่นโชว์ตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถทำงานได้กลางสายฝน ระบุด้วยว่าอีก 3 ปีข้างหน้าอาจจะสามารถวางจำหน่ายให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ถือเป็นการยกระดับความสามารถในการทำงานของหุ่นยนต์ให้ใกล้เคียงมนุษย์ได้อย่างน่าจับตามอง หุ่นยนต์ทนฝนนี้มีนามว่า HRP-3 Promet Mk-II ผลงานการพัฒนาของบริษัทคาวาดะอินดัสทรีส์ (Kawada Industries) เป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ลำตัวสีขาวความสูง 160 เซนติเมตร (5 ฟุต 10 นิ้ว) น้ำหนัก 68 กิโลกรัมหรือประมาณ 149 ปอนด์ (รวมแบตเตอรี่) ใบหน้าสวมแว่นกันแสงอาทิตย์ บริเวณมือสามารถเกาะยึดและสามารถสร้างสมดุลย์ลำตัวขณะเคลื่อนที่โดยการถ่วงน้ำหนักช่วงแขนเช่นเดียวกับมนุษย์ นอกจากจะสามารถทำงานท่ามกลางสายฝน HRP-3 Promet Mk-II ยังสามารถเคลื่อนที่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยทราย กรวด หรือเจิ่งนองด้วยโคลนลื่น แนวคิดการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้คือ ต้องการพัฒนาหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ที่สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมแท้จริงทุกสภาพอากาศ ที่มา : http://www.doctorsan.com/cgi-bin/news/newsnavigator.pl? http://www.thaisarn.com/th/ts_count_topic.php?tscode=0623070085
-
เปิดไอโฟนยุโรปช้า รอปี'08 พร้อมเอเชีย แอปเปิ้ลให้ความสำคัญกับ 3 ประเทศยักษ์ยุโรป "อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี" ในการรับสิทธิเปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟนเป็นแห่งแรกของสหภาพยุโรป ส่วนประเทศอื่น ๆ นั้นมีแผนจะเปิดตัวพร้อมกับเอเชียในปี 2008 เปลี่ยนแผนเสียแล้วกับการเปิดตัวไอโฟน โทรศัพท์มือถือชื่อดังแห่งยุคที่ทางแอปเปิ้ลเคยระบุว่าจะส่งไอโฟนลงตลาดยุโรปภายในปีนี้ กลับต้องพบกับปัญหาโรคเลื่อนออกไปเป็นปี 2008 และมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของไอโฟนก่อนใคร ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในอังกฤษที่มีการเจรจากับแอปเปิ้ลคือบริษัท O2 และคาดว่า O2 จะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายสำหรับไอโฟนแต่เพียงรายเดียวในอังกฤษ อย่างไรก็ดี ทางบริษัท O2 ยังคงตอบปฏิเสธ เช่นเดียวกับโฆษกของแอปเปิ้ลก็ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด สำหรับผู้ให้บริการในเยอรมนีที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากแอปเปิ้ลนั้นได้แก่ค่าย T-Mobile ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำ พอ ๆ กับค่ายออเรนจ์ที่ได้รับความนิยมในฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี ไอโฟนในยุโรปอาจไม่ได้ใช้เครือข่าย 3G แต่อาจเป็น 2.5G เท่านั้น โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2550 14:04 น
-
หลายชาติเสนอตัวทำเครือข่าย 3G สัปดาห์ที่แล้วกระแส 3G ในทีโอทีมาแรง บริษัทต่างชาติเสนอตัวร่วมลงทุน 5 ราย เร็วสุดยกให้ บ.อัลคาเทล-ลูเซ่น รุดยื่นข้อเสนอแล้ว บอร์ดทีโอทียันจะเร่งให้เสร็จเห็นผล 4 เดือนก่อนเปลี่ยนรัฐบาล ย้ำ 3G เป็นกระแสโลก แต่ 2G ยังเป็นเทคโนโลยีหลักที่ไทยใช้เพื่อการสื่อสาร นายชิต เหล่าวัฒนา โฆษกคณะกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และคณะกรรมการนโยบายโครงข่าย 3G เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมต่างชาติสนใจร่วมสร้างโครงข่าย 3G ให้กับไทยโมบายถึง 5 ราย ได้แก่ บ.อัลคาเทล-ลูเซ่น เซี่ยงไฮ้ ที่มีรัฐบาลจีนถือหุ้น 50%, บริษัท มารูเบนี ของญี่ปุ่น, บ.โวดาโฟน ของอังกฤษ, กองทุนของรัสเซีย และรัฐบาลจีน
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บ.อัลคาเทล-ลูเซ่น ได้เข้ามาเสนอแผนงานและเทคโนโลยีกับคณะกรรมการนโยบายโครงข่าย 3G แล้ว ส่วนบริษัทอื่น ๆ จะทยอยเข้าพบและยื่นข้อเสนอสัปดาห์นี้ ด้านรัฐบาลจีนให้สถานทูตจีนยื่นเอกสารเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และจะเข้าพบอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้ โดยระบุว่าจะลงทุนให้ก่อนโดยให้ทีโอทีผ่อนชำระนานถึง 10-15 ปี สำหรับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงข่าย 3G ได้พิจารณาแผนการลงทุนสร้างโครงข่าย 3G เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนของบริษัท ไทยโมบาย (บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1900 เมกะเฮิรตซ์) ไว้ว่า เบื้องต้นจะใช้งบประมาณ 17,381 ล้านบาท ลงทุนด้านโครงข่าย แบ่งเป็นอัพเกรดสถานีฐานของไทยโมบายที่มีอยู่ 533 สถานีฐานทั่วประเทศให้เป็นโครงข่าย 3G ใช้เงินลงทุน 1,400 ล้านบาท และลงทุนทำโครงข่าย 3G ในกรุงเทพฯ และ 6 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต รวม 15,000 ล้านบาท ส่วนด้านบริการให้เอกชนนำโครงข่าย 3G ไปให้บริการ หากทีโอทีจะแข่งขันก็จะต่อยอดจากไทยโมบาย ที่ปัจจุบันมีลูกค้า 68,000 ราย นายชิต กล่าวว่า การพิจารณาดำเนินงานเรื่อง 3G จะเร่งทำให้เสร็จภายใน 4 เดือน ทันรัฐบาลชุดนี้ หากไม่ทันคงต้องวางกรอบนโยบายเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่อโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยี 3G จะเป็น เทรนด์ของเทคโนโลยีทั่วโลกที่ต้องมีเพื่อใช้งาน แต่สำหรับประเทศไทย มีกลุ่มผู้ใช้ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นเทคโนโลยี 2G มากกว่า 20 ล้านคน ดังนั้นเทคโนโลยี 2G จึงยังเป็นรายได้หลักของผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไทย เพราะคนไทยกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการสนทนาเป็นหลัก ทั้งนี้ บริการไร้สายยุคที่ 3 หรือ (Third Generation : 3G) เป็นเทคโนโลยีไร้สายที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากกว่าเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่า 2G โดยมีศักยภาพในการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ดูทีวีผ่านมือถือได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด, รับ-ส่งข้อมูลวิดีโอ และข้อมูลมัลติมีเดียอื่น ๆ ที่มีทั้งภาพเสียงและข้อความได้อย่างรวดเร็ว.
-
ทีโอทีปรับตัวหา SME ดึง“เลอโนโว-อินเทล”เสริมมูลค่า
ทีโอที เริ่มขยับตัว โต้กระแสไร้แผนแข่งขันตลาด ออกแพ็คเกจ “คู่หู คู่ประหยัด”ให้กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ได้เลอโนโวและอินเทล สนับสนุน ขายโน้ตบุ๊คให้ราคาถูก หากเลือกใช้บรอดแบนด์ ทีโอที พร้อมค่าโทร.แบบประหยัด ตั้งเป้าลูกค้าเลือกใช้บริการไม่น้อยกว่าพันราย รับรายได้ 60 ล้านบาท นายสายัณห์ ถิ่นสำราญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ลูกค้า SMEs ที่ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานของ ทีโอที ในขณะนี้มีอยู่ 3 แสนราย หรือ 7 แสนเลขหมาย ซึ่งในปัจจุบันนี้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีอัตราการใช้งานอินเตอร์ เน็ตความเร็วสูงถึง 38 % และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้น เพื่อเป็นส่งเสริมและกระตุ้นตลาด ทีโอทีได้ร่วมมือกับ บริษัท เลอโนโว จำกัด ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จากประเทศจีน และ อินเทล ผู้ผลิตโปรเซสเซอร์ ในการจัดแพกเกจ “คู่หู คู่ประหยัด”มอบให้กับลูกค้า SMEs (ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ซึ่งจะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้ลดต้นทุนจากการได้รับส่วนลดค่าบริการ โทรศัพท์พื้นฐานเมื่อเปิดใช้บริการดังกล่าว โดยส่วนลดค่าใช้บริการจะมากขึ้นตาม ความเร็วในการใช้งานที่ลูกค้าขอใช้บริการซึ่งมีความเร็วสูงสุด 4 เมกะบิต พร้อม เครื่องคอมพิวเตอร์เลอโนโวราคา 20,000 บาท “ทีโอทีไม่ได้หยุดแผนการทำตลาด เพียงแต่เราต้องการหาความแตกต่างและการให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าแต่ละกลุ่มแตกต่างกันออกไป” สำหรับค่าบริการรายเดือนแบ่งตามความเร็วในการใช้งานดังนี้ อัตราค่าบริการที่ ความเร็ว 1 เมกะบิต/512กิโลบิต ค่าบริการรายเดือน 2,700 บาท พร้อมส่วนลดการใช้ โทรศัพท์พื้นฐานภายในประเทศ 1,000 บาท ภายใน 3 รอบบิล ,ความเร็ว 2 เมกะ บิต 512/กิโลบิต ค่าบริการรายเดือน 4,500 บาท พร้อมส่วนลดโทรศัพท์พื้นฐานภายใน ประเทศ 2,000 บาท ภายใน 3 รอบบิล,ความเร็ว 3 เมกะบิต 512/กิโลบิต ค่าบริการราย เดือน 6,200 บาท พร้อมส่วนลดโทรศัพท์พื้นฐาน 3,000 บาท ภายใน 3 รอบบิล และ สำหรับความเร็วสูงสุดที่ 4 เมกะบิต 512/กิโลบิต ค่าบริการรายเดือน 7,800 บาท พร้อมส่วนลดโทรศัพท์พื้นฐาน 4,000 บาท ภายใน 3 รอบบิล โดยส่วนลดการใช้โทรศัพท์ พื้นฐานภายในประเทศจะแบ่งวงเงินการใช้ออกเป็น 3 รอบบิลเท่าๆกันแต่หากค่าใช้ใน รอบบิลใดเหลือก็จะยกไปรวมในยอดของเดือนถัดไป ทั้งนี้ ทีโอทีตั้งเป้าผู้ใช้บริการประมาณ 1 พันถึง1.5พันราย มีรายได้ 60 ล้านบาทจากลูกค้า SMEs และขณะเดียวกัน ทีโอที จะเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้มูลค่า สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มลูกค้า SMEs อย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันนี้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีอัตราการใช้งานอินเตอร์ เน็ตความเร็วสูงถึง 38 % และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านนายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ SMEs ในประเทศไทยเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเร็วและน่าจับตามอง จากการติดตามความเคลื่อนไหวธุรกิจกลุ่ม ดังกล่าวจากหลายประเทศ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมมือครั้งนี้กับทีโอที ที่มีโครงข่ายบรอดแบรนด์ครอบคลุมทั่วประเทศ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2550 09:14 น.
-
-
EMCพร้อมทำตลาด"สตอเรจ1.8เพทาไบต์"ในไทย
อีเอ็มซีประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ EMC Disk Library 6000 Series โซลูชั่นสำรองและกู้คืนข้อมูลบนดิสก์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถรองรับพื้นที่ความจุแบบบีบอัดได้ถึง 1.8 เพทาไบต์ในระบบเดียว และสามารถแบ็คอัพข้อมูลได้มากกว่า 11 เทราไบต์ต่อชั่วโมง EMC Disk Library 6000 Series นั้นใช้แพลตฟอร์ม EMC Symmetrix® DMX-3 สามารถแบ็คอัพข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ได้สบายๆ โดยความจุที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบและผนวกรวม VTL (virtual tape library) ขนาดเล็กหลายๆ เครื่องไว้บนระบบ EMC DL6000 เดียว ซึ่งจะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง ผลการศึกษาของอีเอ็มซีระบุว่า ระบบรุ่นใหม่นี้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายในการระบายความร้อนได้ถึง 30% ในแต่ละปี เมื่อเทียบกับระบบ VTL ขนาดเล็ก "EMC Disk Library กลายเป็น 'VTL ที่ดีที่สุด' ในอุตสาหกรรม ในแง่ของคุณสมบัติ ประสิทธิภาพ และการประหยัดค่าใช้จ่าย ผลิตภัณฑ์รุ่น EMC DL6000 Series ขยายคุณประโยชน์ดังกล่าวสำหรับลูกค้าระดับไฮเอนด์ โดยใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาด และความคุ้มค่าของระบบสตอเรจ Symmetrix DMX-3 ซึ่งเป็นผู้นำตลาด EMC DL6000 Series ใช้ดิสก์ไดรฟ์ไฟเบอร์แชนเนลรุ่นความจุสูง ราคาประหยัด จึงนับเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และยืดหยุ่นกว่า เมื่อเทียบกับการจัดซื้อ VTL ขนาดเล็กหลายๆ เครื่อง หรือระบบเทปขนาดใหญ่ซึ่งทำงานได้ช้ากว่า" นาย ธาดา เศวตศิลา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยบริษัทอีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น กล่าว ไฮดี้ บิกการ์ นักวิเคราะห์สตอเรจของ Enterprise Strategy Group กล่าวว่า DL6000 series ซึ่งมีพื้นที่ความจุสูง จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผนวกรวมการจัดการ VTL หลายๆ เครื่องไว้บนระบบเดียวกัน และได้รับประโยชน์จากการบริหารจัดการที่เรียบง่ายในลักษณะรวมศูนย์ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายสำหรับพลังงานและการระบายความร้อนด้วย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2550 17:17 น.
-
จีนยิงจรวดปล่อยดาวเทียมสื่อสาร
จีนยิงจรวดปล่อยดาวเทียมสื่อสารขึ้นสู่วงโคจร เพื่อเพิ่มช่องสัญญาณโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีนได้ยิงจรวดที่จีนผลิตเองเพื่อปล่อยดาวเทียมสื่อสารขึ้นสู่วงโคจร เมื่อช่วงค่ำวานนี้ โดยเป็นการยิงจรวดปล่อยดาวเทียมแบบลองมาร์ช ที่ผลิตในจีนเป็นครั้งที่ 101 แล้ว จรวด ดังกล่าวมีการยิงครั้งแรก เมื่อปี 2513 ส่วนดาวเทียม “ไชน่าแซท 6 บี “ เป็นดาวเทียมสื่อสารที่ผลิตโดยบริษัทอัลคาเทล อาเลเนีย สเปซ ของฝรั่งเศส มีอายุการใช้งาน 15 ปี หลายปีที่ผ่านมา จีนพยายามพัฒนาโครงการด้านอวกาศมาโดยตลอด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับ คำกล่าวอ้างที่ว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งเมื่อปี 2546 จีนได้ส่งยานอวกาศพร้อมนักบินขึ้นสู่ห้วงอวกาศได้เป็นผลสำเร็จ เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ต่อจากรัสเซีย และสหรัฐ ต่อเมื่อปี 2548 จีนก็ส่งนักบินอวกาศ 2 คน ขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้ง พร้อมทั้งประกาศด้วยว่า ต้องการจะส่งนักบินขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ และสร้างสถานีอวกาศในอีก 10 ปี หรือ 15 ปีข้างหน้านี้
2007-07-06 17:27:28 By MCOT
-
-
มหัศจรรย์ใช้เมาส์ทะลุข้ามเครื่อง
..คงดีไม่น้อย หากเราสามารถใช้เมาส์ และคีย์บอร์ดของเรา ข้ามไปควบคุมการทำงานบนคอมพิวเตอร์ที่อยู่ข้างๆ ได้ ลองหลับตานึกภาพนะครับ สมมติว่า ในขณะที่คุณกำลังจัดทำไฟล์เอกสารบนเดสก์ทอป คุณสามารถลากพอยน์เตอร์ของเมาส์ข้ามไปบนหน้าจอโน้ตบุ๊กที่อยู่ข้างๆ เพื่อคลิ้ก และพิมพ์แอดเดรสค้นหาข้อมูลที่ต้องการใช้อ้างอิงบนอินเทอร์เน็ตได้ทันที และขณะรอโหลดข้อมูล คุณยังสามารถลากพอยน์เตอร์เมาส์กลับมาทำงานบนเดสก์ทอปได้เหมือนเดิม
ข่าวดีคือ สามารถทำเรื่องที่เล่ามาได้ โดยใช้ฟรีแวร์ Synergy ซึ่งสามารถแชร์เมาส์ และคีย์บอร์ดกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่เชื่อมต่อการทำงานในบ้าน หรือสำนักงานก็ได้ หลังจากที่คุณติดตั้งโปรแกรมเข้าไปบนคอมพิวเตอร์ที่ต้องการแชร์ทั้งสองเครื่อง (หรือมากกว่านี้ก็ได้) เมื่อคุณลากเมาส์ออกไปนอกหน้าจอหลักที่ใช้อยู่ขณะนั้น พอยน์เตอร์เมาส์ของคุณก็จะไปปรากฎบนคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง โดยคุณสามารถควบคุมการทำงานบนคอมพ์เครื่องดังกล่าวได้ด้วยเมาส์ และคีย์บอร์ดที่อยู่ตรงหน้า
กล่าวโดยสรุป Synergy เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์เมาส์ และคีย์บอร์ดตัวเดียวกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่าย TCP/IP ได้นั่นเอง หากคุณผู้อ่านท่านใดสนใจ หรือมีความจำเป็นต้องใช้เนื่องจากลักษณะงาน สามารถดาวน์โหลด Synergy ได้ที่ http://www.snapfiles.com/get/synergy.html
ที่มา : ขอขอบคุณ www.arip.co.th อัพเดต 6 กรกฎาคม 2550
-
ทีมนักวิจัยอเมริกันคลอดโปรแกรมไขรหัสเสียงทารก ทีมนักวิจัยอเมริกันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ถอดรหัสวิวัฒนาการการเรียนรู้ภาษาของทารกได้สำเร็จ โดยโปรแกรมดังกล่าวยืนยันทฤษฎีที่ว่า ทารกสามารถเรียนรู้เสียงทุกภาษาทั่วโลกได้ตั้งแต่เกิด จุดประสงค์คือเพื่อนำไปใช้ในการค้นคว้าวิจัยวิวัฒนาการเรียนรู้วิธีการสื่อสารของมนุษย์ เพื่อนำไปใช้ในการค้นคว้าวิจัยวิวัฒนาการเรียนรู้วิธีการสื่อสารของมนุษย์ โดยโปรแกรมดังกล่าวจะสามารถถอดรหัสวิวัฒนาการของเสียงอ้อแอ้ รวมถึงจำลองกระบวนการประมวลผลในสมองทารกขณะฟังภาษาพูดได้ โดย ผู้จัดการออนไลน์26 กรกฎาคม 2550 10:23 น.
-
ฮิตาชิเปิดตัวฮาร์ดิสก์รุ่นจิ๋วเพียง1นิ้วกับ1.8นิ้ว อิตาชิได้ส่งผลิตภัณฑ์ฮาร์ดไดรฟ์ขนาดเล็ก 1 นิ้วที่เล็กที่สุด และขนาด 1.8 นิ้วที่เพียวบางประมาณ 5 มิลลิเมตรเข้าสู่ตลาด หลังจากได้ประกาศเปิดตัวไปก่อนหน้านี่้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ Mikey และ Slim โดยฮิตาชิตั้งเป้าว่าอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ทั้งสองรุ่นนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อสินค้า ที่ต้องการประสิทธิภาพความจุในระดับสูง อาทิ สมาร์ทโฟน เครื่องเล่นเพลงหรือวีดีโอ ตลอดจนเครื่องเล่นขนาดพกพาแบบต่างๆ
โดยผลิตภัณฑ์ฮาร์ดไดรฟ์ Mikey มีความจุ 8 กิกะไบต์ มากกว่าที่มีอยู่ตามท้องตลาดในปัจจุบันที่มีความจุเพียง 4 กิกะไบต์ โดยในอนาคตอาจมีการพัฒนาให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 10 กิกะไบต์ หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของท้องตลาด ส่วนรุ่น Slim จะมีความจุประมาณ 20-30 กิกะไบต์ และต้นปีหน้าจะออกรุ่นที่มีความจุ 60 กิกะไบต์ตามมา ปัจจุบันบริษัท เจวีซี ได้ประกาศใช้ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิลก์ไดรฟ์ของฮิตาชิ ร่วมกับกล้องรุ่นใหม่ในตระกูล Everio.
ที่มา : สำนักข่าวไทย
-
ฮัทช์เปิดตัวบริการ EV-DO ปรากฏการณ์เน็ตสายฟ้า สูงสุดถึง 2.4 Mbps เร็วที่สุดในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง
นายธีรพันธ์ ศิริสุนทรไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย (ฮัทช์) กล่าวว่า ฮัทช์ได้นำวิวัฒนาการล่าสุดของเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย CDMA2000 1x EV-DO (Evolution Data Optimized) ด้วยการ์ดอีวิดีโอ Sierra 580 ตอบสนองทุกความต้องการด้านการสื่อสารบรอดแบนด์ไร้สายของทั้งองค์กรธุรกิจและผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไร้สาย ให้สัมผัสปรากฎการณ์ความเร็วเน็ตสายฟ้า
การเปิดตัวบริการ CDMA2000 1xEV-DO เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ไร้สายความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ Hutch MBI ที่ให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ความเร็วเทียบเท่าเทคโนโลยี ADSL ผ่านการ์ดอีวิดีโอ Sierra 580 ที่ให้ความเร็วเฉลี่ยที่ 400-700 Kbps หรือสูงสุดถึง 2.4 Mbps ภายในเครือข่าย EVDO และเมื่ออยู่นอกเขต EV-DO ผู้ใช้บริการยังสามารถต่อเชื่อมกับ อินเทอร์เน็ตไร้สายภายใต้เครือข่าย CDMA 1X RTT ในเขต 25 จังหวัดได้ตามปรกติ ในอัตราค่าบริการเดิม ฮัทช์นำเสนอการ์ด Sierra 580 CDMA X/1xEV-DO ในราคา 12,900 บาท ด้วยอัตราค่าบริการรายเดือน 999 บาท และสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายได้แบบไม่อั้น โดยในเฟสแรกของการเปิดให้บริการเชิงพานิชย์ ผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพมหานครจะได้สัมผัสประสบการณ์ความเร็วนี้ก่อน และฮัทช์จะเริ่มเปิดบริการในเขตหัวหินเร็วๆ นี้
ที่มา :: ผู้จัดการออนไลน์ อัพเดต 10 กรกฎาคม 2550
-
โทรศัพท์เซลเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ล่าสุด สามารถใช้งานได้นานกว่าโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนทั่วไป โทรศัพท์มือถือเซลเชื้อเพลิงของโตชิบาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ฉีดเชื้อเพลิงเมธานอลเข้าไปโดยตรงหรือ Direct methanol fuel cell (DMFC) ตามข้อมูลจากโตชิบาระบุว่า แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆได้ด้วย ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในขณะนี้ราว 2 เท่าตัว โดย ผู้จัดการออนไลน์21 กรกฎาคม 2550 15:24 น.
-
โทรศัพท์เซลเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ล่าสุด สามารถใช้งานได้นานกว่าโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนทั่วไป โทรศัพท์มือถือเซลเชื้อเพลิงของโตชิบาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ฉีดเชื้อเพลิงเมธานอลเข้าไปโดยตรงหรือ Direct methanol fuel cell (DMFC) ตามข้อมูลจากโตชิบาระบุว่า แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆได้ด้วย ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในขณะนี้ราว 2 เท่าตัว โดย ผู้จัดการออนไลน์21 กรกฎาคม 2550 15:24 น.
-
นาซาปล่อยกระสวยอวกาศเดือนหน้า
นาซ่าออกโรงยืนยันแล้วว่า ต้นเดือนหน้าจะทำการปล่อยกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ขึ้นสู่ห้วงอวกาศอย่างแน่นอน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) กำหนดจะปล่อยกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ขึ้นสู่ห้วงอวกาศในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นปฏิบัติการในอวกาศครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปีของยานเอนเดฟเวอร์ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างคำประกาศของนาซาวานนี้ หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญนาซาเสร็จสิ้นการตรวจสอบความพร้อมของยานขนส่งอวกาศเอนเดฟเวอร์ โดยระบุว่า ปฏิบัติการของเอนเดฟเวอร์ครั้งนี้มีชื่อว่า “เอสทีเอส-118” ใช้เวลารวม 11 วัน ในการทำหน้าที่นำชิ้นส่วนที่เรียกว่า “สเปซแฮบ” ของสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ขึ้นสู่อวกาศ นาซาตั้งเป้าหมายที่จะก่อสร้างไอเอสเอสให้แล้วเสร็จก่อนปลดระวางกระสวยอวกาศต่าง ๆ ในปี 2553 รายงานระบุว่า โครงการปล่อยกระสวยอวกาศ เอนเดฟเวอร์ของนาซาในเดือนหน้าจะเป็นโครงการ ที่ 2 ของนาซาสำหรับปีนี้
2007-07-27 16:56:44 By MCOT
-
NASA ทดสอบหุ่นยนต์สำรวจดวงจันทร์
NASA กำลังทดสอบหุ่นยนต์ 2 ตัวที่ออกแบบมาสำหรับการสำรวจดวงจันทร์ในอนาคต โดยหุ่นทั้ง 2 ตัวจะติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม พร้อมกับติดตั้ง GPS, กล้องสเตอริโอ เครื่องเลเซอร์สแกน และเครื่องติดตามดวงอาทิตย์
หุ่นทั้งสอง คือ K10 Black และ K 10 Red สามารถปล่อยแสงเลเซอร์เพื่อสำรวจสภาพพื้นที่กว้างถึง 3,000 ตารางฟุตได้ และสามารถปล่อยเลเซอร์ลงดินเพื่อสำรวจพื้นที่ใต้ดินได้ลึกถึง 16.4 ฟุต
หุ่นยนต์ทั้ง 2 ตัวใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ประเภทเดียวกับ โน้ตบุ๊ค และมีความสามารถในการสำรวจครอบคลุมพื้นที่กว่า 120 เอเคอร์ และสามารถปฏิบัติงานได้ถึง 5 ชั่วโมงต่อครั้ง ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่านักบินอวกาศที่เป็นมนุษย์อย่างเราๆ มากมาย สิ่งที่ NASA กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็คือการเตรียมส่งหุ่นทั้ง 2 ตัวไปยังดวงจันทร์ โดยคาดว่าจะทำได้ในปี 2563.
ที่มา : www.engadget.com
-
เตรียมตัวเตรียมใจ ปี 2552 ทีวีจะจอมืด! ข่าวนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ “ทีไอทีวี” หรือสถานีโทรทัศน์เสรีที่ใครๆ กำลังฝันไว้ อยากได้ใคร่มี เพื่อประชาชนบ้าง เพื่อตนเองบ้าง แต่เป็นข่าวที่นักกฎหมายในอเมริกา ที่วอชิงตัน ดี.ซี. กำลังพิจารณาว่า “จะไม่เลื่อนกำหนดการเปลี่ยนการแพร่ภาพทีวีแบบอนาล็อก ไปเป็นทีวีแบบดิจิทัล” โดยมีกำหนดการที่จะสับสวิตช์เปลี่ยนไปเป็นระบบทีวีดิจิทัลวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 นี้ (เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ปี !!) ผลของการเปลี่ยนระบบแพร่ภาพแบบ "อนาล็อก" ไปเป็นแบบ "ดิจิทัล" นั้น ทำให้เครื่องทีวีตามบ้านเรือนต่างๆ ราว 70 ล้านเครื่องของอเมริกา เป็น “จอมืด” เพราะไม่สามารถรับสัญญาณภาพแบบดิจิทัลได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับผู้คนจำนวนมาก แต่รัฐบาลอเมริกามีการบอกเตือน และวางแผนเป็นอย่างดีมานานแล้ว ทำให้กระบวนการเปลี่ยนถ่าย เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดเดาได้ และน่าจะลงเอยด้วยดี ต่างกับรัฐบาลบ้านเรา คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน คิดจะปิดก็ปิด จากนั้นค่อยมาเปิด จึงดูเหมือนว่าทำงานกันไม่เป็นระบบ และไม่เป็นมืออาชีพเท่าที่ควร อนึ่ง สิ่งประดิษฐ์ที่ชื่อว่า “ทีวี” เพิ่งเกิดขึ้นมาในโลกนี้ไม่นานมานี้เองครับ โดยเริ่มต้นในทศวรรษที่ 1940 หรือราว 60 ปีเศษที่แล้ว จากนั้นก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีมาโดยตลอดจนเป็นระบบอนาล็อกที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ ระยะหลังๆ ระบบทีวี จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบ “การเก็บบันทึกภาพ” ให้เก่งขึ้น มากกว่าการพัฒนาด้านการรับสัญญาณภาพที่ละเอียดคมชัด ดังนั้น วิวัฒนาการระบบทีวี จึงปรากฏในรูปแบบของสื่อบันทึก เช่น เทปวิดีโอ วีซีดี และดีวีดีตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทีวีจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนับจากปี 2552 นี้ โดยเฉพาะเมื่อระบบทีวีกลายเป็นดิจิทัล โดยหลายคนมองว่า นี่อาจจะเป็นการก้าวกระโดดทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญอีกครั้ง หลังยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อินเทอร์เน็ต และมือถือ หลายคนมองว่า ดิจิทัลทีวี จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ในโลกแห่ง “สื่อสารมวลชน” เราจะเห็นการคอนเวอร์เจนซ์ หลอมรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต วิทยุ โทรศัพท์ โทรทัศน์ ให้กลายเป็นช่องทางการสื่อสารชนิดเดียวกัน เป็นระบบอินเตอร์แอคทีฟ โมบาย และเรียลไทม์ ไม่ใช่แพร่ภาพและเสียงแบบ one-way communication เหมือนเดิม ทักษะของนักข่าวยุคหน้า คงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องอัดเทปเป็น ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็นเท่านั้น หากแต่ต้องมีทักษะการถ่ายทำทีวี และสร้างสื่ออินเตอร์แอคทีฟต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และเครื่องถ่ายวิดีโอในยุคหน้า อาจมีขนาดเล็ก มีหน้าตาเหมือนโทรศัพท์มือถือปัจจุบัน แต่มีความคมชัด และสมจริงเท่ากับกล้องถ่ายวิดีโอมืออาชีพปัจจุบันก็เป็นได้ อนึ่ง ทีวี เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ในทุกๆ ประเทศ กล่าวกันว่า ประเทศที่เจริญแล้ว ประชากรกว่า 96% จะมีทีวีประจำที่บ้าน ซึ่งมากกว่าจำนวนวิทยุ มือถือ และคอมพิวเตอร์เสียอีก ดังนั้น เราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลประเทศต่างๆ ที่ระบบการเมืองไม่ค่อยมั่นคง จึงต้องมีกรรมวิธีควบคุมและกำกับการใช้สื่อทีวี เพื่อทำให้รัฐสามารถบริหารคนในประเทศได้โดยง่ายและราบรื่น ดิจิทัลทีวีที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น จะใช้ฟอร์แมตเดียวเพื่อการแพร่ภาพ โดยเป็นแบบเอชดีทีวี (HDTV : High Definition Television) แทนที่จะเป็นฟอร์แมตอนาล็อกที่หลากหลายแบบปัจจุบัน ได้แก่ PAL (บ้านเราใช้), NTSC (อเมริกาใช้) และ SECAM (ฝรั่งเศสและบางประเทศในยุโรปใช้) โดยเป้าหมายของเอชดีทีวี คือ เพื่อให้คุณภาพการแสดงผลของทีวี มีคุณภาพเท่าเทียบกับฟิล์มภาพยนตร์ต่างๆ ดังนั้น จึงมีจำนวนเส้นสแกนเพื่อสร้างภาพที่จำนวน 1080 เส้น ละเอียดกว่าจอทีวีปัจจุบันที่มีเพียง 50 เส้น นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียงดอลบี้สเตอริโอรอบทิศ (AC-3) และมีขนาดการแสดงผลในลักษณะ 16:9 (ยาว 16 กว้าง 9 ส่วน) ไม่ใช่ขนาด 4:3 เหมือนจอทีวีอนาล็อกปัจจุบัน ข้อดีที่สุดของดิจิทัลทีวี ไม่ใช่เรื่องของคุณภาพของเสียง และภาพระดับโรงภาพยนตร์เท่านั้น หากแต่เพราะการประหยัดแบนด์วิธสัญญาณกระจายภาพและเสียง ทำให้คลื่นสัญญาณภาพและเสียง เหลือกลับมาเป็นของสาธารณะมากขึ้น กล่าวคือ การเปลี่ยนจากทีวีแบบดั้งเดิมมาเป็นดิจิทัลนั้น ทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีแบนด์วิธ หรือย่านสัญญาณความถี่ที่เหลือจากทีวีแบบเก่าถึง 108 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมวุฒิสมาชิก และส.ส.ของอเมริกาไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ประสานเสียงเห็นด้วยในเรื่องนี้ “ย่านความถี่ที่เหลือจากอนาล็อกทีวีนั้น เราจะกันไว้ 24 เมกะเฮิรตซ์ สำหรับใช้เป็นช่องทางการสื่อสารฉุกเฉิน เพื่อป้องกันอุบัติภัยต่างๆ ทำให้รับมือกับกรณีก่อการร้าย 9/11 และพายุเฮอร์ริเคน Katrina ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้” วุฒิสมาชิกของอเมริกาท่านหนึ่งกล่าว รัฐบาลอเมริกาคาดว่า ภายในปี 2552 นี้ จะมีครัวเรือนของอเมริกันที่มีดิจิทัลทีวีราว 24 ล้านเครื่อง แต่กระนั้น ก็จะมีประชากรอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนทีวีรุ่นเก่า ไปเป็นแบบดิจิทัลเลยทันที รัฐบาลอเมริกาจึงจะออกคูปองเงินชดเชยมูลค่า 40 เหรียญสหรัฐ จำนวน 22.5 ล้านคูปอง เพื่อให้ประชาชนไปซื้อ “กล่องแปลงสัญญาณ” (น่าจะมีราคาประมาณ 50-70 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นประชาชนก็ยังต้องเสียเงินบางส่วนอยู่) คูปองดังกล่าว ถือเป็นการชดเชยที่รัฐบาลตัดสินใจเปลี่ยนระบบทีวี ทำให้ทีวีเก่าตกยุคและทำให้ประชาชนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ใช้บริการเคเบิลทีวี หรือใช้จานรับสัญญาณทีวีผ่านดาวเทียมอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้ทีวีแบบเก่าได้ต่อไป ประชาชนที่จะมีปัญหาก็เฉพาะคนที่ใช้เสาทีวีที่รับสัญญาณจากอากาศแบบปกติ อนึ่ง รัฐบาลอเมริกาและร้านขายทีวี เริ่มประกาศให้ประชาชนที่คิดจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ทราบแล้วว่าไม่ควรจะซื้อทีวีแบบเก่า ซึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมทีวีแบบเก่านั้น ราคาจึงตกลงอย่างรวดเร็ว จอทีวีขนาด 29 นิ้ว เดิมเคยมีราคา 2 หมื่นเศษๆ ตอนนี้เหลือแค่หมื่นเดียว หรือต่ำกว่าหมื่นบาท ในขณะที่ทีวีจอแบนที่พร้อมรับเอชดีทีวีกลายเป็นที่นิยมในตลาด แหล่งที่มา : คนบ้านพริก banprick@hotmail.com ,www.bangkokbizweek.com/
-
BenQ FP94VW คมสมจริงประหนึ่งเข้าไปอยู่ในเกม คอเกมพันธุ์แท้มักถวิลหาจอมอนิเตอร์แจ่มๆ สักตัวเพื่อมาลองรับกับการแสดงผลอันสุดยอดของกราฟิกการ์ด เพราะหากต้องมาทนเล่นอยู่กับจอบ้านๆ ทั่วไปก็ไม่รู้จะสู้อุตส่าห์ลงทุนหาการ์ดจอชั้นเทพมาใส่ไว้ทำไม นอกจากนี้ เกมใหม่ๆ ยังมีการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น มอนิเตอร์จึงต้องตอบสนองด้วยความรวดเร็ว และสามารถปรับแก้ค่าต่างๆ ให้เหมาะกับชนิดของเกมที่ต่างกันได้อย่างรวดเร็ว BenQ จึงสร้าง FP94VW แอลซีดีมอนิเตอร์ มาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวของเกมเมอร์โดยเฉพาะ ด้วยการออกแบบที่ใหม่หมดจด ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกจอไวด์สกรีนขนาด 19 นิ้ว โครงสร้างสีดำดูเข้ม แผงควบคุมต่างๆ จัดไว้บนแผงขอบอลูมิเนียมที่เรียบมันเป็นพิเศษ ปรับใช้งานได้อย่างงสะดวก มีคำสั่งสำหรับการจัดรูปแบบการแสดงภาพที่สมบูรณ์สำหรับเครื่องเล่นคอมพิวเตอร์ถึง 6 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ได้รับจากเกมแอ็คชั่นสามมิติรุ่นล่าสุด โปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป เช่น เว็บบราวเซอร์ ซอฟต์แวร์ทั่วๆ ไป และการเล่นมัลติมีเดีย ซึ่งมักจะไม่มีการปรับการใช้การแสดงผลสำหรับจอทั่วๆ ไปที่ใช้ตามบ้าน เตะตาอีกเล็กน้อยตรงตัวเกี่ยวจับขนาดพกพาซึ่งติดอยู่ทางมุมด้านหลัง สำหรับเก็บอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ชุดหูฟัง เว็บแคม หรือ VoIP phone ให้หยิบใช้ง่าย ดีไซน์เก๋ไก๋ดูไม่ขัดตาในส่วนขุมพลังภายใน พื้นที่แสดงผล 408.2 x 255.1 (mm) ความละเอียดภาพ 1440x900 (WXGA+) อัตราส่วนความคมชัด (Contrast) 800:1 ระยะห่างระหว่างจุดภาพ 0.2835 ความสว่าง 300 cd/ตร.ม. เวลาในการตอบสนอง 5ms การแสดงสี 16.2 ล้านสี มุมมอง 150/140(CR>=10) เติมด้วยเทคโนโลยี Senseye+game ที่ถูกสร้างมาโดยคำนึงถึงการตอบสนองความต้องการและความชื่นชอบของผู้เล่นเกมเป็นหลัก ผมทดลองกับเกมการแข่งขันที่อาศัยความว่องไว และเกมแอ็คชั่นที่เปิดฉากด้วยความเร็ว หน้าจอก็สามารถไล่ตามการเล่นได้ทัน ตอบสนองภาพเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ภาพที่ออกมาสวยงามไร้ที่ติ FP94VW ยังมาพร้อมกับอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อแบบ HDMI รุ่นใหม่ และสัญญาณนำเข้า DVI/D-sub รองรับการเชื่อมต่อดิจิตอลสมบูรณ์แบบ แสดงผลภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้ยอดเยี่ยม นอกจากจะเยี่ยมยอดเรื่องของคุณภาพการแสดงผลแล้ว มันยังผ่านการรับรองจาก ENERGY STAR® Program สำหรับจอมอนิเตอร์ เวอร์ชั่น 4.0 ด้วยระบบประหยัดไฟฟ้าอัตโนมัติอันยอดเยี่ยม ให้คุณสบายใจได้ว่าไม่ต้องจ่ายค่าไฟหัวโตเพื่อแลกกับการใช้งาน มันเป็นของใช้ที่คอเกมน่าจะมีไว้ครอบครองนะ หน้าตาดีเทคโนโลยีเยี่ยม TECH : ความละเอียดภาพ 1440x900 (WXGA+) พื้นที่แสดงผล 408.2 x 255.1 (mm) อัตราส่วนความคมชัด (Contrast) 800:1 ระยะห่างระหว่างจุดภาพ 0.2835 ความสว่าง 300 cd/ตร.ม. เวลาในการตอบสนอง 5ms การแสดงสี 16.2 ล้านสี มุมมอง 150/140(CR>=10) สัญญาณนำเข้า DVI/D-sub ความถี่แนวนอน31 – 81 ความถี่แนวตั้ง50-76 ความกว้างสัญญาณวีดีโอ25 – 135 อุณหภูมิของสี Reddish/Normal/Bluish /Mac standard/user mode การใช้พลังงาน45W (max) ส่วนจ่ายพลังงาน Built-in LOVE : เรียบง่าย ลูกเล่นแพรวพราว HATE : อยากได้ Contrast เพิ่มอีกหน่อย WE SAY : พูดได้เต็มปากว่ามันถูกสร้างมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ที่มา msn เทคโนโลยี http://technology.msnth2.com/article.asp?rid=1119&art=review&id=5716
-
NIKON COOLPIX S10 ถ่ายภาพจากมุมต่างๆ อย่างคล่องแคล่วด้วยกล้องพร้อมซูมกำลังขยายสูงสุดอัศจรรย์ ตัวนี้ ในการแข่งขัน กันผลิตกล้องที่มีจำนวนพิกเซลสูงๆ ชนิดว่าเชือดเฉือนกันอย่างบ้าคลั่งบางสิ่งบางอย่างได้ถูกมองข้ามไป มันคือ คุณค่าพื้นฐานของกล้องคุณภาพที่เปรียบได้กับการแสดงออกถึงความประณีตพิถีพิถันและการให้ความสำคัญกับรายละเอียดในยุคสมัยวิคตอเรียน อาทิเช่น คุณภาพของภาพ การถ่ายทอดสีสัน ความสะดวกและเหมาะสมในการใช้งาน และที่ขาดไม่ได้คือความสามารถในการถ่ายภาพหลากหลายมุมมองได้อย่างคล่องแคล่ว ดังนั้น การปรากฏตัวของเจ้า S10 จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เซ็นเซอร์ที่ใช้นั้นแค่หกล้านพิกเซล ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถตกแต่งห้องชุดด้วยภาพใบหน้าของคุณเองที่ยาวถึง 10 ฟุตเต็มผนังห้องได้ มันถ่ายภาพได้ใหญ่สุดราวๆ A2 เท่านั้น แต่ภาพที่ได้นั้นเยี่ยมยอด และดีไซน์แบบกล้องถ่ายวิดีโอ Palmcorder ที่สามารถบิดหมุนเลนส์ก็ถ่ายภาพงานปาร์ตี้ได้อย่างชำนิชำนาญและคล่องตัวสุดๆ มันให้คุณถ่ายภาพจากมุมต่างๆ ได้ทุกมุม จับภาพแห่งความทรงจำและช่วงเวลาสนุกสนานกับเพื่อนฝูงในมุมมองแปลกใหม่ได้อย่างง่ายๆ สบายๆ โหมดตรวจจับใบหน้าก็ช่วยให้มั่นใจว่าภาพถ่ายบุคคลสามารถถ่ายให้ออกมาสวยได้ง่ายเป็นพิเศษ เลนส์ซูมออปติคอลขนาด 10 เท่า (เทียบเท่า 38-380 มม.) อาจจะเกินความจำเป็นไปหน่อย แต่ถึงอย่างไร การมีเลนส์ซูมที่มีกำลังขยายสูงๆ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อถ้าบังเอิญเจอะเจอดาราหรือนักร้องดังๆ อย่าง George Michael กำลังจู๋จี๋กับคู่เกย์ในพุ่มไม้ไกลๆ จะได้ซูมเข้ามาใกล้ๆ เห็นหน้ากันจะๆ ไปเลย ระบบ Vibration Reduction ที่ช่วยลดอาการภาพเบลอจากการสั่นไหวของตัวกล้องและค่าความไวแสงสูงก็ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพในผับและงานปาร์ตี้โดยปรับซูมสูงสุดและได้ภาพที่สวยใช้ได้เหมือนกัน ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเลนส์ชุดนี้ถ่ายภาพที่ช่วงซูมต้นๆ ได้คมชัดและใสสะอาดอย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับกล้องรุ่นนี้ข้อด้อยที่เราเห็นน่าจะอยู่ที่การ navigate เลือกใช้เมนูนั่นแหละ คุณจะต้องใช้ปุ่มจอยสติ๊กที่ไม่ค่อยจะคล่องตัวเท่าไหร่เพื่อเลือกเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็ว 1 เฟรมต่อวินาที สี โฟกัส ออปชั่นการเปิดรับแสงหรือระบบ “D-Lighting” ซึ่งจะปรับแก้ส่วนมืดของภาพให้สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ระวังนิดนึงถ้าจะใช้ระบบนี้ เพราะถ้าขืนใช้สุ่มสี่สุ่มห้าภาพที่ออกมาอาจดูเหมือน “ภาพที่สว่างโพลนจากระเบิดนิวเคลียร์” ก็ได้ อย่างไรก็ดี ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอโดยทั่วไปแล้วดูสวยงาม รายละเอียดต่างๆ ดูคมกริบและสีสันก็สมจริงเป็นธรรมชาติ และนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของภาพถ่าย ถ้าคุณกำลังมองหากล้องที่มีความสามารถรอบตัวและมีเลนส์ที่ซูมได้ไกลมากล่ะก็ กล้องอวบหนาที่บิดหมุนเลนส์ไปมาได้ตัวนี้จะทำให้คุณตื่นเต้นดีใจสุดๆ ที่ได้เป็นเจ้าของ NIKON COOLPIX S10 275 ปอนด์ www.nikon.co.uk www.t3.co.uk/cameras
-
ผลิตภัณฑ์ใหม่ ออฟฟิศ สแกน เวอร์ชั่นล่าสุด 8.0 เทรนด์ ไมโคร แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ออฟฟิศ สแกน เวอร์ชั่นล่าสุด 8.0 โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรชุดแรกที่เพิ่มเทคโนโลยีตรวจสอบประวัติเว็บไว้ในฟังก์ชั่นใช้งาน บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด เทรนด์ ไมโคร ออฟฟิศ สแกน เวอร์ชั่นล่าสุด 8.0 โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรชุดแรกที่เพิ่มเทคโนโลยีตรวจสอบประวัติเว็บไว้ในฟังก์ชั่นใช้งาน รองรับระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดว์ส วิสต้าได้ รวมทั้งยังสามารถป้องกันภัยคุกคามบนเว็บ ซึ่งรวมถึงมัลแวร์ที่มาในรูปไฟล์ สปายแวร์ ไวรัส และรูทคิตส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการจัดอันดับความปลอดภัยเว็บ (Web Security Rating) และเทคโนโลยีป้องกันสปายแวร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-646-1968 หรือคลิ๊กไปที่ www.tremdmicro.com
2007-08-02 13:30:55 By msn เทคโนโลยี
-
ระบบสร้างโลกเสมือนจริงแบบซ้อนทับ นวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ฝีมือคนรุ่นใหม่ ที่มีใจรักในการพัฒนาซอฟต์แวร์ หนึ่งใน 222 นวัตกรรม ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สนช. หรือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “อภินันท์ ดาบเพ็ชร” เจ้าของผลงาน มุ่งเน้นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโอเวอร์เลย์ เอนไวรอนเมนต์ (Overlaid Environment) หรือ OE ซึ่งเป็นการนำภาพ 3 มิติขึ้นมาซ้อนทับอยู่บนสิ่งแวดล้อมจริงในมุมมองของผู้ใช้งาน โดยอาศัยเทคโนโลยีการประมวลภาพ ซึ่งทำงานด้วยอุปกรณ์หลัก 3 ส่วน ประสานกันคือ กล้องสำหรับรับภาพ ซอฟต์แวร์และ หน้าจอประมวลผล ภาพ 3 มิติที่นำมาซ้อนทับกับสภาพแวดล้อมจริงจะสามารถเคลื่อนไหวหรือหมุนไปตามมุมมองของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกราวกับว่ามีสิ่งนั้นจริง ๆ อยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถสัมผัสได้ เช่น การเห็นภาพรถยนต์ 3 มิติ โผล่ ออกมาจากหนังสือหรืออยู่บนมือของผู้ใช้งาน ที่กล้องเว็บแคมบันทึก อยู่ เทคโนโลยีนี้สามารถมาปรับใช้กับการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะกับวิชาที่เข้าใจยากเช่น วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี โดยนำมาอธิบายโครงสร้างในระดับอะตอมของสารต่าง ๆ นำเสนอให้เห็นภาพการจัดเรียงตัวต่าง ๆ ได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีกหลากหลาย เช่น ร้านตัดชุดแต่งงาน ลูกค้าสามารถลองชุดต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องสวมจริง แค่ใช้กล้องเว็บแคมจับภาพลูกค้า ที่ถือสัญลักษณ์ของชุดต่าง ๆ ที่ผู้พัฒนาทำไว้ ก็จะปรากฏเป็นภาพลูกค้าทาบชุดแต่งงาน ณ เวลานั้น ๆ ออกมาให้เห็น ถือเป็นเบื้องต้นในการตัดสินใจ ก่อนที่จะเลือกตัดจริง ผลงานนี้ การันตีด้วยการคว้าแชมป์ งานประกวด TICTA 2006 (Thailand ICT Award 2006) มาแล้ว....แถมได้รับการยืนยันจาก สนช.ว่าเป็นโครงการที่มีแววรุ่ง แม้จะใช้งบประมาณไม่มาก แต่ว่าตลาดสื่อการเรียนการสอน ยังมีพื้นที่ว่างอีกมากทีเดียว !!! ที่มา: หนังสือพิมพ์เดินิวส์ วันที่ 27 กรกฎาคม 2550
-
ยำใหญ่เทคโนฯคุณแม่ : นับถอยหลังซื้อของขวัญวันแม่ไฮเทคสไตล์คุณ นับถอยหลังอีก 1 สัปดาห์ก็จะถึงวันแม่แห่งชาติ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง"ผู้จัดการไซเบอร์บิส"จะขอรวบรวมเทคโนโลยีเพื่อคุณแม่แห่งปี 2007 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราเห็นว่าน่ารักน่าชังหากคุณลูกจะซื้อหามามอบให้คุณแม่ เราเชื่อว่าคุณแม่บนโลกนี้มีหลายประเภท จึงขอแบ่งเทคโนโลยีออกเป็น 3ส่วน สำหรับคุณแม่ 3 กลุ่ม คุณแม่อร่อยเหาะ เทคโนโลยีที่เหมาะกับคุณแม่อร่อยเหาะจึงน่าจะเป็นตู้เย็นอัจฉริยะของแอลจี "LG Total Capacity Refrigerator" คุณแม่ของคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับทีวีแอลซีดีขนาด 15 นิ้วและวิทยุระบบ FM ที่ติดไว้บริเวณประตูตู้เย็นได้แม้กำลังง่วนอยู่ในครัว บนจอแอลซีดีจะประกอบด้วยระบบตั้งเตือนความจำ ซึ่งจะสามารถเป็นผู้ช่วยให้คุณแม่บางท่านที่อาจหลงลืมบ้างในบางเวลา นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอุณหภูมิทั้งแบบเซลเซียสและฟาเรนไฮต์ ตำราอาหาร ข้อมูลสภาพอากาศประจำวัน อัลบัมรูปดิจิตอล และปฏิทิน หากเพลงจากรายการวิทยุและรายการทีวีบนจอแอลซีดีในตู้เย็นยังไม่หนำใจ มีเทคโนโลยีที่คุณแม่อร่อยเหาะจะสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ ของสมาชิกภายในครอบครัวได้แม้จะอยู่ในครัว "HP TouchSmart IQ770" คอมพิวเตอร์สำหรับครอบครัวของเอชพีที่ออกแบบมาสำหรับการใช้พื้นที่ห้องครัวเป็นศูนย์กลาง มีหน้าจอแบบสัมผัส คุณแม่และสมาชิกคนอื่นๆจะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลเพลง ภาพถ่าย ภาพยนตร์ และข้อมูลอื่น ๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์พีซีบนเครือข่ายไร้สายภายในบ้าน คุณแม่ออนทัวร์ เทคโนโลยีที่น่าจะตอบโจทย์คุณแม่กลุ่มนี้คือโทรศัพท์มือถือ บริษัทเอ็มโพเรีย (Emporia) สัญชาติออสซี่พัฒนาโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้สูงอายุรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้น โดยออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มาพร้อมหน้าจอกว้างสำหรับคุณแม่ที่สายตาไม่ดีเท่าสมัยยังสาว ปุ่มกดขนาดใหญ่ถนัดมือ ขนาดเครื่องไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป คุณแม่ออนทัวร์บางรายอาจมีจิตใจรักสวยรักงาม โทรศัพท์มือถือกระจกแต่งหน้าในตัวรุ่นนี้ก็น่าสนใจ คุณแม่สามารถแต่งสวยบนโทรศัพท์มือถือรุ่น "Shine" จากแอลจีได้เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นนี้มีหน้าจอที่สามารถทำหน้าที่ได้เสมือนกระจก เหมาะสำหรับคุณแม่รักสวยรักงามที่รักความสะดวกสบายไปพร้อมๆกัน คุณแม่ขี้เหงา เทคโนโลยีนี้อาจจะถูกอกถูกใจคุณแม่กลุ่มนี้ได้ บริษัทผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่ชาวญี่ปุ่น Sega Toys เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์สุนัขรุ่นใหม่ล่าสุด "มิโอะ (Mio)" มาพร้อมกระดูกเทียมเข้าชุดสำหรับให้เจ้าตูบไฮเทคคาบเล่นน่าเอ็นดู นอกจากจะสามารถเดิน กระดิกหูและหางแล้ว มิโอะยังมีดวงตาแอลซีดีที่สามารถแสดงความรู้สึกได้ด้วย ข้อเสียอย่างเดียวคือมีโอกาสสูงที่ลูกตัวจริงจะถูกเขี่ยตกกระป๋องได้ อีกเทคโนโลยีสำหรับคุณแม่กลุ่มนี้คือหุ่นยนต์ผู้ช่วยของศาสตราจารย์โทโมมาซะ ซาโต้ (Tomomasa Sato) นักวิจัยมหาวิทยาลัยโตเกียว อาจารย์ซาโต้สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถรินชา เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารได้เหมือนมนุษย์ ระบุว่าขณะนี้กำลังพัฒนาให้หุ่นยนต์มีความสามารถในการปรุงอาหาร เทคโนโลยีนี้จะทำให้คุณแม่ของคุณไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาคนงานแมวขโมยหรืออื่นๆอีกต่อไป นี่เป็นแค่การรวบรวมเพื่อเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ต่อจากนี้เป็นส่วนของคุณผู้อ่านที่จะนำเอาแรงบันดาลใจที่ได้จากบทความนี้ไปสร้างสรรค์ว่า ของขวัญวันแม่ไฮเทคสไตล์คุณเองในปีนี้จะไปลงเอยที่แบรนด์ใด ผลเป็นอย่างไรผู้จัดการไซเบอร์บิสอยากรู้จ้ะ
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 4 สิงหาคม 2550
-
โตชิบาเรียกคืนแบตฯ โน้ตบุ๊ก ผลิตโดยโซนี่มีปัญหา อีกแล้ว
เอ เอฟพีรายงานว่า โตชิบา คอร์ป.ระบุว่า จะเรียกคืนแบตเตอรี่จำนวน 10,000 ชิ้น ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของโตชิบา ทั้งที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและต่าง ประเทศ เนื่องจากแบตเตอรี่ดังกล่าวที่ผลิตโดยโซนี่ คอร์ป.เสี่ยงต่อการลุกไหม้ หลังจากมีรายงาน 3 ครั้งระบุว่าเกิดการลุกไหม้ของแบตเตอรี่ระหว่างเดือนกันยายนปีที่แล้วจนถึง เดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
รายงานข่าวระบุว่า ในปีที่แล้วบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ใช้แบตเตอรี่ของโซนี่ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล, เดลล์, เลอโนโว, โตชิบาและฟูจิตสึ ต่างเรียกคืนแบตเตอรี่ประมาณ 9.6 ล้านชิ้น เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาลุกไหม้
วันเดียวกันเอพีรายงานว่า บริษัทวิจัย 2 แห่งของสหรัฐ ได้ออกมาประเมินว่า ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีจำนวน 58.8 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 12.5% โดยตลาดที่มีการเติบโตสูงคือเอเชียตะวันออก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ขยายตัว 20% โดยฮิวเลตต์ แพ็คการ์ด (เอชพี) มียอดจำหน่ายสูงที่สุด โดยคาดว่ามีส่วนแบ่งตลาด ทั่วโลก 19.3% อย่างไรก็ตามเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกานั้นเดลล์ คอมพิวเตอร์ ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง
ที่มาจากหนังสือพิมพ์มติชน 2007-07-20 10:36:27 http://tech.mthai.com
-
ซันโชว์ Niagara2 ชิปแจ๋วบุกตลาดเซ็ตท็อปบ็อกซ์
ซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) เปิดตัวไมโครโปรเซสเซอร์ตัวใหม่ล่าสุด "ไนแองการาทู (Niagara 2)" ชูความเร็วพิเศษในการประมวลผลเป็นจุดเด่น คราวนี้ออกนอกกรอบหวังเจาะตลาดใหม่ ไม่ยึดติดกับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์อย่างเดียวแต่หวังดึงดูดผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มอื่นที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลสูงๆด้วย เช่นผู้ผลิตกล่องรับสัญญาณรายการโทรทัศน์หรือเซ็ตท็อปบ็อกซ์ (set-top box) หรือผู้ผลิตอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายข้อมูลอย่างเราท์เตอร์ (router) ชิปไนแองการาทูเป็นเวอร์ชันใหม่ต่อจากชิปไนแองการาวัน (Niagara 1) นอกจากชื่อไนแองการา ผู้บริโภคยังรู้จักกันดีในชื่ออัลตราสปาร์คทีทู (UltraSparc T2) ซันการันตีว่าไนแองการาทูมีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานไปมาก สามารถประมวลผล 64 เธรด (thread) หรือการประมวลผลย่อยๆได้ในคราวเดียว ต่างจากชิปของคู่แข่งบางรายที่สามารถทำงานพร้อมกัน 1-4 เธรดเท่านั้น ซันระบุว่าจริงอยู่ที่ไนแองการาทูจะถูกนำไปติดตั้งในเซิร์ฟเวอร์ของซัน ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มบริษัททางการเงิน โทรคม และอุตสาหกรรมภาครัฐ แต่กลุ่มเป้าหมายของไนแองการาทูจะไม่ได้อยู่เฉพาะในตลาดเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยจะมุ่งไปยังตลาดผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความเร็วสูงในการประมวลผลอื่นๆด้วย แม้ซันจะประกาศเช่นนั้น แต่ในสายตาคู่แข่งอย่างไอบีเอ็มกลับเชื่อว่า ไนแองการาทูจะสามารถเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มหรือนิชมาร์เก็ตในธุรกิจเว็บโฮสติงเท่านั้น แต่ในด้านของนักวิเคราะห์ กลับมีเสียงชื่นชมว่าไนแองการาทูมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นมากเข้าขั้นผู้นำในตลาด โดยเฉพาะนาธาน บรูควู้ด (Nathan Brookwood) นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยอินไซท์ 64 (Insight64) ที่ระบุว่าชิปนี้จะเป็นที่ต้องการสำหรับผู้ดูแลระบบไอทีทั้งหลายที่มีปัญหาการทำงานของระบบล่าช้าและปัญหาไฟเลี้ยงระบบและระบบทำความเย็นไม่เพียงพอ งานนี้ซันยังประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (เมษายนถึงมิถุนายน) ระบุว่ามีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงาน 8.5 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่ตั้งไว้เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นไตรมาสที่ดีอีกหนึ่งไตรมาสที่ซันสามารถกลับมามีกำไรอีกครั้งหลังจากขาดทุนใน 2 ไตรมาสก่อนหน้านี้
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 7 สิงหาคม 2550 15:01 น.
-
ถึงคิวลูกคนโต แอปเปิลส่งไอแมคใหม่ถูกกว่าเร้าใจกว่า
สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) ซีอีโอของแอปเปิลกล่าวถึงไอแมครุ่นใหม่กับผู้สื่อข่าวและนักวิเคราะห์ ในงานประชุมประจำปีที่สำนักงานใหญ่ซิลิกอนวัลเลย์ ว่าไอแมคนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นระยะเวลานานแล้ว สิ่งที่แอปเปิลต้องการคือทำให้ไอแมคมีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงในไอแมครุ่นใหม่ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการเปลี่ยนวัสดุส่วนประกอบที่เคยเป็นพลาสติกสีขาว มาเป็นอลูมิเนียมแผ่นบางและแก้วแทน จุดนี้จ็อปส์ระบุว่าเป็นอลูมิเนียมและแก้วซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ถือเป็นการโอนอ่อนหลังจากแอปเปิลถูกนักสิ่งแวดล้อมวิจารณ์ว่าไม่ให้ความร่วมมือในการลดจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังส่งผลกระทบร้ายแรงอยู่ในขณะนี้ ในงานนี้ แอปเปิลเรียกไอแมคว่าเป็นเดสก์ท็อปครบวงจร เนื่องจากบนหน้าจอไอแมครุ่นใหม่นี้ฝังไมโครโฟนลงไปด้วย เพิ่มเติมจากเดิมที่มีกล้องเว็บแคมและลำโพงฝังไว้ก่อนแล้ว สำหรับหน่วยประมวลผลยังคงใช้ชิปอินเทลคอร์ทูดูโอ (Intel Core 2 Duo) ของอินเทล แม้จะดูดีมีสกุลกว่าเดิมมากแต่สนนราคากลับไม่ได้แพงขึ้น บางรุ่นมีราคาเท่าเดิมขณะที่บางรุ่นมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผลในระดับเดียวกัน โดยรุ่นที่หน้าจอกว้างที่สุดคือ 24 นิ้ว (61 เซนติเมตร) แอปเปิลประกาศราคาไว้ที่ 1,799 เหรียญ (ราว 63,000 บาท) รุ่นราคาต่ำที่สุดคือ 20 นิ้ว (51 เซนติเมตร) วางจำหน่ายในราคา 1,199 เหรียญ (ราว 42,000 บาท)
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2550 11:49 น.
-
นักวิจัยแห่งอังกฤษพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์แบตเตอรี่ที่ทำด้วยกระดาษ นักวิจัยจากสถาบันโพลีเทคนิค Rensselaer ประสบความสำเร็จเป็นรายแรกในการพัฒนาแบตเตอรี่กระดาษที่มีความยืดหยุ่น แต่ตัวต้นแบบเป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนประกอบขนาดเล็ก ยังไม่ใช่อุปกรณ์สำเร็จ เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต้นแบบปกติ โดยแบตเตอรี่นี้ใช้ กระดาษเหนี่ยวนำด้วยตัวนำไฟฟ้าและหลอดคาร์บอนนาโนทิวบ์ที่ฝังอยู่ในกระดาษ และสามารถนำไปใช้ร่วมกับเซลแสงอาทิตย์ หรือประกอบกันและขึ้นรูปเป็นสิ่งของ เช่น ประตูรถ ซึ่งจะสามารถเก็บประจุไฟฟ้าในขณะเคลื่อนที่ และใช้พลังงานเมื่อต้องการ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ตัวอย่างสามารถปล่อยไฟฟ้าได้เพียง 2.3 โวลต์ หรือสามารถให้แสงสว่างจากหลอดไฟขนาดเล็กได้เท่านั้น คงต้องพัฒนากันต่อไป ที่มา : http://www.arip.co.th/2006/news
-
เครื่องสแกนตัวบุคคลที่พิสูจน์ตัวตนได้ในเวลา 2 วินาทีด้วยระบบไบโอเมตริก บริษัท Matsushita Electric Industrial จำกัด ได้พัฒนาเครื่องสแกนบ่งบอกตัวบุคคลแบบเดินผ่าน "Walkthrough Iris Identification System" เพื่อตรวจสอบตัวบุคคลที่เดินผ่าน ระบบใหม่นี้ใช้งานง่าย สามารถกำหนดกรอบการเดินของผู้ผ่านเข้าออกได้ โดยเมื่อผู้ใช้เดินผ่านเครื่องดังกล่าว (ด้วยความเร็วประมาณ 1 เมตรต่อวินาที) จากระยะห่างออกไปประมาณ 1 เมตรหรือมากกว่า ระบบก็จะใช้กล้องที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี "eye position sensing technology" ซึ่งจะประมวลผลข้อมูลก่อนที่คนๆ นั้นจะผ่านด้านหน้าของเครื่อง กล้องความละเอียด 2 เมกะพิกเซลหลายตัวจะถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบ ซึ่งจะใช้วิธีการจับคู่ด้วยภาพที่มีความละเอียดสูง เทคโนโลยีนี้จะคำนวณค่าความสัมพันธ์ระหว่างภาพที่ถ่ายได้กับภาพต้นแบบที่สร้างขึ้นจากข้อมูลภาพจากพื้นที่ในดวงตา และจะค้นหาในแฟ้มข้อมูลที่ตรงกันมากที่สุด ซึ่งสามารถทำงานได้ในเวลาน้อยกว่า 2 วินาทีระบบนี้มีขนาดประมาณ 32 x 220 x 74 เซนติเมตร (ไม่รวมเครื่องฉายภาพ) เมื่อติดตั้งพร้อมกัน 2 เครื่องจะกินเนื้อที่ประมาณ 2 x 1.6 เมตร รวมระยะห่างระหว่างเครื่องและจุดเริ่มต้นให้เริ่มเดิน ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบบุคคลที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาของกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารของญี่ปุ่น ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2005 ที่มา: http://www.arip.co.th
-
-
ไซแมนเทค-อินเทลชูชื่อProject Hood โครงการฝังซอฟต์แวร์ซีเคียวริตี้ลงชิป
หลังจากมีข่าวออกมาเป็นระยะตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุดผู้บริหารไซแมนเทคเปิดเผยชื่อโครงการร่วมมือระหว่างไซแมนเทคและอินเทล เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ในชิปตัวจิ๋ว ยังคงไม่ระบุว่ากำหนดเวลาการพัฒนามีรายละเอียดเป็นเช่นไร แต่ยืนยันว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างขะมักเขม้น โรแวน โทรลโลป (Rowan Trollope) รองประธานบริษัทไซแมนเทค (Symantec) กล่าวว่าชื่อโครงการความร่วมมือระหว่างไซแมนเทคและอินเทลคือโปรเจคฮู้ด (Project Hood) สำหรับขณะนี้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์และคอมพิวเตอร์บนระบบเครือข่ายในองค์กรเป็นหลัก ก่อนจะขยายไปยังกลุ่มคอมพิวเตอร์พีซีสำหรับผู้บริโภคในเฟสต่อไป ขอบเขตความร่วมมือระหว่างอินเทลและไซแมนเทคในโครงการโปรเจคฮู้ดคือ การร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเพื่อฝังลงในชิปคอมพิวเตอร์ โดยจะปฏิวัติรูปแบบการทำงานของซอฟต์แวร์ซีเคียวริตี้จากเดิมที่ต้องทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นวินโดวส์หรือลินุกซ์ มาเป็นการทำงานบนระบบเวอร์ชวลไลเซชันหรือสภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์เสมือนที่ทำให้ซอฟต์แวร์ซีเคียวริตี้สามารถทำงานโต้ตอบกับชิปอินเทลได้โดยตรง โทรลโลปเปิดเผยเพียงว่า พันธกิจหลักของโครงการในขณะนี้คือการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่สามารถทำงานกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันของอินเทล ที่เริ่มมีการนำไปใช้ในชิปคอมพิวเตอร์บางรุ่นของอินเทลแล้วในขณะนี้ สำหรับกรอบเวลาที่ยักษ์ใหญ่ไอทีสองโลกคาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จยังไม่มีการกล่าวถึง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 สิงหาคม 2550 16:25 น.
-
เอชพีส่งโน้ตบุ๊กจอ 12 นิ้ว 2 รุ่นใหม่ลงตลาด เจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และเอสเอ็มบี ชูจุดเด่นรูปทรงบางเบา กะทัดรัด และเทคโนโลยีเป็นจุดขาย นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) หรือเอชพี กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและเอสเอ็มบีต้องการความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น เอชพีจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบาและเพรียวบาง และในขณะเดียวกันก็มาพร้อมเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม จากความต้องการดังกล่าวเอชพีจึงนำโน้ตบุ๊กใหม่ 2 รุ่นออกสู่ตลาด โดยทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมดีไซน์เพรียวบางด้วยความหนาเพียง 28 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 1.68 กิโลกรัม พกพาง่าย จอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA แบบไวด์สกรีน ขนาด 12.1 นิ้ว โน้ตบุ๊กทั้ง 2 รุ่นประกอบด้วย Compaq Presario B1200 มีรูปทรงบางเบา พร้อมคุณสมบัติการทำงานและการเชื่อมต่อ เพื่อเติมเต็มการใช้งานและความบันเทิงในทุกที่ เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่งในแต่ละวัน อีกรุ่นคือ HP Compaq 2210b เสริมความคล่องตัว และประสิทธิภาพ พร้อมให้ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อการใช้งานทางธุรกิจแบบโมบิลิตี้ HP Compaq 2210b ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพประเภทเอสเอ็มบี ที่ต้องการความคล่องตัว ด้วยน้ำหนักเบาและสมรรถนะการทำงานครบครัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันทางธุรกิจ และเช็คอีเมลในระหว่างวัน รวมทั้งนำเสนอผลงานที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 17 สิงหาคม 2550
-
เอ็นทีทีเปิดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 สิงหาคม 2550 06:29 น. บรรยากาศงานแถลงข่าวระหว่าง NTT Docomo และ TCCT NTT Docomo ประเทศไทย ตกลงเลือกใช้บริการศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์จากบริษัท TCC Technology แล้ว เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการติดต่อระหว่างผู้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย นาย ปณต สิริวัฒนภักดี กรรมการบอร์ดบริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด (TCCT) กล่าวว่าจากประสบการณ์ทั้งในด้านการบริหารและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคจะช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีมาตรฐานสูงและการที่ได้ร่วมมือกับ NTT ผู้นำด้าน Global IP solution จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจของชาวญี่ปุ่นและไทย นาย จุนนิชิ โอกะ ประธานบริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์(ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา NTT ได้นำทีมงานผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินเปรียบเทียบดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่งและได้เลือกใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ของ TCCT ประการแรกเนื่องจากเป็นศูนย์ที่มีมาตรฐานสูงชั้นแนวหน้าและมีประสบการณ์ในการดูแลแอปพลิเคชั่นที่เป็นหัวใจหลักขององค์กร จึงทำให้ TCCT เป็นที่ยอมรับจากบริษัทระดับนานาประเทศ ประการที่สองเนื่องจากนโยบาย carrier-neutral data centerของ TCCT ซึ่งทำให้ NTTสามารถเลือกผู้ให้บริการเครือข่ายได้อย่างอิสระ สะดวกในการให้บริการได้ตามความต้องการของลูกค้า NTT Communications ได้ดำเนินธุรกิจ Data Centerมาแล้วกว่า 60 แห่งในญี่ปุ่น 30 แห่งในเอเชียและอีกหลายประเทศทั่วโลก ย่อมประกันได้ถึงมาตรฐานการบริการที่สูงและเป็นหนึ่งเดียวด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับเดียวกันทั่วโลก นอกจากนี้การที่ NTT Communications ประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการ Japan Direct เพียงรายเดียวที่ให้บริการเชื่อมต่อเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยตรงแบบไม่ต้องผ่าน Network hub จุดใดในโลก ทำให้การติดต่อทางธุรกิจระหว่างสองประเทศ รวดเร็ว ราบรื่นยิ่งขึ้น
-
ทีมงานลายไทยร่วมกับเนคเทค จัดงานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแห่งชาติ ครั้งที่ 7 (26 ก.ค. 50) ทีมงานลายไทย (ผู้พัฒนา Mambo ภาษาไทย) ร่วมกับเนคเทค จัดงานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแห่งชาติ ครั้งที่ 7 (The 7th Thailand Open Source Software Festival) ในวันที่ 2 - 3 สิงหาคม 2550 เวลา 09.00 น.- 17.00 น. ชั้น 4,5 ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว...เปิดให้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายที่น่าสนใจ...ฟรี
กิจกรรมเด่นภายในงาน ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษโดย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หัวข้อ "ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส กับการพัฒนาที่ยั่งยืน"
- สถานะการณ์โลก สถานะการณ์ประเทศไทย - พัฒนาให้ยั่งยืนอย่างไร ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในการพัฒนาที่ยั่งยืน
การบรรยายพิเศษโดย Mr. Kay Koll จากบริษัท SUN Microsystem หัวข้อ "ทิศทางการพัฒนา OpenOffice.org ในอนาคต"
- เปิดตัวแผนการพัฒนาโอเพนออฟฟิศ 2.x และ 3.0 - ระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวแบบใหม่ (PIM base on Mozilla) - แนวทางการแก้ปัญหา Visual Basic Application (VBA) - รูปแบบแผนภูมิ และ รายงานแบบใหม่ พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อีกมากมาย - แนะแนวทางการทำธุรกิจแวดล้อมโอเพนออฟฟิศ และ ตัวอย่างความสำเร็จในระดับนานาชาติ
การอภิปรายพิเศษโดย ผู้แทนจาก บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) หัวข้อ "การส่งเสริมการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ในหน่วยงาน"
- จุดเริ่มต้นของการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในหน่วยงาน - สถานะการใช้งานปัจจุบัน - ปัจจัยความสำเร็จของการส่งเสริมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในหน่วยงาน - ความคาดหวังของหน่วยงาน
การบรรยายพิเศษโดย Mr. Keith Bright จากบริษัท IBM Corporation หัวข้อ "Open Source Solution for Enterprise"
- สภาพแวดล้อมของหน่วยงานขนาดใหญ่ - ข้อดี / ข้อเสีย ของการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - กระบวนการ ขั้นตอน และ เครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - ตัวอย่างความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ในหน่วยงานขนาดใหญ่
-
ทีมงานลายไทยร่วมกับเนคเทค จัดงานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแห่งชาติ ครั้งที่ 7 (26 ก.ค. 50) ทีมงานลายไทย (ผู้พัฒนา Mambo ภาษาไทย) ร่วมกับเนคเทค จัดงานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแห่งชาติ ครั้งที่ 7 (The 7th Thailand Open Source Software Festival) ในวันที่ 2 - 3 สิงหาคม 2550 เวลา 09.00 น.- 17.00 น. ชั้น 4,5 ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว...เปิดให้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายที่น่าสนใจ...ฟรี
กิจกรรมเด่นภายในงาน ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษโดย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หัวข้อ "ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส กับการพัฒนาที่ยั่งยืน"
- สถานะการณ์โลก สถานะการณ์ประเทศไทย - พัฒนาให้ยั่งยืนอย่างไร ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในการพัฒนาที่ยั่งยืน
การบรรยายพิเศษโดย Mr. Kay Koll จากบริษัท SUN Microsystem หัวข้อ "ทิศทางการพัฒนา OpenOffice.org ในอนาคต"
- เปิดตัวแผนการพัฒนาโอเพนออฟฟิศ 2.x และ 3.0 - ระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวแบบใหม่ (PIM base on Mozilla) - แนวทางการแก้ปัญหา Visual Basic Application (VBA) - รูปแบบแผนภูมิ และ รายงานแบบใหม่ พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อีกมากมาย - แนะแนวทางการทำธุรกิจแวดล้อมโอเพนออฟฟิศ และ ตัวอย่างความสำเร็จในระดับนานาชาติ
การอภิปรายพิเศษโดย ผู้แทนจาก บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) หัวข้อ "การส่งเสริมการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ในหน่วยงาน"
- จุดเริ่มต้นของการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในหน่วยงาน - สถานะการใช้งานปัจจุบัน - ปัจจัยความสำเร็จของการส่งเสริมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในหน่วยงาน - ความคาดหวังของหน่วยงาน
การบรรยายพิเศษโดย Mr. Keith Bright จากบริษัท IBM Corporation หัวข้อ "Open Source Solution for Enterprise"
- สภาพแวดล้อมของหน่วยงานขนาดใหญ่ - ข้อดี / ข้อเสีย ของการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - กระบวนการ ขั้นตอน และ เครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส - ตัวอย่างความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ในหน่วยงานขนาดใหญ่
-
โซนี่โชว์กำไรเพิ่ม3เท่า ด้านนักวิเคราะห์ยังห่วง โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2550 22:41 น. แถลงกันออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับผลประกอบการในเดือนเมษายน - มิถุนายนของแต่ละค่าย ล่าสุดเป็นโซนี่ คอร์ป ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เปิดเผยผลกำไรเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า โดยมาจากยอดขายกล้องดิจิตอล และค่าเงินเย็นที่อ่อนตัวลงมาช่วยไว้ได้ทันควัน ผลประกอบการของโซนี่ในไตรมาสที่ 1 ของบริษัท (เดือนเมษายน - มิถุนายน) กลับมาเป็นที่น่าพอใจอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทมีการปรับลดต้นทุนในการดำเนินงาน ด้วยการปิดโรงงานบางแห่ง และลดพนักงานลงนับพันตำแหน่งในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของโซนี่ในไตรมาสนี้เท่ากับ 99,322 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่เคยทำได้เพียง 27,050 ล้านเยนไปได้อย่างสวยงาม และถือเป็นผลประกอบการที่ต้องบันทึกไว้สำหรับโซนี่เลยทีเดียว โคอิชิ โอกาวา ผู้บริหารจาก Daiwa SB Investment กล่าวว่า "ดูเหมือนไตรมาสนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนักกับโปรดักซ์ที่มีอยู่ในมือ แต่ผลที่ปรากฏออกมา เรากลับพบว่าทีมงานโซนี่ทำได้ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และเป็นผลประกอบการที่ดีเยี่ยม" ที่ผ่านมา สิ่งที่นักวิเคราะห์มองเห็นจากโซนี่เป็นข้อมูลในเชิงลบเสียเป็นส่วนมาก เช่น ธุรกิจเกมคอนโซลที่ไม่สามารถทำยอดขายได้เทียบเท่าคู่แข่งอย่างนินเทนโด และผลประกอบการในธุรกิจเกมที่ติดตัวแดง หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อความบันเทิงส่วนบุคคล เช่น ทีวีจอแบน ก็พบกับสงครามราคาที่ดุเดือด หลายคนจึงวิเคราะห์ออกมาในแนวทางที่ว่าส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โซนี่ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องอาจมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงก็เป็นได้ มาซากิ ไอโสะ ผู้บริหารจาก Yasuda Asset Management กล่าวว่า "ผลประกอบการในไตรมาสนี้ของโซนี่ทำได้เหนือกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้สูงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ความวิตกกังวลของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพธุรกิจของบริษัทก็ยังคงมีอยู่ เพราะเราเห็นแนวโน้มหลาย ๆ อย่างที่ไม่เกื้อหนุนโซนี่เอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดราคาจอแอลซีดี หรือการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดเครื่องเล่นเกมคอนโซล เพลย์สเตชั่น 3 ให้กับคู่แข่ง" ด้านโนบุยุกิ โอเนดะ ผู้บริหารด้านการเงินของโซนี่กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า "เราเชื่อว่าการแข่งขันของตลาดจอแอลซีดีจะยิ่งหนักข้อมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะทำกำไร" สำหรับยอดขายเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ในไตรมาสที่ผ่านมา โซนี่ขายไปได้ทั้งสิ้น 710,000 เครื่อง ซึ่งจากการแข่งขันในตลาดเครื่องเล่นเกมคอนโซล ทำให้บริษัทตัดสินใจหั่นราคาเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่นลงอีก 100 เหรียญสหรัฐ เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ แต่กระนั้นมันก็ยังแพงกว่าราคาขายเครื่อง Wii ของนินเทนโดอยู่ดี (ไตรมาสเดียวกันนี้ นินเทนโดขายเครื่อง Wii ได้ทั้งสิ้น 3.43 ล้านเครื่อง) อย่างไรก็ดี โซนี่ตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ (เมษายน 2007 - มีนาคม 2008) เอาไว้ที่ 440,000 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยทำได้ในปีก่อนหน้าเพียง 71,750 ล้านเยน เนื่องจากในปีที่ผ่านมา โซนี่เจอมรสุมมากมาย ทั้งจากต้นทุนในการพัฒนา PS3 และการเรียกคืนแบตเตอรี่ที่มีปัญหาจำนวนมาก สำหรับธุรกิจเครื่องเล่นเกมคอนโซล นินเทนโดได้ออกมาประกาศแล้วว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเครื่องเล่น Wii ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 16.5 ล้านเครื่อง ขณะที่โซนี่ตั้งเป้ายอดขาย PS3 ไว้ที่ 11 ล้านเครื่อง เรียบเรียงจากรอยเตอร์
-
เอไอเอสคิดได้เลิกแจกซิมมือถือ เอไอเอสเผยเลิกนโยบายแจกซิมมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา หันมาเน้นดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกค้าเก่าและใหม่ และบริการหมายเลขที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “ตะลึง” โทรฯฟรีทุกวัน นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสงดแจกซิมการ์ดฟรีมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากพนักงานที่ออกไปทำหน้าที่แจกซิม อาจจะให้ข้อมูลโปรโมชั่นต่าง ๆ ไม่ครบถ้วนทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด จึงได้เลิกแจกซิม แต่หันมาขายซิมการ์ดเหมือนเดิมทั้งระบบจ่ายรายเดือน และระบบเติมเงิน สำหรับระบบเติมเงิน ทันทีที่ลูกค้าเปิดใช้ซิม ได้ตั้งระบบให้ลูกค้าต้องโทรฯเข้ามาที่คอลเซ็น เตอร์ก่อน จึงจะใช้งานได้ เพื่อพนักงานจะได้อธิบายถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงโปรโมชั่นที่จะเลือกใช้เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากหันมาใช้วิธีดังกล่าว ปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับโปรโมชั่นแทบจะหมดไป และยังทำให้สามารถใช้เบอร์ได้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุดเอไอเอส ได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “ตะลึง” สำหรับจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ ในอัตรานาทีแรก 2 บาท นาทีต่อไป 1 บาท สามารถโทรฯได้ทุกเครือข่าย ทุกเวลา และแถมเวลาโทรฯฟรีทุกเครือข่ายทุกวันตามแพ็กเกจที่เลือกใช้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1175.
-
3G เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์มือถือ
ผู้ผลิตและผู้ขายอุปกรณ์ 3G ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าการเข้าถึงการให้บริการเสียงและข้อมูลไร้สายแห่งยุคหน้า จะนำประโยชน์หลักๆ ของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ 3G CDMA มาใช้ในการปรับปรุงชีวิตของประชาชน โซลูชั่นส์การเชื่อมต่อไร้สายจะก่อให้เกิดประโยชน์ของการเชื่อมต่อไปสู่การพัฒนาชุมชนไปทั่วโลก ด้วยการทำงานของบริษัทพันธมิตรต่างๆ โครงการการเชื่อมต่อไร้สายก่อให้เกิดหนทางใหม่ๆในการติดต่อสื่อสาร การเรียนรู้ การเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการเข้าถึงตลาดทั่วโลกด้วย
3G มีวิวัฒนาการของการสื่อสารไร้สายด้วยการสนับสนุนการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูงของข้อมูลและเสียง รวมทั้งการเร่งการรวมของอุปกรณ์การสื่อสารไร้สายด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้โทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นเพียงแค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการสื่อสารไร้สาย ข้อมูล การศึกษา การรักษาสุขภาพและความปลอดภัย
3G เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์มือถือพร้อมกล้องดิจิตอลและเครื่องเล่นเพลง MP3 แต่ระบบ 3G ช่วยได้โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่การเชื่อมต่อด้วยสายโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ สำหรับภาครัฐ 3G เป็นหนทางที่จำเป็นของการเพิ่มอัตราการเข้าถึงโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของประชากรในประเทศ ตลอดจน ลดช่องว่างทางเทคโนโลยีดิจิตอลของประเทศ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปมองว่า 3G เป็นช่องทางหลักของโทรศัพท์หรือวิธีที่พวกเขาสามารถจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากแหล่งอื่นๆได้
โครงการ K-Nect เป็นโครงการตัวอย่างที่สนับสนุนให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีไร้สายแห่งยุคหน้า
-
ญี่ปุ่นอวดหุ่นยนต์แสดงสีหน้ารุ่นใหม่"Kansei"
หุ่นยนต์ Kansei สามารถแสดงสีหน้าได้ 36 แบบ
ญี่ปุ่นก้าวไปอีกขั้น พัฒนารูปแบบการแสดงความรู้สึกบนใบหน้าหุ่นยนต์ได้แล้ว 36 วิธี เชื่อว่าการสร้างอารมณ์ให้กับใบหน้าของหุ่นยนต์นี้จะช่วยให้มนุษย์รู้สึกสะดวกใจมากขึ้นเมื่อต้องสื่อสารกับหุ่นยนต์เหล่านี้ในอนาคต
ศาสตราจารย์จุนอิชิ ทาเคโนะ หัวหน้าโครงงานวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสต์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัย Meiji กล่าวว่า "สิ่งที่เราทำอยู่นี้คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแสดงใบหน้าแบบต่าง ๆ ให้กับหุ่นยนต์ ซึ่งจะช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เป็นไปได้ราบรื่นมากขึ้น"
ทีมงานวิจัยได้ตั้งชื่อให้กับหุ่นยนต์ดังกล่าวว่า "Kansei" ใบหน้าแบบต่าง ๆ ที่หุ่นยนต์แสดงได้นั้นสามารถไล่ระดับมาตั้งแต่แบบยิ้มมีความสุข โกรธขึ้ง หวาดกลัว และเศร้าเสียใจ โดยมาจากการประมวลผลคำศัพท์ และสั่งการให้จุดเคลื่อนไหวที่ซ่อนเอาไว้ใต้หน้ากากซิลิโคนทั้ง 19 แห่งขยับ ผสมเป็นความรู้สึกต่าง ๆ
หุ่นยนต์ Kansei ยังสามารถรับฟังคำศัพท์ภาษาอังกฤษและแสดงสีหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับคำเหล่านั้นออกมาได้ด้วย เช่น ถ้าหากได้ยินคำว่า "Bomb" ที่แปลว่าระเบิด หุ่นจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ถ้าหากอยากให้หุ่นยนต์ยิ้ม ก็พูดคำว่า "ซูชิ" เป็นต้น ที่สำคัญมันสามารถแสดงใบหน้ารังเกียจเมื่อได้ยินคำว่า "ประธานาธิบดี" ได้เสียด้วย
สาเหตุที่หุ่นยนต์ทำหน้ารังเกียจเมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดคำว่าประธานาธิบดีนั้นเป็นเพราะฐานข้อมูลออนไลน์จะดึงคำศัพท์ที่เกี่ยวโยงกับคำดังกล่าวมาประมวลผลร่วมด้วย ซึ่งในคีย์เวิร์ดเหล่านั้นอาจมีทั้งคำว่า "บุช-อิรัก-สงคราม" รวมอยู่ และนักวิจัยได้กำหนดให้ความหมายของศัพท์นั้น ๆ ก่อเกิดมาจากความกลัวผสมกับความรังเกียจ และแสดงผ่านใบหน้าของหุ่นยนต์ดังกล่าว
ปัจจุบัน ฐานข้อมูลคำศัพท์ที่หุ่นยนต์มีนี้เท่ากับ 500,000 คำ และสามารถอัปเดตได้ด้วยตัวเอง ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วย
ศาสตราจารย์ทาเคโนะกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในอนาคต จะพัฒนาให้หุ่น Kansei สามารถพูด และแสดงความรู้สึกได้ ซึ่งคาดว่าจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุอย่างมาก
สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการพัฒนาหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์มากขึ้น เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นนั่นเอง อีกทั้งการนำเข้าแรงงานต่างชาติเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุก็มีปัญหามากเกินไป ดังนั้น การพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อรองรับความต้องการของสังคมในจุดนี้จึงมีโอกาสถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณามากที่สุด และปัจจุบัน ห้องวิจัยบางแห่งก็พัฒนาหุ่นยนต์ขึ้นช่วยงานแทนการจ้างพนักงานแล้วด้วย
ขอบคุณข่าวจาก http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000065443 _________________
-
Imagine Cup”โครงการเฟ้นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์
ไมโครซอฟท์สรรหานักพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่ระดับเยาวชนเพื่อเลือกหัวกะทิเข้าร่วมทำงานในองค์กร ผ่านโครงการ Imagine Cup ล่าสุดประกาศทีมชนะเลิศรอบปี 2550 ซึ่งได้ทีม 3KC Return ไปร่วมโชว์ซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาการศึกษาในรอบชิงชนะเลิศที่เกาหลี
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศในโครงการ Imagine Cup 2007 ที่จัดโดยไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ว่า การแข่งขันใดๆ เป็นเพียงส่วนประกอบของการแสดงออก ผู้ที่ชนะเป็นเรียงตามลำดับความสำคัญตามข้อจำกัด แต่ไม่ใช่ทีมที่ไม่ได้รางวัลจะไม่มีโอกาส ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้แสดงความสามารถ มีการกระบวนการทำงาน รู้จักการทำงานเป็นทีมมากกว่า และจากโครงการนี้ถือเป็นอีกทางหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรที่จะไปเป็นผู้นำ หรือบริหารงานราชการแผ่นดินต่อไป
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงการ Imagine Cup เป็นการพัฒนาระดับท้องถิ่น โดยให้นักศึกษาไทยได้ประดิษฐ์คิดค้นซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชันด้วยตัวเอง โดยผู้ชนะเลิศจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งเป็นการแข่งขันระดับโลกที่ประเทศเกาหลีในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อชิงรางวัลทุนการศึกษา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 800,000 บาท
การแข่งขัน Imagine Cup 2007 เป็นการแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกที่กระตุ้นให้นักศึกษาสนใจการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยแบ่งประเภทการแข่งขันออกเป็น 9 ประเภท สำหรับนักศึกษาทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยจะเน้นการแข่งขันในประเภทการออกแบบซอฟต์แวร์ (Software Design) เป็นหลัก ซึ่งกำหนดให้นักศึกษาออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันบน .NET Framework และ Windows platform สำหรับหัวข้อของการแข่งขันในปีนี้ คือ “Imagine a world where technology enables a better education for all” ซึ่งมีเป้าหมายในการทำงานร่วมกันเพื่อสังคม และสร้างสรรค์แอปพลิเคชันที่ช่วยในเรื่องการศึกษาและปรับปรุงชีวิตของคนนับล้านทั่วโลกให้ดีขึ้น
ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนความก้าวหน้าและการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย การแข่งขัน Imagine Cup เป็นช่องทางหนึ่งที่นักศึกษาจะได้ค้นคว้าความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมนอกห้องเรียน อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่นักศึกษาจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้รับประสบการณ์ในการฝึกฝน และใช้จินตนาการอย่างอิสระในการสร้างสรรค์โซลูชันที่สามารถใช้ได้จริง
“ที่เราสนับสนุนโครงการนี้เพราะเห็นว่าประเทศจะโตได้ต้องเน้นที่การศึกษาก่อน ซึ่งโครงการนี้จะส่งเสริมให้เยาวชนสามารถไปแข่งขันในระดับสากลได้ และอาจจะมีบิล เกตส์เกิดขึ้นที่ได้ก็ได้ ส่วนทีมที่ชนะจากโครงการ Imagine Cup ไม่ต้องไปหางานที่ไหน เราจะให้ไปฝึกอบรมกับทีมงานของไมโครซอฟท์แล้วสามารถทำงานในองค์กรได้เลย”
ผู้บริการไมโครซอฟท์กล่าวอีกว่า โครงการ Imagine Cup 2007 ของไมโครซอฟท์ส่งเสริมให้เยาวชนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยได้ดึงศักยภาพทางด้านไอทีของตนออกมา เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสด้านอาชีพและรายได้ในอนาคต และในที่สุดแล้วจะทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และไอทีของประเทศ
สำหรับการแข่งขัน Imagine Cup ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แต่ในไทยเพิ่งเป็นครั้งที่ 4 โดยมีนักศึกษาจำนวน 476 จาก 25 มหาวิทยาลัย ส่งผลงานจำนวน 84 แอปพลิเคชัน เข้าประกวดในครั้งนี้
ทั้งนี้ จากทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 85 ทีม ไมโครซอฟท์ได้ทำการคัดเลือกจนเหลือ 6 ทีมสุดท้ายที่จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ผลงานของทีมตัวเองแก่คณะกรรมการในรอบสุดท้าย ทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลทุนการศึกษา 100,000 บาท โล่รางวัลและประกาศนียบัตรจากไมโครซอฟท์ พร้อมค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปแข่งขันระดับนานาชาติที่ประเทศ สำหรับ 6 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายประกอบด้วย ทีม Majin Buu จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาแอปพลิเคชัน ChemLive ทีม Clover จากมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาแอปพลิเคชั่น Genius Book Worm ทีม 3KC Return จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาแอปพลิเคชัน Life Book ทีม Puc Enigami จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาแอปพลิเคชัน Open Braille ทีม NanoSoft จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาแอปพลิเคชัน Pronunciation via Animation และทีม XNow จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พัฒนาแอปพลิเคชัน XNow
ส่วนทีมที่ชนะเลิศคือ ทีม 3KC Return รองอับหนึ่งเป็นทีม NanoSoft และรองอันดับ 2 คือ Majin Buu
ขอบคุณข่าวจาก http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000065569 _________________
-
อินเดียใช้ริงโทนเสียงวัวล่อเสือดาว จับปล่อยป่าแบบไม่เสียเลือดเนื้อ
เสือดาวอินเดียถูกล่อจับได้ด้วยริงโทนเสียแล้ว (ภาพประกอบจากรอยเตอร์)
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของอินเดียออกไอเดียเก๋ประยุกต์ใช้โทรศัพท์มือถือในการดักจับเสือดาว ด้วยการตั้งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือเป็นเสียงร้องของวัว แพะ หรือไก่เพื่อล่อให้เสือดาวเข้ากรง ก่อนปล่อยกลับคืนสู่ป่าต่อไป
นาย D. Vasani เจ้าหน้าที่ป่าไม้อาวุโสของทางการอินเดีย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน พื้นที่ป่าที่ลดลง ทำให้เสือดาวและสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ต้องออกหาอาหารใกล้ถิ่นที่พักของมนุษย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ต้องมีการสะกัดจับเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามาทำอันตรายชาวบ้าน แต่การจะใช้สัตว์มีชีวิตเช่น แพะ มาล่อให้เสือดาวเข้ามาติดกับนั้นอาจจะดูโหดร้ายจนเกินไป จึงเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่านั้น นั่นคือใช้เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของแพะ แกะ หรือวัวแทน เสือดาวที่ติดกับจะตกลงในหลุมที่ขุดไว้ โดยที่ไม่ต้องเสียเหยื่อล่อ
"กลยุทธ์นี้ใช้ได้ดีทีเดียว เสียงของสัตว์ช่วยเรียกความสนใจจากเสือได้" นาย D. Vasani กล่าว ตัวเขาเองนั้นได้ดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าของสัตว์มาหลายสิบชนิดเพื่อทำเป็นเสียงริงโทน และใช้ซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ข้างหลังกรง
เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะเปิดเสียงเรียกเข้านี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีเสือหิวหลงผ่านมา และเข้าไปอยู่ในกรง จากการใช้แผนดังกล่าว พบว่า สามารถจับเสือดาวได้แล้ว 5 ตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยทางการอินเดียระบุว่า ได้นำเสือเหล่านี้ปล่อยกลับเข้าป่าโดยสวัสดิภาพ
ด้านนักพิทักษ์สัตว์ป่าต่างแสดงความชื่นชมกับเจ้าหน้าที่ของอินเดียที่คิดค้นวิธีการล่อจับสัตว์ได้โดยที่ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ หรือต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์วิธีใหม่นี้อย่างมาก
ขอบคุณข่าวจาก http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000065387 _________________
-
หุ่นยนต์งู !!! โพสต์เมื่อ: 14:23 วันที่ 15 ส.ค. 2550 ชมแล้ว: 249 ตอบแล้ว: 2 วิชาการ.คอม > เทคโนโลยี วิชาการ.คอม > เทคโนโลยี > เทคโนโลยีอิเลคทรอนิกส์
หุ่นยนต์งู หรือ snakebot ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์อันล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้หลักการขั้นสูงในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางในเวลาที่เคลื่อนไหวไปที่ต่างๆ นอกจากนั้นยังมีประสิทธิภาพที่ดีมากใยการเคลื่อนที่บนพื้นผิวที่ขรุขระหรือเคลื่อนข้ามผ่านช่องว่างเพื่อข้ามไปยังอีกข้างหนึ่ง โดยรูปร่างของหุ่นยนต์นี้เลียนแบบมาจากงู และการทำงานหลักของหุ่นยนต์ก็เกิดจากการค้นคว้าวิจัยลักษณะการเคลื่อนที่ของงู
หุ่นยนต์งูตัวนี้มีน้ำหนัก 26 ปอนด์ และมีชื่อเป็นทางการว่า OmniTread โดยลำตัวทำจากการนำเอาสายพานมาต่อกันเป็นม้วนกลมคล้ายปล้อง ดังภาพข้างล่าง แล้วเชื่อมต่อแต่ละปล้องให้มีลักษณะยาวคล้ายซุงขนาดเล็ก โดยระหว่างปล้องจะมีข้อต่อที่สามารถยืดหยุ่นได้ดี เพื่อทำให้การเคลื่อนที่นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งการออกแบบลักษณธของหุ่นยนต์ให้เป็นแบบนี้จะสามารถป้องกันการติดชะงัก หรือไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ เมื่อมันเคลื่อนที่ผ่านผิวที่ขรุขระ
พื้นที่ 80% ของตัวหุ่นยนต์งูห่อหุ้มด้วยดอกยางที่ช่วยทำให้ให้มันเคลื่อนที่ได้ในพื้นที่ต่างๆกันได้อย่างดี เหมือนกับรถที่ล้อรถก็มีดอกยางที่ทำให้การเคลื่อนที่ของรถไปได้บนหลายพื้นผิวของถนน
ในส่วนของการควบคุม จะการใช้ joystick เชื่อมต่อกับตัวหุ่นยนต์ด้วยสาย ที่มีไว้จ่ายกระแสไฟฟ้า และส่งผ่านคำสั่ง แต่ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้วางแผนและทำการคิดค้นที่จะทำให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง โดยไม่ต้องอาศัยคนควบคุม และสามารถเก็บกักพลังงานในการทำงานในตัวมันโดยไม่ต้องจ่ายไฟให้ ซึ่งในส่วนนี้กำลังอยู่ในระยะเวลาการพัฒนา
หุ่นยนต์งู OmniTread ได้ผ่านการทดสอบการทำงานโดยปีนขึ้นบนเนินที่สูงประมาณ 18 นิ้วที่มากกว่าเป็นสองเท่าของความสูงหุ่นยนต์ และ และสามารถเคลื่อนผ่านคูเล็กๆที่กว้าง 66 เซนติเมตร ที่กว้างเป็นครึ่งหนึ่งของความยาวลำตัวได้อย่างไม่มีปัญหา
ซึ่งหุ่นยนต์งูนี้มีจุดประสงค์ไว้ในงานตรวจตราที่มีความอันตรายค่อนข้างสูง หรืองานเฝ้าระวังภัยต่างๆ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมหรือทั้งในด้านการทหาร
ถ้าสนใจอยากชมวิดีโอแสดงการเคลื่อนที่ของ หุ่นยนต์งู OmniTread ก็เข้าไปที่ http://www.engin.umich.edu/research/mrl/00MoRob_6.html
ที่มา http://www.sciencedaily.com/releases/2005/03/050323131810.htm
-
เครื่องกำเนิดพลังงานลม....ลอยฟ้า!! โพสต์เมื่อ: 16:25 วันที่ 13 ส.ค. 2550 ชมแล้ว: 534 ตอบแล้ว: 4
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบใจกับการติดตั้งใบพัดโรงไฟฟ้าพลังงานลมล่ะก็ คุณอาจจะชอบไอเดียของบริษัท Sky WindPower ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ก็ได้นะ ทีมงานของบริษัท Sky WindPower นำโดยทีมโดยนาย Dave Shepard กำลังจะเอาใบพัดเหล่านั้นไปลอยรับลมอยู่บนฟ้า
ที่ความสูงขึ้นไป 10 กิโลเมตรจากพื้นดิน ลมที่ดูเหมือนว่าจะแรงในระดับพื้นดินนั้นดูจะเบาไปถนัดตา เพราะลมที่ความสูงระดับนั้นพัดแรงและต่อเนื่องมากกว่า พลังงานลมที่ได้จากความสูงนั้นมากกว่าพลังงานลมเหนือพื้นดินถึงร้อยเท่า ทุกวันนี้ใบพัดที่มีความสูงมากที่สุด สูงได้มากกว่า 200 เมตรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วิศวกรเหล่านี้กำลังหาวิธีเก็บเกี่ยวพลังงานนี้จากท้องฟ้าในแบบที่ใบพัดทั่วไปทำไม่ได้ พวกเขากำลังจะสร้าง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยฟ้า!!
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยฟ้า ของ นาย Shepardนี้ จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับว่าวผสมกับเฮลิคอปเตอร์ ใบพัดทั้ง 4 อันจะเรียงกันบนฐานรูปเป็นรูปตัว H และตรึงลงมาที่พื้นด้วยสายเคเบิล ใบพัดเหล่านี้จะทำหน้าที่คล้ายกับตัวว่าวซึ่งส่งแรงยกให้ฐานลอยอยู่ในท้องฟ้าได้ เมื่อใบพัดหมุน มันก็จะหมุนไดนาโมและผลิตกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าก็จะถูกส่งลงมายังพื้นดินด้วยสายเคเบิลอลูมิเนียม ในช่วงลมสงบ ไดนาโมก็จะทำหน้าที่เป็นมอเตอร์หมุนให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยอยู่ได้
นาย Shepard คาดว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในราคาเพียงกิโลวัตต์ละ 2 เซนต์ซึ่งถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันลมธรรมดาในราคา 3-5 เซนต์ อย่างไรก็ตาม การสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยฟ้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเทคโนโลยีของเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นต้องลดความถี่ในการซ่อมบำรุงใบพัด (เครื่องบินทั่วไปต้องซ่อมบำรุงทุกๆ 2-3 วัน) เพื่อให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
แต่นาย Shepard ก็เชื่อว่าปัญหานี้มีทางออก
ในเฮลิคอปเตอร์ทั่วไปนั้นการทำมุมของใบพัดแต่ละใบนั้นจะเปลี่ยนไปทุกๆรอบการหมุน นั่นหมายความว่าองศาของใบพัดจะเปลี่ยนมากกว่าพันครั้งต่อนาที การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดการสึกหรอของอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการจัดใบพัดทั้งสี่ในตำแหน่งที่เหมาะสม จะสามารถปรับองศาของกังหันหนึ่งหรือสองอันแทนที่จะปรับใบพัดทุกใบ ด้วยวิธีนี้นาย Shepard เชื่อว่าจะช่วยลดการสึกหรอและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงมากพอที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงได้
การนำพลังงานจากลมในระดับสูงมาใช้ประโยชน์ถือเป็นหนึ่งในความฝันสูงสุดของวิศวกรการบิน นาย Ken Caldeira นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจาก the Carnegie Institution ผู้ทำงานร่วมกับทีมจากบริษัท Sky WindPower คาดว่า ถ้าเราสามารถนำเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานลมนี้มาใช้ได้ เราจะมีพลังงานมากพอให้คนทั้งโลกเลยทีเดียว
บริษัท Magenn Power ในประเทศแคนาดาได้พัฒนาโครงงานลักษณะใกล้เคียงกันขึ้นเช่นเดียวกัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของบริษัทนี้จะลอยสูงจากพื้นดินประมาณ 1 กิโลเมตรโดยใช้ก๊าซฮีเลียม ใบพัดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะหมุนในแกนนอนแบบเดียวกับใบพัดพลังน้ำ ทางบริษัทคาดว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถนำไปใช้แทนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั่วไปซึ่งใช้น้ำมันดีเซล ในพื้นที่ที่ลมระดับพื้นดินไม่เพียงพอที่จะหมุนใบพัดธรรมดา
ในขณะเดียวกัน นาย Wubbo Ockels แห่ง Delft University of Technology ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็ได้จับมือกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Royal Dutch Shell และบริษัทก๊าซธรรมชาติ Nederlandse Gasunie คิดค้นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยฟ้าเช่นเดียวกันแต่ในระดับความสูงที่น้อยกว่า โดยการปล่อยว่าว (ซึ่งไม่มีใบพัดติดอยู่) จากสถานีภาคพื้นดิน เมื่อว่าวถูกดึงสูงขึ้นในอากาศ แรงดึงจะทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุน และเมื่อว่าวลอยจนถึงจุดสูงสุดแล้วรูปร่างของว่าวก็จะเปลี่ยนไปเพื่อให้มันรับลมได้น้อยลง แล้วว่าวก็จะถูกม้วนกลับลงมายังระดับที่ต่ำลงเพื่อจะได้ลอยกลับขึ้นไปใหม่ได้
การจัดวางว่าวตั้งแต่สองอันขึ้นไปอย่างเหมาะสมจะสามารถทำให้การผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องได้ เมื่อว่าวตัวหนึ่งถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังงานไฟฟ้าที่ได้ส่วนหนึ่งจะถูกนำมาดึงว่าวอีกตัวที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดกลับลงมา ระบบนี้มีข้อดีมากกว่าระบบใบพัดเพราะว่ามีอุปกรณ์ง่ายๆเพียงไม่กี่อย่างที่ต้องลอยสู่ท้องฟ้าเมื่อเทียบกับระบบใบพัด ในส่วนนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การควบคุมทิศทางของว่าวเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดร. Ockels ได้ออกแบบตัวว่าวให้มีรูปร่างคล้ายเครื่องบินโดยการติดปีกและหางเสือเพื่อช่วยควบคุมทิศทางว่าว ปีกและหางเสือจะถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกับเครื่องบินที่ไม่ใช้คนขับ ขณะนี้ทีมของ ดร.Ockels กำลังสร้างเครื่องต้นแบบขนาด 100 กิโลวัตต์และเขาคาดว่าทีมจะสามารถลงมือสร้างเครื่องจริงขนาด 10 เมกะวัตต์ได้ภายใน 5 ปี เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 5 เมกกะวัตต์จะสามารถให้พลังงานกับ 6000 ครัวเรือนในราคาเพียง 1 เซนต์ ต่อกิโลวัตต์
ถึงแม้ว่าพลังงานราคาถูกเหล่านี้ก็ยังอยู่ในขั้นการทดลอง และหลายๆคนก็คงเห็นด้วยว่าการสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าลอยฟ้าที่ใช้ได้ในเชิงพาณิชย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แรงผลักดันจากทางรัฐบาลและเอกชนในการใช้พลังงานทดแทนนั้นจะเป็นตัวการสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการเหล่านี้ บางทีมันก็อาจจะถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะต้องหันมามองอะไรที่มันเคย “เป็นไปไม่ได้” เพราะหลายๆอย่างที่เคย “เป็นไปไม่ได้” มันก็ เป็นไปได้มาแล้ว จริงมะ?
อ้างอิงจาก นิตยสาร The Economist ฉบับเดือน มิถุนายน 2007
-
โตชิบาเรียกคืนแบตฯโน้ตบุ๊ก ผลิตโดยโซนี่มีปัญหาอีกแล้ว
เอ เอฟพีรายงานว่า โตชิบา คอร์ป. ระบุว่า จะเรียกคืนแบตเตอรี่จำนวน 10,000 ชิ้น ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของโตชิบาทั้งที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและต่าง ประเทศ เนื่องจากแบตเตอรี่ดังกล่าวที่ผลิตโดยโซนี่ คอร์ป. เสี่ยงต่อการลุกไหม้ หลังจากมีรายงาน 3 ครั้งระบุว่าเกิดการลุกไหม้ของแบตเตอรี่ระหว่างเดือนกันยายนปีที่แล้วจนถึง เดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
รายงานข่าวระบุว่า ในปีที่แล้วบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ใช้แบตเตอรี่ของโซนี่ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล, เดลล์, เลอโนโว, โตชิบาและฟูจิตสึ ต่างเรียกคืนแบตเตอรี่ประมาณ 9.6 ล้านชิ้น เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาลุกไหม้
วันเดียวกันเอพีรายงานว่า บริษัทวิจัย 2 แห่งของสหรัฐ ได้ออกมาประเมินว่า ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีจำนวน 58.8 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 12.5% โดยตลาดที่มีการเติบโตสูงคือเอเชียตะวันออก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ขยายตัว 20% โดยฮิวเลตต์ แพ็คการ์ด (เอชพี) มียอดจำหน่ายสูงที่สุด โดยคาดว่ามีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 19.3% อย่างไรก็ตามเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกานั้นเดลล์ คอมพิวเตอร์ ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ________________________________________ ที่มาจากหนังสือพิมพ์มติชน
-
เด็กไทยคว้าแชมป์ MOS Olympic Worldwide Competition 2007 เด็กไทยสร้างชื่อกระหึ่มอีกครั้ง เมื่อจัดการคว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันการใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2003 ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า 44 ประเทศเลยทีเดียว รายงานข่าวจาก สถาบันไอทีไอที แจ้งว่า ตัวแทนจากประเทศไทย คือ นายชัชวาลย์ คำยอง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยพายัพ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันทางด้านการใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2003 จากการแข่งขัน MOS Olympic Worldwide Competition 2007 เมื่อวันที่ 19-21 กรกฏาคม 2550 ที่ Orlando, Florida จากประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ หลังจากที่ 2 ปีที่ผ่านมาตัวแทนจากประเทศไทยได้อันดับ 2 ขณะที่ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยสยามโปรแกรม MS Word 2003 คือ นายกษิดิ์เดช คุณวัฒนาการ ก็สามารถคว้าลำดับที่ 3 จากการแข่งขัน ซึ่งมีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันจากทั่วโลกกว่า 44 ประเทศ ทางด้านนายชัชวาล คำยอง หรือ เบลล์ เจ้าของรางวัลชนะเลิศการแข่งขัน กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้รับว่า “ การเข้าแข่งขันในครั้งนี้ช่วยให้ตนเองเข้าใจ และสามารถใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ของโปรแกรมในการเพิ่ม Productivity ให้กับงานได้ดียิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เราอาจไม่ทราบวิธีใช้ที่เหมาะสม ทำให้เสียเวลาเลือกคำสั่งมากมาย แต่พอเราได้เรียนรู้มากขึ้น เราก็สามารถประหยัดเวลาในการทำงานได้ เพราะในเอ็กเซลมีเครื่องมืออีกมากที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมาช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน” สำหรับนายกษิดิ์เดช คุณวัฒนาการ หรือ โจ (ซ้าย) เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศกล่าวว่า กล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับว่า “ การแข่งขันครั้งนี้ช่วยให้ใช้งานโปรแกรมได้หลากหลายวิธีมากขึ้น อีกทั้งยังจัดเอกสารได้เร็วขึ้น และเข้าใจรูปแบบการจัดการต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์เวิร์ดได้ดียิ่งขึ้นด้วย” โดยตัวแทนทั้งสองต่างเห้นพ้องตรงกันว่า ประสบการณ์ที่ได้นอกเหนือจากความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานแล้ว ยังมีความประทับใจในเรื่องของการได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้พบเห็นวัฒนธรรมต่างถิ่น รู้จักกับเพื่อน ๆ ต่างชาติ ส่วนนายวรเทพ มงคลวาที ผู้จัดการสถาบันไอทีไอที (กลาง) กล่าวว่า “การแข่งขัน MOS Olympic ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 แล้ว โดยในแต่ละปีมีนักเรียน นักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมแข่งขันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นแนวโน้มที่ดี และสำหรับตัวแทนประเทศไทยในปีนี้ ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศมาได้เป็นผลสำเร็จ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่ตัวแทนผู้เข้าแข่งขันชาติต่าง ๆ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสถาบันไอทีไอที สถาบันไอทีไอที บริษัทในเครือ เอ.อาร์. กรุ๊ป เป็นสถาบันฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ และเป็นศูนย์ทดสอบความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ อย่างเป็นทางการแห่งแรกของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการฝึกทักษะในการปฏิบัติเพื่อนำไปใช้งานได้จริง แก่นักศึกษา บุคคลทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ จนถึงผู้บริหารและกลุ่มวิศวกร ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมศักยภาพบุคลากรและยกระดับให้ทัดเทียมกับสากล
-
งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2007 เริ่มแล้ว ไอที ซิตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์เมืองไทยได้จัดงานมหกรรมสินค้าไอทีครั้งยิ่งใหญ่ โดยงานจะมีถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2550 ________________________________________
เมื่อเร็วๆ นี้คุณเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ไอที ซิตี้ (คนที่ 5 จากซ้าย) และผู้บริหารจากบริษัทคู่ค้า อาทิ เอเซอร์, เอปสัน, เอชพี, บราเทอร์, แคนนอน, เล็กมาร์ก, ลีโอนิกส์, โซนี่ และเอสวีโอเอ ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวและทำพิธีเปิดงานที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2007 มหกรรมสินค้าไอทีราคาพิเศษครั้งยิ่งใหญ่ โชว์เทคโนโลยีใหม่ Air Mouse เมาส์ตัวแรกของโลกที่ไม่ต้องวางลากบนโต๊ะ ก็สามารถทำงานได้, GPS, Skype Phone, CCTV กล้องวงจรปิดแบบไร้สาย พร้อมจัดโปรโมชั่นช้อปครบทุก 1,000 บาท ลุ้นรับ Smart Phone, จำนวน 100 เครื่อง และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2550 ที่ร้านไอที ซิตี้ ทั้ง 30 สาขาทั่วประเทศ
-
เอทีซีไอเปิดโครงการศูนย์คอมเพื่อชุมชน เอทีซีไอ จับมืออินเทลและซิป้า เปิดตัวโครงการศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชน เมื่อเร็วๆนี้ นายวีระ อิงค์ธเนศ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการบริษัทเอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) ร่วมกับนายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และดร.อาวุธ พลอยส่องแสง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติหรือซิป้า (ที่ 3 จากซ้าย) จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Community e-Center: ศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนทั่วประเทศ ณ ห้องกมลพร โรงแรมสยามซิตี้
-
ญี่ปุ่นเตรียมสร้างเครื่องบินรบปีศาจอีก 5 ปี "ซามูไร" ญี่ปุ่น ตัดสินใจประกาศแผนการเตรียมสร้างเครื่องบินรบภายใน 5 ปีข้างหน้า ทำให้เป็นชาติล่าสุดที่เดินเกมพัฒนากองทัพแทนที่จะเป็นมนุษย์
--------------------------------------------------------------------------------
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ตกลงใจที่จะสร้างเครื่องบินรบสเตลท์ ด้วยตนเองและจะทดลองบินเป็นครั้งแรกให้ได้ภายใน 5 ปี ซึ่งหากญี่ปุ่นทำสำเร็จจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากญี่ปุ่นคือลูกค้าซื้ออาวุธรายใหญ่สุดของสหรัฐ
สำหรับสาเหตุที่ญี่ปุ่นจะหันมาสร้างเครื่องบินรบสเตลท์ หรือปีศาจเวหาเอง ก็เพราะสหรัฐลังเลที่จะขายเครื่องบินรบ เอฟ-22 แรปเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดของกองทัพสหรัฐที่มีประสิทธิภาพในการหลบรอดการตรวจจับของเรดาร์ได้ด้วยความเร็วที่เหนือเสียง ให้แก่ ญี่ปุ่น แม้ญี่ปุ่นจะเป็นชาติที่รักสงบที่สุดนับแต่พ่ายสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แต่กระนั้นญี่ปุ่นก็มีงบประมาณกระทรวงกลาโหมสูงที่สุดและมีการขยายบทบาทของกองทัพอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสาเหตุที่สหรัฐลังเลที่จะขายเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดให้กับญี่ปุ่นก็เพราะขัดต่อกฎหมายของสหรัฐ แต่กระนั้นเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นได้สัมผัสในการทดลองบินออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของเครื่องบินรบดังกล่าวเมื่อต้นปีนี้ อันเป็นการตอกย้ำถึงพันธกรณีระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นในขณะที่เวลาดังกล่าวเกิดความตึงเครียดในประเด็นโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5960&art=product
-
จีนยิงจรวดปล่อยดาวเทียมสื่อสาร จีนยิงจรวดปล่อยดาวเทียมสื่อสารขึ้นสู่วงโคจร เพื่อเพิ่มช่องสัญญาณโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
--------------------------------------------------------------------------------
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีนได้ยิงจรวดที่จีนผลิตเองเพื่อปล่อยดาวเทียมสื่อสารขึ้นสู่วงโคจร เมื่อช่วงค่ำวานนี้ โดยเป็นการยิงจรวดปล่อยดาวเทียมแบบลองมาร์ช ที่ผลิตในจีนเป็นครั้งที่ 101 แล้ว จรวดดังกล่าวมีการยิงครั้งแรก เมื่อปี 2513 ส่วนดาวเทียม “ไชน่าแซท 6 บี “ เป็นดาวเทียมสื่อสารที่ผลิตโดยบริษัทอัลคาเทล อาเลเนีย สเปซ ของฝรั่งเศส มีอายุการใช้งาน 15 ปี
หลายปีที่ผ่านมา จีนพยายามพัฒนาโครงการด้านอวกาศมาโดยตลอด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับคำกล่าวอ้างที่ว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งเมื่อปี 2546 จีนได้ส่งยานอวกาศพร้อมนักบินขึ้นสู่ห้วงอวกาศได้เป็นผลสำเร็จ เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ต่อจากรัสเซีย และสหรัฐ ต่อเมื่อปี 2548 จีนก็ส่งนักบินอวกาศ 2 คน ขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้ง พร้อมทั้งประกาศด้วยว่า ต้องการจะส่งนักบินขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ และสร้างสถานีอวกาศในอีก 10 ปี หรือ 15 ปีข้างหน้านี้
ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5763&art=product
-
ฮาร์ดดิสก์ WD คว้าคะแนนสูงสุดหลังทดสอบกับวิสต้า ฮาร์ดดิสก์ WD คว้าคะแนนสูงสุดหลังทดสอบใช้งานร่วมกับวิสต้า ดรรชนีชี้วัดฮาร์ดดิสก์รุ่น Caviar SE16 และ Raptor ให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม
--------------------------------------------------------------------------------
กรุงเทพฯ—12 มีนาคม 2550—บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) หนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ในเรื่องคุณภาพ รายงานว่า ฮาร์ดดิสก์ของ WD ได้รับคะแนนสูงสุดจากการทดสอบและชี้วัดโดย Windows Experience Index ฟีเจอร์ใหม่ในโปรแกรมวินโดวส์ วิสต้า ผลการทดสอบชี้ชัดว่า ฮาร์ดดิสก์ของ WD รุ่น Caviar SE16 500 GB และ WD Raptor 150 GB SATA มีสมรรถนะดีเยี่ยมเมื่อใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการใหม่วินโดวส์ วิสต้า ทั้งนี้ Windows Experience Index เป็นดรรชนีชี้วัดสมรรถนะการทำงานของเครื่องพีซี และชิ้นส่วนประกอบต่างๆ โดยคำนวณคะแนนเพื่อบอกลูกค้าให้ทราบว่า ระบบปฏิบัติการจะทำงานบนชิ้นส่วนอุปกรณ์เหล่านั้นได้ดีแค่ไหน WD แจ้งอีกว่า ขณะนี้ฮาร์ดดิสก์รุ่นล่าสุดของ WD ได้รับการรับรองการใช้งานร่วมกับวินโดวส์ วิสต้าแล้วทุกรุ่น
WD Raptor เป็นฮาร์ดดิสก์ SATA เพียงรุ่นเดียวของโลกที่มีรอบหมุน RPM ในระดับ 10,000 รอบ/นาที ขณะที่ Caviar SE16 500 GB SATA เป็นฮาร์ดดิสก์เจนเนอเรชั่นล่าสุดของ WD ต่างก็ได้รับคะแนนดีเยี่ยมจากการทดสอบครั้งนี้ นั่นคือ 5.9 จากเกณฑ์วัดตั้งแต่ 1 ถึง 5.9 คะแนน ขณะที่ WD Caviar รุ่นอื่นๆ ก็ได้รับคะแนนในระดับสูงเช่นกัน สำหรับระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับ 5 คะแนน หรือมากกว่าจากทางไมโครซอฟท์ นั่นหมายความว่า มีสมรรถนะการทำงานระดับสูงสุดและยังสนับสนุนการใช้งานในระดับไฮเอ็นด์ เช่น งานกราฟฟิกขั้นสูง การใช้งานหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เล่นเกมสามมิติ การบันทึกและเล่นย้อนทีวีความละเอียดสูง เป็นต้น ทั้งนี้ ฮาร์ดดิสก์ WD ได้รับการทดสอบสมรรถนะโดยแล็ปในเมืองเลค ฟอร์เรส แคลิฟอร์เนียร์
เมื่อมีการซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่หรือต้องการอัพเกรดเครื่องเก่า ผู้ใช้จะยึดดรรชนี Windows Experience Index เป็นเครื่องมือช่วยเลือกแบรนด์และฟีเจอร์ของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ “Windows Experience Index เป็นแหล่งข้อมูลที่ทรงคุณค่า ซึ่งผู้ใช้ที่กำลังอัพเกรดเครื่องหรือกำลังสร้างระบบใหม่เพื่อรองรับวินโดวส์ วิสต้า และต้องการสมรรถนะที่ดีเยี่ยมสูงสุด ควรจะใส่ฮาร์ดดิสก์สองรุ่นนี้ไว้แถวบนๆ ของรายการจัดซื้อไว้เลย” ดอน เบนเน็ต รองประธานและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสินค้า Desktop Storage ของเวสเทิร์น ดิจิตอลกล่าว
ฮาร์ดดิสก์ของ WD รุ่น Raptor และ Caviar SE16 ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น Maximum PC, Tom’s Hardware Guide และ PC World ซึ่งผู้ที่เป็นลูกค้าใหม่ของวินโดวส์ วิสต้าจะมีความต้องการใช้ฮาร์ดดิสก์มากขึ้น โดยระบบขั้นต่ำทั่วไปต้องการความจุขนาด 15 GB เพื่อสำรองข้อมูล ทั้งนี้ การใช้ฮาร์ดดิสก์สำหรับจัดเก็บข้อมูล และรองรับแอพลิเคชั่นมัลติมีเดียต่างๆ รวมถึงโปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2007/ วินโดวส์ โฟโต้ แกลเลอรี /วินโดว์ มูฟวี่ เมคเกอร์ /วินโดวส์ มีเดีย เซ็นเตอร์ และวินโดวส์ แบ็คอัพ ล้วนต้องการฮาร์ดดิสก์ทีมีหน่วยความจุสูงๆ ทั้งนั้น ยกตัวอย่าง ข้อมูลวีดีโอระบบดิจิตอลความละเอียดระดับธรรมดาต้องการฮาร์ดดิสก์ความจุถึง 13 GB ต่อชั่วโมง หากเป็นวีดีโอระบบดิจิตอลความละเอียดสูงสุดสำหรับเล่นย้อนได้ จะกินความจุถึง 8 GB ต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์ ฟอร์แม็ต และปัจจัยอื่นๆ
ทั้งนี้ DirectX 10 suite ในวินโดวส์ วิสต้าสำหรับโปรแกรมแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดีย ถูกออกแบบเพื่อสมรรถนะอันดีเยี่ยม และให้ประโยชน์จากความเร็วสูงสุดที่สอดรับกับการทำงานของฮาร์ดดิสก์แบบ SATA เช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์ของ WD รุ่น Caviar SE16 500 GB และ WD Raptor 150 GB ที่ได้รับคะแนนสูงสุดถึง 5.9 ตามเกณฑ์มาตรฐานของดรรชนีของ Windows Experience Index
ข้อมูลเกี่ยวกับ WD
เวสเทิร์น ดิจิตอล (WD ) หนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก WD จัดจำหน่ายสินค้าและบริการให้แก่บุคคลทั่วไป รวมทั้งองค์กรที่ต้องการรวบรวม จัดการ และใช้ข้อมูลดิจิตอล WD เป็นผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ในเรื่องคุณภาพ ซึ่งช่วยในการเก็บรักษา ป้องกันการสูญหายของข้อมูลและเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ WD ถูกก่อตั้งในปี พ.ศ. 2513 โดยผลิตภัณฑ์ด้านจัดเก็บข้อมูลของเวสเทิร์น ดิจิตอลถูกจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตระบบและผู้ขายปลีกระดับชั้นนำที่ได้รับการคัดสรร ภายใต้แบรนด์เวสเทิร์น ดิจิตอล และดับบลิวดี สำหรับข้อมูลในส่วนนักลงทุน สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ (www.westerndigital.com) เพื่ออ่านข้อมูลนักลงทุนและข้อมูลด้านการเงินต่างๆ ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5358&art=product
-
เอสโตเนียใช้ระบบเลือกตั้งออนไลน์เป็นชาติแรกในโลก เอสโตเนียเปิดให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางอินเทอร์เน็ตเป็นชาติแรกของโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------
ทาลลินน์ 2 มี.ค.- เอสโตเนียเปิดให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางอินเทอร์เน็ตเป็นชาติแรกของโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น
เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งเอสโตเนียเปิดเผยว่า มีผู้มีสิทธิออกเสียงชาวเอสโตเนียเลือกใช้วิธีลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์กว่า 30,000 ราย ในช่วงการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันจันทร์-วันพุธที่ผ่านมา (26-28 ก.พ.) เพื่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (4 มี.ค.)
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์มีสิทธิที่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ด้วยวิธีกากบาทที่หน่วยเลือกตั้งของพวกเขา โดยคณะกรรมาธิการการเลือกตั้งจะถือเอาการลงคะแนนด้วยวิธีกากบาทเป็นหลัก ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับการลงคะแนนเสียง ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งที่อาจถูกกดดันจากกลุ่มเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวในขณะที่ลงคะแนนเสียงผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
เอสโตเนียมีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรวม 940,000 ราย ในจำนวนนี้ 170,000 ราย ยื่นขอใช้สิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทั้งผ่านระบบออนไลน์ และการกากบาทที่หน่วยเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ เอสโตเนียเริ่มทดลองให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเมื่อปี 2548 ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5289&art=product
-
ตั้งเว็บไซต์แนะแนวอาชีพแก้ปัญหาตกงาน กรมการจัดหางาน เปิดเว็บไซต์แนะแนวอาชีพ สำหรับประชาชนคนหางาน เพื่อหวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการว่างงานที่ต้นเหตุ
--------------------------------------------------------------------------------
กรมการจัดหางาน จัดตั้งศูนย์ข้อมูลและเว็บไซต์แนะแนวอาชีพ ใช้เป็นแหล่งข้อมูลด้านตลาดแรงงาน อาชีพอิสระ สำหรับประชาชนคนหางาน นักเรียน นักศึกษา เลือกอาชีพ ตรงตามความถนัด ความสามารถ และความต้องการของตลาดแรงงาน หวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการว่างงานที่ต้นเหตุ นายมนูญ ปุญญกริยากร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ปัญหาการว่างงาน อันเนื่องมาจากผู้สมัครงานมีวุฒิการศึกษาไม่ตรงกับสาขาที่นายจ้างต้องการ หรือปัญหานักเรียนนักศึกษาจบใหม่ทำงานต่ำกว่าวุฒิการศึกษาที่จบมา รวมทั้งปัญหาการเปลี่ยนงานบ่อย อันเนื่องมาจากการทำงานที่ไม่ตรงกับความรู้ ความสามารถ และความถนัดของตนเอง ซึ่งมีผลมาจากการขาดโอกาสในการได้รับคำปรึกษาแนะนำด้านอาชีพที่ดี ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ กรมฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอาชีพ และ เว็บไซต์แนะแนวอาชีพขึ้นเพื่อให้ประชาชนคนหางาน นักเรียน นักศึกษา สามารถวางแผนเลือกอาชีพ และมีงานทำตรงตามความถนัด ความรู้ ความสามารถ และมีรายได้ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังให้บริการข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน และแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคตอีกด้วย ศูนย์ข้อมูลอาชีพประกอบไปด้วย เอกสารอ้างอิงด้านอาชีพ ซึ่งจัดทำในรูปแฟ้มอาชีพในระบบ และอาชีพอิสระ แฟ้มเอกสารเกี่ยวกับหลักสูตรของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เอกสารแผ่นพับ แผ่นปลิว และวีซีดีเกี่ยวกับอาชีพ ซึ่งจะทำให้เห็นภาพการทำงานจริงในแต่ละอาชีพ คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อมูลอาชีพ /คุณสมบัติของอาชีพ การฝึกอบรม และข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน สำหรับบริการด้านข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่คนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่มีความพร้อมที่จะรับข้อมูลอาชีพได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงเหมาะกับสภาพสังคมในปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบทำงานแข่งขันกับเวลา ซึ่งนอกจากผู้ใช้บริการจะได้รับข้อมูลข่าวสารด้านอาชีพจากกรมการจัดหางานแล้วยังสามารถลิงค์ข้อมูลกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
ดังนั้น จึงขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา คนหางาน และประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้ามาใช้บริการได้ที่ศูนย์ข้อมูลอาชีพ กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน ชั้น 14 อาคารกระทรวงแรงงาน เขตดินแดง กรุงเทพฯ หรือเข้าไปค้นคว้าหาข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ได้ที่เว็บไซต์ กองส่งเสริมการมีงานทำ www.doe.go.th ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=5807
-
รู้จัก "ซอฟท์แวร์ มอลล์" “ซอฟท์แวร์ มอลล์” อวดสุดยอด 9 โปรแกรมป้องกันรักษามือถือและอีกกว่าพันโปรแกรมเด็ด ณ เอไอเอส ฟิวส์เจอร์ เวิลด์
-----------------------------------
Software Mall คลังรวมสุดยอดซอฟท์แวร์มือถือระดับเวิลด์คลาสกว่า 1,000 โปรแกรมจากฝีมือคนไทยและต่างชาติ เผยโฉม “9 ซอฟท์แวร์ด้านการรักษาข้อมูลลับและป้องกันมือถือสูญหาย” เป็นซอฟท์แวร์ไฮไลท์เด็ดของสิงหาคม หลังสำรวจพบผู้ใช้มือถือมีความต้องการปกป้องข้อมูลในมือถือให้พ้นจากบุคคลอื่น และช่วยระวังไม่ให้มือถือสูญหาย หรือเมื่อมือถือหายแล้วสามารถรู้ว่าใครนำไปใช้ พร้อมเปิดบริการโหลดแล้ววันนี้
ซอฟท์แวร์ไฮไลท์เด็ดด้านความปลอดภัย ได้แก่ “Back To You” โปรแกรมที่ช่วยให้รู้ว่าใครขโมยมือถือไป โดยทันทีที่มีคนเอาซิมการ์ดเบอร์ใหม่ใส่เข้าไปในเครื่องนั้น มือถือจะทำการส่ง SMS เบอร์โทรใหม่กลับมาที่เจ้าของเครื่อง ทำให้เราทราบว่าเป็นใครเอาเครื่องของเราไปใช้จากนั้นก็ติดตามเอามือถือกลับคืนมา
โดยซอฟท์แวร์ทั้งหมดรับประกันความปลอดภัยสูงสุด และถูกลิขสิทธิ์ ดาวน์โหลดไปใช้เครื่องไม่ติดไวรัสแน่นอน โดยเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลดเพื่อไปทดลองใช้ได้ฟรี ณ ซอฟแวร์ มอลล์ เอไอเอส ฟิวเจอร์ เวิลด์ ชั้น 4 สยามพารากอน ทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 089-200-9900 ส่วนผู้สนใจซื้อโปรแกรมเฉพาะช่วงนี้ Software Mall เสนอราคาลดพิเศษสูงสุดถึงกว่า 80% จากราคาปกติอีกด้วย ----------------------------------- 2007-08-16 14:19:17 By msn เทคโนโลยี
-
นิวเคลียร์ฟิชชั่น พลังงานแห่งอนาคต โพสต์เมื่อ: 19:05 วันที่ 19 ก.พ. 2550 ชมแล้ว: 5,067 ตอบแล้ว: 13 วิชาการ.คอม > เทคโนโลยี > vEnergy
มีการประมาณกันว่าปริมาณแร่ยูเรเนียมสำรองที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถนำมาผลิตพลังงานให้กับทั้งโลกได้อีก 10 ถึง 30 ปี โดยสมมติว่าอัตราการใช้พลังงานเท่ากับปัจจุบัน แต่ถ้ามีการนำเตาปฏิกรณ์รุ่นใหม่ที่เรียกว่า fast breeder reactor มาใช้ เราจะมียูเรนียมให้ใช้ไปอีก 1,000 ถึง 3,000 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะว่าfast breeder reactor มีประสิทธิภาพมากกว่าเตาปฏิกรณ์รุ่นปัจจุบัน (thermal reactor) ถึง 100 เท่า อาจจะเรียกได้ว่าแร่ยูเรเนียมไม่มีวันหมด และสามารถนับได้ว่าเป็นพลังงานทดแทนเช่นเดียวกับ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานจากชีวมวล นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับพลังงานทดแทนอื่นๆแล้ว พลังงานนิวเคลียร์มีความเป็นไปได้ที่กำลังการผลิตจะสามารถทดแทนการใช้พลังงานจาก fossil fuel ขอแสดงตัวเลขไว้ซักนิดครับว่าในปี 2005 โลกทั้งใบได้ใช้พลังงานไป 457 EJ และพบว่า 85% ของพลังงานทั้งหมดมาจาก fossil fuel
มาดูกันครับว่าปริมาณยูเรเนียมสำรองในโลกใบนี้เป็นอย่างไรบ้าง และแต่ละแหล่งจะสามารถให้พลังงานกับโลกใบนี้ได้อีกนานเท่าไหร่ ปริมาณยูเรเนียมสำรองขึ้นอยู่กับความคุ้มทุนในการสกัดเอายูเรเนียมออกมา ณ ราคานั้นๆ จำนวนปีและตัวเลขที่จะกล่าวถึงในย่อหน้าถัดไปมีเงื่อนไขว่า พลังงานที่ได้มาจาก fast breeder reactor ซึ่งมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าthermal reactor 100 เท่า และพลังงานที่โลกต้องการเท่ากับ 5,000 EJ/yr
ยูเรเนียมในเปลือกโลกมีอยู่ประมาณ 65 ล้านล้านตัน ในทะเลประมาณ 4.4 พันล้านตัน และในแม่น้ำไหลลงสู่ทะเลประมาณ 32,000 ตัน มีรายงานว่ายูเรเนียม 3.2 ล้านตัน สามารถสกัดได้ที่ราคา US$80/kg และ 15.4 ล้านตัน ได้ที่ราคา US$130/kg ถ้าราคายูเรเนียมเพิ่มเป็น US$160/kg จะสามารถสกัดยูเรเนียมได้ 32 ล้านตัน ซึ่ึ่งปริมาณนี้คาดว่าเพียงพอต่อการผลิตพลังงานให้กับโลกทั้งใบไปได้อีก 500 ปี นอกจากนี้การสกัดยูเรเนียมจากน้ำทะเลก็จะสามารถคุ้มทุนได้ถ้าราคาของยูเรเนียมเท่ากับทอง
เมื่อพูดถึง thermal reactor และ fast breeder reactor กันไปบ้างแล้ว ลองมาดูความแตกต่างระหว่างเตาปฏิกรณ์สองชนิดนี้กันหน่อยนะครับ ความแตกต่างระหว่าง thermal reactor กับ fast breeder reactor อยู่ที่ความเร็วของอนุภาคนิวตรอนในเตาปฏิกรณ์ ใน thermal reactor น้ำและคาร์บอนจะทำให้อนุภาคนิวตรอนจะวิ่งช้าลงและเพิ่มโอกาสที่ทำให้นิวตรอนชนกับยูเรเนียม-235 หรือพลูโตเนียม-239 เกิดเป็นพลังงาน
สำหรับ fast breeder reactor นิวตรอนภายในเตาปฏิกรณ์จะเป็นนิวตรอนพลังงานสูง ปฏิกิริยาฟิชชั่นที่เกิดจากนิวตรอนพลังงานสูงทำให้ได้ปริมาณนิวตรอนในรุ่นต่อไปมากกว่า และก็จะทำให้เชื้อเพลิงเปลี่ยนสภาพจากเดิมที่ไม่สามารถแตกตัวให้พลังงานได้ให้เป็นประเภทที่แตกตัวให้พลังงานได้ (fissile material) ผลที่ได้ก็คืออะตอมของเชื้อเพลิงตั้งต้นทั้งหมดสามารถแตกตัวให้พลังงานได้ จุดนี้เองที่ทำให้การใช้เชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพและลดปัญหาการจัดการกับเชื้อเพลิงใช้แล้ว (สำหรับ thermal reactor เชื้อเพลิงที่ถูกใช้แล้วจะมีสารกัมมันตรังสีเหลืออยู่ และจะต้องถูกนำไปฝังใต้ดินลึกมาก เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีรังสีรั่วไหลออกมาภายนอก)
สำหรับ thermal reactor เชื้อเพลิงเริ่มต้นประกอบด้วย ยูเรเนียม-235 ประมาณ 0.7-4% และที่เหลือเป็นยูเรเนียม-238 30% ของพลังงานที่ได้มาจากปฏิกิริยาฟิชชั่นของพลูโตเนียมที่เกิดจากยูเรเนียม-238 และอีก 70% ที่เหลือมาจากยูเรเนียม-235 แต่สำหรับ fast reactorเชื้อเพลิงตอนเริ่มต้นประกอบไปด้วยยูเรเนียม-238 ประมาณ 80-85% ที่เหลือเป็นธาตุที่แตกตัวให้พลังงานได้ เช่น ยูเรเนียม-235 และ พลูโตเนียม-239 โดยปกติแล้วเชื้อเพลิงของ fast reactor จะไม่ค่อยมียูเรเนียม-235 ดังนั้นพลังงานส่วนใหญ่จะมาจากพลูโตเนียม fast reactor มีปัญหาอยู่จุดหนึ่งก็คือการจัดซื้อเชื้อเพลิงเริ่มต้นเพราะมันประกอบไปด้วย fissile material ความเข้มข้นสูงซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้
ในอนาคต thermal reactor จะค่อยๆหายไปเนื่องด้วยประสิทธิภาพทางเชื้อเพลิงที่สูงกว่าของ fast reactor ญี่ปุ่นและอินเดียมีโครงการพัฒนา fast reactor เพราะทั้งสองประเทศมียูเรเนียมสำรองน้อย และต้องพยายามจัดหาแหล่งพลังงานที่มั่นคง
ยูเรเนียมนั้นเป็นสสารที่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน ถึงแม้ว่าจะใช้ thermal reactor ข้อดีก็มีปรากฏให้เห็นหลายข้อโดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีถ่านเห็น เช่น ปริมาณเชื้อเพลิงที่ต้องการเทียบกับถ่านหิน ไม่มีปัญหาการปล่อยคาร์บอน และไม่มีมลพิษทางอากาศ ยูเรเนียมหนึ่งกิโลกรัมมีพลังงานเท่ากับน้ำมันเบนซิน 2,300,000 สิตร
ถ้าเราต้องการสร้างโรงงานไฟฟ้าขนาด 1,000 MW ถ้าใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เราต้องใช้ถ่านหิน 3,800,000 ตันต่อปี ถ้าเป็น thermal reactor uranium เราต้องการ uranium 160 ตันต่อปี หรือถ้าเป็น fast reactor uranium เราต้องการ uranium 1.0-1.6 ตันต่อปี
มีการทดลองและพัฒนานิวเคลียร์ฟิวชั่นมาประมาณครึ่งศตวรรษ แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ การใช้นิวเคลียร์ฟิวชั่นในระยะเริ่มต้นอาจจะเป็นการใช้นิวตรอนที่ได้จากนิวเคลียร์ฟิวชั่นเพื่อผลิต fissile material สำหรับเตาปฏิกรณ์แบบฟิชชั่น ข้อดีของการใช้งานในลักษณะนี้คือเทคโนโลยีที่ใช้ไม่ซับซ้อนเท่ากับการผลิตพลังงานโดยตรงจากนิวเคลียร์ฟิวชั่น และที่สำคัญคือปฏิกิริยาฟิชชั่นแต่ละครั้งให้พลังงานมากกว่าปฏิกิริยาฟิวชั่นประมาณ 10 เท่า (200 MeV จากยูเรเนียม-235 และ 17 MeV จากดิวเทอเรียม-ทริเทียม)
สรุปแล้วพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชั่นจาก fast reactor เป็นพลังงานแห่งอนาคตเนื่องจากแหล่งยูเรเนียมสำรองที่มีอยู่อย่างมหาศาล และจะเข้ามาแทนที่ thermal reactor เพราะประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่สูงกว่า นอกจากนี้การจัดการกากนิวเคลียร์จาก fast reactor ก็ง่ายกว่าเพราะกัมมันตรังสีจะหมดไปใน 500 ปี ผิดกับของเสียจาก thermal reactor ที่ต้องรอเป็นพันๆปี ดูเหมือนว่า ณ เวลานี้จะมีแต่พลังงานนิวเคลียร์ฟิชชั่นจาก fast reactor ที่จะสามารถเข้ามาทดแทน fossil fuel ได้
ที่มา: H. Douglas Lightfoot, “Nuclear Fission Fuel Can be Considered as Inexhaustible” in CNS (Canadian Nuclear Society) Bulletin, June 2006, Vol.27. No.2, p26-29.
-
ขยะกำลังล้นอวกาศ โพสต์เมื่อ: 12:49 วันที่ 22 ก.พ. 2550 ชมแล้ว: 6,225 ตอบแล้ว: 31 วิชาการ.คอม > เทคโนโลยี วิชาการ.คอม > วิทยาศาสตร์ > ดาราศาสตร์
เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอวกาศ เป็นกังวลว่าเศษชิ้นส่วนขยะต่างๆที่วิ่งไปมาในวงโคจร อาจจะวิ่งชนยานอวกาศขนาดใหญ่ ให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลายร้อยชิ้นได้ ซึ่งเศษยานเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ของการชนกันต่อไปเรื่อยๆ กินเวลานับหลายร้อยปี และจะค่อยๆกระจายความโกลาหลไปทั่วอวกาศ
เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มหวั่นวิตกมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาได้มีความเห็นตรงกันว่า จำนวนวัตถุในวงโคจรมีมากกว่าจุดวิกฤตที่คำนวณไว้แล้ว ซึ่งค่านี้บอกถึงความหนาแน่นในอวกาศในระดับที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับในปีนี้ หลังจากที่ได้มีการเพิ่มจำนวนวัตถุในอวกาศมาตลอดกว่า 50 ปี รัฐบาลสหรัฐ ตรวจพบว่ามีวัตถุในอวกาศถึง 10,000 ชิ้นแล้ว โดยวัตถุที่จะตรวจพบได้จะมีขนาด 4 นิ้วขึ้นไป ซึ่งวัตถุเหล่านี้ได้แก่ ดาวเทียมที่หมดอายุการใช้งานแล้ว ชิ้นส่วนของจรวด กล้อง เครื่องมือที่ใช้ในอวกาศ รวมไปถึงกองขยะของเศษซากที่เกิดจากการระเบิด ทั้งที่ระเบิดเองหรือระเบิดจากการทดสอบ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่ประเทศจีนได้ส่ง antisatellite ขึ้นไปทำลายดาวเทียมอีกดวงหนึ่ง เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ดาวเทียมดวงเก่านั้นแตกเป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่หลายร้อยชิ้น ซึ่งมีความสำคัญก็คือ มันจะทำให้ปฏิกิริยาลูกโซ่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก ซึ่งถ้าการประเมินของนักวิทยาศาสตร์ถูกต้องแล้วล่ะก็ ปฏิกิริยานี้จะสร้างความเสียหายนับหลายล้านดอลลาร์ ต่อดาวเทียมดวงอื่นๆ และในที่สุดก็อาจมีผลให้เราไม่สามารถบินไปในอวกาศในอนาคตด้วย
ผู้เชี่ยวชาญทั้งของรัฐและเอกชน กล่าวว่า การประมาณขั้นต้นเชื่อว่ามีชิ้นส่วนที่แตกมาจากดาวเทียมนี้ 800 ชิ้น และมันน่าจะมากถึง 1,000 ถ้านักวิทยาศาสตร์ได้ข้อมูลจากกล้อง และเรดาร์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะ 800 หรือ 1,000 ตัวเลขนี้ก็นับว่ามากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาเลย อาจจะวันนี้ ปีหน้า หรืออีกสิบปีข้างหน้าที่ชิ้นส่วนที่วิ่งไปมาเหล่านี้จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ขึ้นสักวันหนึ่งแน่นอน “มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย” Dr. Nicholas Johnson จาก National Aeronautics and Space Administration กล่าว “เศษซากเหล่านี้อาจจะวิ่งไปชนจรวดเก่าๆที่ไม่ได้ใช้แล้วสักลำหนึ่ง แล้วมันก็จะก่อให้เกิดเศษซากมากขึ้น ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเลย”
-
วิธีควบคุมเครื่องเล่นMP3แบบใหม่ ญี่ปุ่นชู"ขบฟัน-ขยับขมับ"แทนใช้มือ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวิธีควบคุมเครื่องเล่นเพลง MP3 เกิดขึ้นแล้ว ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เปิดสาธิตการทำงานอุปกรณ์ต้นแบบเทคโนโลยีสุดเก๋ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นหรือหยุดเพลงได้ด้วยการขบฟันหรือขยับกล้ามเนื้อบริเวณขมับโดยไม่ต้องใช้มือแตะอุปกรณ์ต้นแบบนี้ถูกติดตั้งบนขาแว่นตาของคาสุฮิโร ทานิกูชิ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซากา จากการสาธิตทานิกูชิสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องเล่นเพลงเหล่านี้ได้โดยการขยับกล้ามเนื้อขมับ โดยให้ข้อมูลว่าอุปกรณ์ต้นแบบนี้สามารถทำงานได้กับเครื่องเล่นเพลงหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆด้วย นอกจากนี้ ทานิกูชิได้พัฒนาเครื่องสวมศรีษะฝังเซ็นเซอร์อินฟราเรดและคอมพิวเตอร์จิ๋วเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้การขบฟันและเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อขมับเพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องเล่นเพลงด้วย ยังไม่มีรายงานความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับการวางตลาด หรือรายละเอียดเทคโนโลยีเพิ่มเติมในขณะนี้ ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์21 สิงหาคม 2550 11:23 น.
-
"ดูดาวด้วยเมาส์"กับ Google Sky รูปภาพจากระบบดูดาวบนกูเกิลเอิร์ธนั้นรวบรวมจากหน่วยงานวิจัยกว่า 6 แห่ง (ขอบคุณภาพจากบีบีซีนิวส์) กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว กูเกิลสกาย (Google Sky) โปรแกรมเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการสำรวจท้องฟ้าให้กับบริการท่องโลกสามมิติ "กูเกิลเอิร์ธ(Google Earth)" ได้อย่างสร้างสรรค์ เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถชื่นชมความงามของดวงดาวหลายล้านดวงและกว่า 200 ล้านกาแล็กซีได้เพียงคลิก เมาส์ ภาพดวงดาวและกาแล็กซี่ในกูเกิลสกายนั้นจะทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับการชมท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) รวมถึงสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของวงจรข้างขึ้นข้างแรมบนท้องฟ้าได้ จุดนี้เอ็ด พาร์สันส์ (Ed Parsons) นักเทคโนโลยีภูมิศาสตร์ของกูเกิลให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบีบีซีนิวส์ว่า แนวคิดพื้นฐานคือการกลับด้านกูเกิลเอิร์ธเพื่อมองส่วนบน ซึ่งก็คือท้องฟ้าที่ห่อหุ้มโลกของเรานั่นเอง "สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แทนที่จะใช้กูเกิลเอิร์ธเพียงชมภาพโลก แต่คุณสามารถใช้กูเกิลเอิร์ธชมภาพบนอวกาศได้" กูเกิลสกายถูกมองว่าจะเป็นทางลัดที่ทำให้การสำรวจท้องฟ้าดำเนินการได้ง่ายดายและสะดวกขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน มลพิษในอากาศและแสงรบกวนบนท้องฟ้านั้นทำให้นักดูดาวสามารถมองเห็นกลุ่มดาวเพียวไม่กี่กลุ่มเท่านั้น กูเกิลสกายจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้นักดูดาวรู้ว่าได้พลาดดาวดวงใดไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาด้านดาราศาสตร์อย่างมาก ผู้ใช้กูเกิลสกายจะต้องติดตั้งโปรแกรมกูเกิลเอิร์ธบนคอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นจึงสามารถคลิกซูมเพื่อชมท้องฟ้าในส่วนที่ต้องการในระยะใกล้ สามารถคลิกปุ่มเพื่อหมุนมุมมองการชมได้ไม่ต่างจากกูเกิลเอิร์ธ โดยภาพดาวดวงที่ปรากฏจะเป็นภาพท้องฟ้าในวันและเวลานั้นๆ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถนำภาพกาแล็กซี่ กลุ่มดาว หรือภาพข้อมูลดาราศาสตร์อื่นๆจากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล มาวางทับบนภาพท้องฟ้าเพื่อจำลองเหตุการณ์หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ตามต้องการ ตัวอย่างโปรแกรมดูดาว Stellarium หนึ่งในฟรีซอฟต์แวร์ที่ให้บริการก่อนหน้ากูเกิลสกาย รูปภาพจากระบบดูดาวบนกูเกิลสกายนั้นถูกรวบรวมจากหน่วยงานวิจัยกว่า 6 แห่งเช่นสมาคม Digital Sky Survey Consortium, ศูนย์ปฏิบัติการ Palomar Observatory ในแคลิฟอร์เนีย และศูนย์เทคโนโลยี United Kingdom Astronomy Technology Centre จริงอยู่ที่ผู้ใช้สามารถสืบค้นรูปภาพเหล่านี้ได้จากอินเทอร์เน็ต แต่กูเกิลเชื่อว่าโปรแกรมเสริมนี้จะทำให้การสืบค้นง่ายดายและมีความเพลิดเพลินในการใช้งานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กูเกิลสกายไม่ใช่โปรแกรมชมดาวชิ้นแรกในตลาด เนื่องจากที่ผ่านมาสถาบันดาราศาสตร์หลายแห่งเปิดให้โปรแกรมประเภทนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะเดียวกันบริการโปรแกรมชมดาวแบบคิดค่าใช้จ่ายในขณะนี้ก็มีวางตลาดแล้ว ได้แก่ ซอฟต์แวร์ Starry Night ของบริษัท Imaginova โดยจำหน่ายในรูปโปรแกรมวิดเก็ท (widget) โปรแกรมขนาดจิ๋วสำหรับติดตั้งบนหน้าจอเดสก์ท็อป ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้เครื่องแมคอินทอชของแอปเปิลสามารถดาวน์โหลดไปติดตั้งได้ สำหรับกูเกิลสกาย เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ความสนใจด้านดาราศาสตร์ของประชากรอินเทอร์เน็ตเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2550 17:34 น.
-
กูเกิลขึ้นแท่นเว็บไซต์อันดับหนึ่ง พร้อมชิงส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
ปิเตอร์ รีเสิร์ช บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่มีต่อธุรกิจแก่ลูกค้า เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า เว็บไซต์กูเกิล เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดอินเทอร์เน็ต โดยได้รับความนิยมถึง 36% ตามมาด้วย ยาฮู 32% ขณะที่มายสเปซ ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อสังคมที่เติบโตเร็วที่สุด ได้รับความนิยมชื่นชอบถึง 32% ในกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี นอกจากนี้ อะเมซอน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ สั่งซื้อสินค้าได้รับความนิยม 20% และเว็บไซต์อีเบย์ที่เปิดให้ประมูลสินค้าทางออนไลน์ได้รับความนิยม 18% ตามด้วยเว็บไซต์ของบริษัทไมโครซอฟท์ 11% บริษัทเอโอแอล 7% และบริษัท แอ๊ปเปิ้ล 3%
ในการสำรวจครั้งนี้ จูปิเตอร์ รีเสิร์ช ได้ให้นักท่องอินเทอร์เน็ตระบุชื่อเว็บไซต์ที่ชอบที่สุด สองเว็บไซต์ และผลลัพธ์ที่ได้บ่งชี้ว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเป็นคนที่ภักดีต่อตราสินค้า โดยชื่นชอบเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งโดยเฉพาะ
ขณะเดียวกันมีผลสำรวจของบริษัทคอมสกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่สำรวจปริมาณการเข้าใช้เว็บไซต์ต่างๆ ระบุว่า ยาฮูได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่กูเกิล โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยาฮู มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 23% ขณะที่กูเกิลเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดมากถึง 55.2% แต่การสำรวจในปีนี้ได้เปลี่ยนวิธีการนับใหม่ โดยนอกจากจะนับปริมาณการใช้ของเสิร์ช เอ็นจิ้น อย่างเดียวแล้ว ยังนับเว็บไซต์ในเครือด้วย ซึ่งกูเกิลมีเว็บไซต์ในเครือมากกว่ายาฮู
วันเดียวกันนี้ กูเกิล เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้นในเทียนหยา ดอท ซีเอ็น เว็บไซต์ชุมชนชาวจีนแต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ โดยก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นของจีน รายงานว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ของกูเกิลมีสัดส่วนระหว่าง 10-60% เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากไป่ตู้ ดอทคอม เว็บไซต์สืบค้นข้อมูลของจีนที่มีส่วนแบ่งตลาดในช่วงไตรมาสสอง 58.1%
ที่มา : NOL-News Online : กรุงเทพธุรกิจ อัพเดต 23 สิงหาคม 2007 เวลา 08:53 น.
-
ฮิตาชิโชว์เทคโนฯจอ3มิติใหม่ ไม่ใช่แค่นูน แต่ภาพลอยได้ ฮิตาชิโชว์ตัวเทคโนโลยีจอสามมิติสมบูรณ์แบบใหม่ล่าสุด ใช้กระจก 12 ชิ้นเรียงกันเป็นทรงกรวยคว่ำเพื่อให้ภาพกราฟฟิกลอยเด่นออกมา ระบุว่าสามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาได้ มีแผนนำไปใช้เพื่อการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และงานนิทรรศการต่างๆ เรโกะ โอตสุกะ (Rieko Otsuka) นักวิจัยของฮิตาชิ (Hitachi) เป็นผู้สาธิตการทำงานของระบบแสดงภาพสามมิติใหม่ล่าสุดแก่สื่อมวลชนในห้องวิจัยของบริษัท ระบบดังกล่าวประกอบด้วยหน้าจอแอลซีดี (ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนฐาน) และหน้าจอกระจกทรงพีรามิดคว่ำ 12 ด้าน น้ำหนักโดยรวมราว 1 กิโลกรัม (2.2 ปอนด์) จากการสาธิต ภาพสามมิติจากหน้าจอแอลซีดีจะสะท้อนเข้ากับกระจกทั้ง 12 ด้านภายในพีระมิด ผลที่เกิดขึ้นคือภาพสามมิติลอยได้ซึ่งเป็นภาพเสมือนจริงที่สามารถมองได้ชัดเจนจากทุกมุมมองโดยไม่ต้องใช้แว่นตาพิเศษ ฮิตาชิเผยว่าเทคโนโลยีหน้าจอสามมิตินี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแสดงสิ่งของประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ หรือชิ้นงานศิลปะในนิทรรศการต่างๆ นักวิจัยของฮิตาชิระบุว่า หน้อจอน้ำหนัก 1 กิโลกรัมนี้สามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในอนาคตผู้บริโภคอาจจะสามารถมองเห็นภาพสามมิติลอยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ ขอบคุณภาพจากเอเอฟพี Company Related Links : Hitachi
-
ฮิตาชิโชว์เทคโนฯจอ3มิติใหม่ ไม่ใช่แค่นูน แต่ภาพลอยได้ ฮิตาชิโชว์ตัวเทคโนโลยีจอสามมิติสมบูรณ์แบบใหม่ล่าสุด ใช้กระจก 12 ชิ้นเรียงกันเป็นทรงกรวยคว่ำเพื่อให้ภาพกราฟฟิกลอยเด่นออกมา ระบุว่าสามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาได้ มีแผนนำไปใช้เพื่อการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และงานนิทรรศการต่างๆ เรโกะ โอตสุกะ (Rieko Otsuka) นักวิจัยของฮิตาชิ (Hitachi) เป็นผู้สาธิตการทำงานของระบบแสดงภาพสามมิติใหม่ล่าสุดแก่สื่อมวลชนในห้องวิจัยของบริษัท ระบบดังกล่าวประกอบด้วยหน้าจอแอลซีดี (ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนฐาน) และหน้าจอกระจกทรงพีรามิดคว่ำ 12 ด้าน น้ำหนักโดยรวมราว 1 กิโลกรัม (2.2 ปอนด์) จากการสาธิต ภาพสามมิติจากหน้าจอแอลซีดีจะสะท้อนเข้ากับกระจกทั้ง 12 ด้านภายในพีระมิด ผลที่เกิดขึ้นคือภาพสามมิติลอยได้ซึ่งเป็นภาพเสมือนจริงที่สามารถมองได้ชัดเจนจากทุกมุมมองโดยไม่ต้องใช้แว่นตาพิเศษ ฮิตาชิเผยว่าเทคโนโลยีหน้าจอสามมิตินี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแสดงสิ่งของประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ หรือชิ้นงานศิลปะในนิทรรศการต่างๆ นักวิจัยของฮิตาชิระบุว่า หน้อจอน้ำหนัก 1 กิโลกรัมนี้สามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในอนาคตผู้บริโภคอาจจะสามารถมองเห็นภาพสามมิติลอยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ ขอบคุณภาพจากเอเอฟพี Company Related Links : Hitachi
-
จูปิเตอร์เผย"กูเกิล-ยาฮู"แชมป์แบรนด์ออนไลน์
การสำรวจของบริษัทวิจัยจูปิเตอร์รีเสิร์ช (JupiterResearch) พบว่ากูเกิล (Google) และยาฮู (Yahoo) คือชื่อตราหรือแบรนด์ (brand) บนโลกออนไลน์อันดับหนึ่งในหัวใจผู้บริโภคชาวอเมริกัน ส่วนมายสเปช (MySpace) เป็นชื่อที่ครองใจนักท่องเน็ตรุ่นเยาว์มากที่สุด ผลการสำรวจของจูปิเตอร์รีเสิร์ชครั้งนี้ได้แก่ กว่า 36 เปอร์เซ็นต์ลงคะแนนให้กูเกิลในฐานะยี่ห้อออนไลน์ที่ชื่นชอบที่สุด รองลงมาคือยาฮูที่ได้คะแนนไป 32 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์โตเร็วอย่างมายสเปช ครองใจนักท่องเน็ตวัยรุ่น (อายุ 18-24 ปี) กว่า 32 เปอร์เซ็นต์ที่เทคะแนนให้อย่างท่วมท้น ด้านแบรนด์ออนไลน์ยักษ์ใหญ่อื่นๆอย่างอเมซอน (Amazon) มีผู้ลงคะแนนให้ราว 20 เปอร์เซ็นต์ อีเบย์ (eBay) 18 เปอร์เซ็นต์ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) กลับมีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ เอโอแอล (AOL) 7 เปอร์เซ็นต์ และแอปเปิล (Apple) ที่มีราว 3 เปอร์เซ็นต์ จูปิเตอร์ให้ข้อมูลว่า ทำการสำรวจโดยให้กลุ่มตัวอย่างบอกชื่อ 2 แบรนด์ออนไลน์ที่ชื่นชอบที่สุด โดยอธิบายว่าผลการสำรวจที่ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์หรือบริการออนไลน์ใด ซึ่งข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนักการตลาด "ในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคได้รับข่าวสารมากมายต่อวัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักการตลาดกำลังพยายามมองหาช่องทางระบุกลุ่มเป้าหมายให้การโฆษณาของตัวเองมีประสิทธิภาพมากขึ้น" David Schatsky ประธานจูปิเตอร์รีเสิร์ชกล่าว ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2550 15:26 น.
-
คลอดแล้ว แอลซีดีทีวีบางเบาที่สุดในโลกจากชาร์ป
ชาร์ปประกาศความสำเร็จในการพัฒนาทีวีแอลซีดีที่เบาและบางที่สุดในโลก ไม่ได้มีแค่จุดเด่นเรื่องขนาดและรูปร่างแต่ยังมาพร้อมภาพความละเอียดสูง ทุบสถิติโลกตบท้ายก่อนจะเข้าสู่ยุคการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทีวีโอแอลอีดีอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมีจุดเด่นเรื่องความบางและคมชัดกว่า ต้นแบบแอลซีดีทีวีบางที่สุดในโลกของชาร์ปนั้นมีขนาดกว้าง 52 นิ้ว บาง 20 มิลลิเมตร น้ำหนัก 25 กิโลกรัม ถือเป็นสถิติใหม่จากรุ่นก่อนหน้าที่ชาร์ปเคยผลิตทีวีแอลซีดีได้บางที่สุดราว 81 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 35 กิโลกรัม โดยชาร์ปการันตีว่าขนาดและน้ำนักที่ลดลงทำให้แอลซีดีทีวีบางเฉียบสามารถประหยัดพลังงานได้ดีกว่าแอลซีดีทีวีทั่วไปที่วางจำหน่ายในตลาดขณะนี้ เนื่องจากใช้พลังไฟน้อยกว่าราวครึ่งหนึ่ง ชาร์ปนั้นมีดีกรีเป็นผู้ผลิตทีวีแอลซีดีอันดับสามตามหลังยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุงและโซนี่ สำหรับราคาประมาณการที่ชาร์ปวางไว้สำหรับแอลซีดีรุ่นใหม่นี้ยังไม่มีการเปิดเผย โดยชาร์ประบุเพียงว่าตั้งเป้าเริ่มผลิตทันทีที่โรงงานแอลซีดีแห่งใหม่ในจังหวัดซาไก ภาคตะวันตกของญี่ปุ่นสามารถเปิดสายการผลิตอย่างเต็มตัวในเดือนมีนาคม 2010 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของคู่แข่งอย่างโซนี่ คือการประกาศแผนเริ่มวางจำหน่ายทีวีโอแอลอีดี (OLED) ภายในปลายปีนี้ โซนี่ประกาศแผนนี้ในเดือนเมษายน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าการแข่งขันในตลาดทีวีจอแบนกำลังจะคึกคักเพราะการเริ่มต้นยุคเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะมาแทนคลื่นลูกเดิม งานนี้ชาร์ปยังนำทีวีโอแอลอีดีขนาด 11 นิ้ว และ 27 นิ้ว รุ่นใหม่มาแสดงด้วย ซึ่งเป็นผลงานที่ชาร์ปสามารถพัฒนาให้มีขนาดบางเพียง 3 มิลลิเมตรได้ในช่วงไม่นานมานี้ โดยหลังการแถลงข่าวของชาร์ป มูลค่าหุ้นชาร์ปในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเพิ่มขึ้นราว 0.76 เปอร์เซ็นต์
ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์ 23 สิงหาคม 2550 10:24 น.
-
ผู้บริโภคเฮ ซีอีโอไมโครซอฟท์-ซิสโก้จับมือปลดล็อก
สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์ และจอห์น ชาร์มเบอร์ส ประธานบริษัทซิสโก้ ควงแขนขึ้นเวทีอภิปรายทิศทางอนาคตเทคโนโลยีในมุมมองของแต่ละคนที่เมืองนิวยอร์ก งานนี้ทั้งสองถกกันถึงแผนการ"ปลดล็อก"เพื่อให้โปรแกรมซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์และโซลูชันเครือข่ายของซิสโก้สามารถทำงานร่วมกันได้ ยกระดับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ดีขึ้น เวทีนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่หลังจากที่เมื่อสามปีก่อน ซิสโก้ซิสเต็มส์ (Cisco Systems) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดตัวผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยออกมาชนกัน และแข่งขันกันอย่างเปิดเผยมาโดยตลอด จุดนี้ทั้ง 2 แม่ทัพระบุว่าแม้จะเป็นคู่แข่งกันในหลายตลาด แต่ก็พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่า ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองค่ายจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น สิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคเกิดแรงจูงใจในการผสมผสานและจับคู่เฉพาะเทคโนโลยีบางตัวของแต่ละค่ายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เชื่อว่าจะเป็นอีกขั้นที่ทำให้ตลาดไอทีโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2550 15:45 น
-
ดูดาวด้วยเมาส์"กับ Google Sky กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว กูเกิลสกาย (Google Sky) โปรแกรมเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการสำรวจท้องฟ้าให้กับบริการท่องโลกสามมิติ "กูเกิลเอิร์ธ(Google Earth)" ได้อย่างสร้างสรรค์ เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถชื่นชมความงามของดวงดาวหลายล้านดวงและกว่า 200 ล้านกาแล็กซีได้เพียงคลิกเมาส์ "ก็สามารถใช้กูเกิลเอิร์ธชมภาพบนอวกาศได้" ผู้ใช้กูเกิลสกายจะต้องติดตั้งโปรแกรมกูเกิลเอิร์ธบนคอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นจึงสามารถคลิกซูมเพื่อชมท้องฟ้าในส่วนที่ต้องการในระยะใกล้ สามารถคลิกปุ่มเพื่อหมุนมุมมองการชมได้ไม่ต่างจากกูเกิลเอิร์ธ โดยภาพดาวดวงที่ปรากฏจะเป็นภาพท้องฟ้าในวันและเวลานั้นๆ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถนำภาพกาแล็กซี่ กลุ่มดาว หรือภาพข้อมูลดาราศาสตร์อื่นๆจากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล มาวางทับบนภาพท้องฟ้าเพื่อจำลองเหตุการณ์หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ตามต้องการโปรแกรมประเภทนี้ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับกูเกิลสกาย เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ความสนใจด้านดาราศาสตร์ของประชากรอินเทอร์เน็ตเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์22 สิงหาคม 2550 17:34 น.
-
จุดเปลี่ยนไฟล์แนบอีเมลขยะ เปลี่ยนจากรูปภาพไปเป็นPDF-Excel-Word ไซแมนเทคแถลงสถานการณ์อีเมลขยะล่าสุด ระบุจำนวนสแปมเมลที่แนบไฟล์รูปภาพในขณะนี้เริ่มลดลงสวนทางกับอีเมล์ขยะที่แนบไฟล์พีดีเอฟที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตือนภัยอย่าวางใจไฟล์เอ็กเซลและไมโครซอฟท์เวิร์ดเนื่องจากทั้งสองฟอร์แม็ตคือแนวโน้มอีเมลขยะแบบใหม่ที่คาดว่าจะแพร่ระบาดในอนาคต ไซแมนเทค (Symantec) รายงานสถานการณ์ของอีเมล์ขยะประจำเดือนสิงหาคม 2550 ว่ามีจำนวนใกล้เคียงกับผลสำรวจที่ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระดับปริมาณอีเมล์ขยะอยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ หมดยุคใช้รูป ไซแมนเทคระบุว่าอีเมล์ขยะมีการใช้กลยุทธ์รูปแบบใหม่ โดยอีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพมาพร้อมในอีเมล์ (Image spam) มีจำนวนลดลงอยู่ที่สัดส่วน 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ลดลงราว 52 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในขณะที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ (PDF Spam) มียอดที่สูงขึ้น จุดนี้นางภัทราภา หงส์คำดี ที่ปรึกษาทางเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการปรับปรุงกลยุทธ์ใหม่ของนักส่งอีเมลขยะ หลังจากที่ผู้จำหน่ายโปรแกรมดักจับอีเมลขยะ (anti spam) มากมายสามารถตรวจสอบและคัดกรองอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ "เหตุผลที่อีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพเริ่มลดปริมาณลง คือผู้จำหน่ายโปรแกรมแอนตี้สแปมจากค่ายต่างๆ สามารถป้องกันการจู่โจมจากอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยทำให้บรรดาสแปมเมอร์ทั้งหลายหันมาใช้วิธีอื่นๆแทน โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่ง คือ ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไซแมนเทคได้สังเกตเห็นว่าเริ่มมีตัวอย่างของอีเมล์ขยะแรกที่อาศัยวิธีลอกเลียนแบบ Google Blogs Alert ด้วย" นอกจากนี้ ในรายงานยังได้ระบุถึงประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายประเด็น โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ "อีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้น คิดเป็นปริมาณ 2 – 8 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ ไม่น่าประหลาดใจเลยที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟมีปริมาณสูงขึ้น เพราะผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตและองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายแบบเดียวกันกับอีเมล์ขยะที่แนบรูปภาพ เช่น การถอดรหัสยาก และไฟล์มีขนาดใหญ่กว่าอีเมล์โดยเฉลี่ยในระบบทั้งหมดถึงสองเท่า” นางภัทราภา กล่าว ไซแมนเทคระบุว่าบรรดาสแปมเมอร์เริ่มนำไฟล์เอ็กเซล (Excel) และไฟล์บีบอัด (Zip file) มาใช้มากขึ้น โดยยังคงชื่นชอบการส่งอีเมล์ขยะที่แนบติดมากับการ์ดอวยพร จากผลรายงานการสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวอย่างประจำเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาของไซแมนเทคพบปริมาณอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทการ์ดอวยพรมากกว่า 250 ล้านฉบับ “แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายคืออีเมล์ขยะจากไฟล์แนบ (attachment spam) และไซแมนเทค คาดการณ์ว่าสแปมเมอร์ จะหันมาใช้งานอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทไมโครซอฟท์เอ็กเซล, ไมโครซอฟท์เวิร์ด และไฟล์บีบอัด มากขึ้นในเร็วๆ นี้” สำหรับอีเมล์ขยะที่อ้างโดเมนเนมระดับบน (top level domains name) ก็มีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะ .cn ที่เป็นโดเมนเนมของประเทศจีน รวมถึง .hk สำหรับฮ่องกง และที่สำคัญ ไซแมนเทคย้ำว่าผู้ใช้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในการสื่อสารโต้ตอบผ่านทางอีเมล์ที่ขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น Company Related Links : Symantec
-
Edited - โซนี่ (Sony) บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเผยโฉมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำยุค มาในรูปเซลล์แบตเตอรี่ชีวภาพที่ใช้น้ำตาลในการสร้างกระแสไฟฟ้า โดยสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้สูง 50 มิลลิวัตต์ ยังไม่มีการเปิดเผยแผนการผลิตเต็มรูปแบบในขณะนี้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ชีวภาพรสหวานนี้มาในรูปลูกบาศก์ขนาด 39 มิลลิเมตร์สี่ชิ้นติดกัน กระแสไฟ 50 มิลลิวัตต์สำหรับใช้กับเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล โซนี่ให้ข้อมูลว่า กลูโคสในน้ำตาลถูกนำมาใช้แทนเชื้อเพลิง โดยในวีดีโอสาธิตมีการนำเอาเครื่องดื่มเกลือแร่ผสมกลูโคสสำหรับนักกีฬามาใช้เป็นเชื้อเพลิงด้วย ผลที่เกิดขึ้นคือพัดลมขนาดเล็กสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์28 สิงหาคม 2550 14:33 น.
-
นักวิจัยของ Purdue พัฒนาเทคโนโลยึการผลิตไฮโดรเจนรูปแบบใหม่ นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Purdue ซึ่งมีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมกำลังขยักเขย้นกับงานวิจัยที่พวกเขาคาดว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าของเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนที่สมบูรณ์แบบ หลังจากที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี ตามข้อมูลของนักวิจัยแจ้งว่า เทคโนโลยีนี้จะเป็นแหล่งพลังงานใหม่ที่ปราศจากมลพิษ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งสามารถผลิตไฮโดรเจนได้ตามที่ต้องการ (hydrogen on demand) อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับวิธีการนั้น นักวิจัยจะเติมน้ำเข้าไปในอัลลอยด์ที่ผสมระหว่างอลูมิเนียมและแกลเลียม ซึ่งจะแยกออกซิเจนออกจากน้ำ ทำให้เหลือแต่เพียงไฮโดรเจนเท่านั้น การพัฒนาล่าสุดให้ความสนใจไปยังรูปแบบใหม่ของอัลลอยด์ที่พัฒนามากขึ้นให้สามารถเพิ่มความเข้มข้นของอลูมิเนียมให้สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้การเกิดปฏิกิริยาในการสกัดไฮโดรเจนออกจากน้ำได้รวดเร็วขึ้น
ที่มา : 29 สิงหาคม 2007 เวลา 08:37 น.
-
เบาที่สุดในโลก ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิค อวดโฉมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุด “ฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ก T2010” ขนาด A4 เบาบางที่สุดในโลก น้ำหนักเพียง 1.49 กิโลกรัม จอแอลซีดีขนาด 12.1 นิ้ว แบตเตอรรี่ชนิด 6 เซลล์ สามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำงานในระหว่างเดินทาง มีอุปกรณ์ตรวจจับการสั่นสะเทือนแบบ 3 แกน ทำให้กลายเป็นเพื่อนเดินทางขนาดเหมาะมือ ดีไซน์เรียบวาวมันเพิ่มความหรูหรา ใช้เทคโนโลยีจดจำลายนิ้วมือช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เพียงรูดลายนิ้วมือที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้ได้ในพริบตา ราคา 69,900 บาท พร้อมทั้งมาตรฐานการรับประกัน 3 ปี วันที่ 22 สิงหาคม 2550
-
เอเซอร์เท700ล้านดอลล์ซื้อเกตเวย์ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2550 19:35 น. เอเซอร์ (Acer) ผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไต้หวันประกาศพร้อมซื้อกิจการบริษัทเกตเวย์ (Gateway) บริษัทคู่แข่งสัญชาติสหรัฐแบบเต็มตัว เบ็ดเสร็จ 710 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ผลจากการซื้อบริษัทระดับโลกอย่างเกตเวย์ช่วยให้เอเซอร์เพิ่มส่วนแบ่งตลาดและผงาดขึ้นเป็นผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีอันดับสามของตลาดโลกได้สำเร็จ เขี่ยลีโนโวตกไปอยู่อันดับสี่อย่างคาดไม่ถึง เม็ดเงิน 710 ล้านเหรียญนั้นคำนวณโดยตีราคาหุ้นเกตเวย์ที่ 1.9 เหรียญต่อหุ้น เหนือกว่าราคาปิดตลาดหุ้นที่ระดับ 1.21 เหรียญเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมถึง 57 เปอร์เซ็นต์ เจ.ที. หวัง (J.T. Wang) ประธานเอเซอร์ให้สัมภาษณ์ว่าการซื้อกิจการเกตเวย์ถือเป็นดีลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเอเซอร์ โดยการซื้อเกตเวย์ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของเอเซอร์ก้าวกระโดดไปอยู่ที่อันดับสามทันที ลีโนโวกระเด็น เอชพีหรือ Hewlett-Packard ยังคงเป็นที่หนึ่งของตลาดคอมพิวเตอร์พีซีโลก ขณะที่อันดับสองคือเดลล์ (Dell) ไม่เปลี่ยนแปลง การประกาศซื้อกิจการเกตเวย์ทำให้อันดับสามเปลี่ยนมือจากลีโนโว (Lenovo) ไปเป็นเอเซอร์โดยปริยาย แม้ว่าที่ผ่านมาลีโนโวจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน่าทึ่ง จุดนี้นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ (Gartner) เชื่อว่าศักยภาพของลีโนโวจะไม่ได้รับผลกระทบ แม้ลีโนโวจะถูกลดฐานะไปอยู่ที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีอันดับ 4 ของโลก คาดว่าจะสามารถผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตต่อปีในสถิติที่เหนือกว่าต่อไปเรื่อยๆ ลีโนโวนั้นเคยทุ่มเงินถึง 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อกิจการคอมพิวเตอร์พีซีจากยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) ในปี 2004 ผลจากการซื้อครั้งนั้นส่งให้ลีโนโวทะยานจากแบรนด์โนเนมมาอยู่ที่อันดับสามของโลกได้ในพริบตาเดียว สำหรับศักยภาพของเกตเวย์ รายได้ประจำปีการเงินล่าสุดคือ 1.5 หมื่นล้านเหรียญ ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซี 20 ล้านเครื่องต่อปี เพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านเครื่องในปีก่อนหน้า ถูกจัดเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายพีซีรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ แบรนด์ใหม่เกิด จุดแข็งของเกตเวย์ในพื้นที่ตลาดสหรัฐฯทำให้เอเซอร์วางแผนเปิดตัวพีซีแบรนด์ใหม่สำหรับทำตลาดทั่วโลก ด้านตัวแทนของเกตเวย์มองว่าความได้เปรียบเรื่องส่วนผสมทางการตลาดและภูมิศาสตร์ของเกตเวย์ จะส่งให้เอเซอร์แข็งแกร่งทั้งในตลาดยุโรปและเอเชีย เนื่องจากที่ผ่านมา ชื่อเอเซอร์ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้การบุกตลาดยุโรปไม่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่อย่างเอชพีหรือเดลล์ได้เต็มที่ ก่อนหน้านี้ เอเซอร์ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งกับลีโนโวในการเข้าซื้อกิจการของแพคการ์ดเบลล์ (Packard Bell) หนึ่งในผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีชั้นนำของตลาดยุโรป โดยดีลนี้ถูกประกาศในช่วงหลังปิดตลาดหุ้นแล้ว มูลค่าหุ้นของเอเซอร์จึงยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยลดลงราว 1.20 เหรียญไต้หวันไปปิดที่ 63.60 เหรียญไต้หวัน (ราว 64 บาท)
-
จุดเปลี่ยนไฟล์แนบอีเมลขยะ เปลี่ยนจากรูปภาพไปเป็นPDF-Excel-Word โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 สิงหาคม 2550 05:19 น. ไซแมนเทคแถลงสถานการณ์อีเมลขยะล่าสุด ระบุจำนวนสแปมเมลที่แนบไฟล์รูปภาพในขณะนี้เริ่มลดลงสวนทางกับอีเมล์ขยะที่แนบไฟล์พีดีเอฟที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตือนภัยอย่าวางใจไฟล์เอ็กเซลและไมโครซอฟท์เวิร์ดเนื่องจากทั้งสองฟอร์แม็ตคือแนวโน้มอีเมลขยะแบบใหม่ที่คาดว่าจะแพร่ระบาดในอนาคต ไซแมนเทค (Symantec) รายงานสถานการณ์ของอีเมล์ขยะประจำเดือนสิงหาคม 2550 ว่ามีจำนวนใกล้เคียงกับผลสำรวจที่ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระดับปริมาณอีเมล์ขยะอยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ หมดยุคใช้รูป ไซแมนเทคระบุว่าอีเมล์ขยะมีการใช้กลยุทธ์รูปแบบใหม่ โดยอีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพมาพร้อมในอีเมล์ (Image spam) มีจำนวนลดลงอยู่ที่สัดส่วน 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ลดลงราว 52 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในขณะที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ (PDF Spam) มียอดที่สูงขึ้น จุดนี้นางภัทราภา หงส์คำดี ที่ปรึกษาทางเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการปรับปรุงกลยุทธ์ใหม่ของนักส่งอีเมลขยะ หลังจากที่ผู้จำหน่ายโปรแกรมดักจับอีเมลขยะ (anti spam) มากมายสามารถตรวจสอบและคัดกรองอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ "เหตุผลที่อีเมล์ขยะประเภทที่แนบรูปภาพเริ่มลดปริมาณลง คือผู้จำหน่ายโปรแกรมแอนตี้สแปมจากค่ายต่างๆ สามารถป้องกันการจู่โจมจากอีเมล์ขยะประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยทำให้บรรดาสแปมเมอร์ทั้งหลายหันมาใช้วิธีอื่นๆแทน โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่ง คือ ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไซแมนเทคได้สังเกตเห็นว่าเริ่มมีตัวอย่างของอีเมล์ขยะแรกที่อาศัยวิธีลอกเลียนแบบ Google Blogs Alert ด้วย" นอกจากนี้ ในรายงานยังได้ระบุถึงประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายประเด็น โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟ "อีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้น คิดเป็นปริมาณ 2 – 8 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอีเมล์ทั้งหมดในระบบ ไม่น่าประหลาดใจเลยที่ปริมาณของอีเมล์ขยะประเภทพีดีเอฟมีปริมาณสูงขึ้น เพราะผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตและองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายแบบเดียวกันกับอีเมล์ขยะที่แนบรูปภาพ เช่น การถอดรหัสยาก และไฟล์มีขนาดใหญ่กว่าอีเมล์โดยเฉลี่ยในระบบทั้งหมดถึงสองเท่า” นางภัทราภา กล่าว ไซแมนเทคระบุว่าบรรดาสแปมเมอร์เริ่มนำไฟล์เอ็กเซล (Excel) และไฟล์บีบอัด (Zip file) มาใช้มากขึ้น โดยยังคงชื่นชอบการส่งอีเมล์ขยะที่แนบติดมากับการ์ดอวยพร จากผลรายงานการสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวอย่างประจำเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาของไซแมนเทคพบปริมาณอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทการ์ดอวยพรมากกว่า 250 ล้านฉบับ “แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายคืออีเมล์ขยะจากไฟล์แนบ (attachment spam) และไซแมนเทค คาดการณ์ว่าสแปมเมอร์ จะหันมาใช้งานอีเมล์ขยะที่มีไฟล์แนบประเภทไมโครซอฟท์เอ็กเซล, ไมโครซอฟท์เวิร์ด และไฟล์บีบอัด มากขึ้นในเร็วๆ นี้” สำหรับอีเมล์ขยะที่อ้างโดเมนเนมระดับบน (top level domains name) ก็มีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะ .cn ที่เป็นโดเมนเนมของประเทศจีน รวมถึง .hk สำหรับฮ่องกง และที่สำคัญ ไซแมนเทคย้ำว่าผู้ใช้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในการสื่อสารโต้ตอบผ่านทางอีเมล์ที่ขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น
-
เครื่องทำลายข้อมูลในซีดี
ไม่ต้องทำลายแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลสำคัญด้วยตนเอง
บ่อยครั้งที่คุณเขียนแผ่นซีดีแล้วเสีย หรือไม่ก็เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ และถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรกำจัดซีดีเหล่านี้ทิ้ง ซึ่งก็มักจะใช้วิธีกรีดหรือถูเพื่อให้แผ่นซีดีเป็นรอยด้วยตนเอง ตอนนี้คุณมีผู้ช่วยสำหรับงานนี้แล้วนั่นคือ CD Destroyer โดยอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานกับแผ่นดีวีดีได้เช่นเดียวกัน
อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยเหล็กคาร์บอน 3 ชุดซึ่งมากพอที่จะทำลายผิวหน้าของแผ่นได้ทั้งหมดในเวลา 5 วินาที ด้วยขนาด 60 x 120 x 50มม. และหนักเพียง 130 กรัม โดยต่อเข้ากับพอร์ตยูเอสบี สนนราคาขายที่ 29 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบไม่ได้กับมูลค่าของข้อมูลในแผ่น ถ้าเกิดสูญหายหรือรั่วไหลออกไป
ที่มา : http://www.rssthai.com อัพเดต 3 กันยายน 2007
-
ทางแก้ปัญหาเข้าใช้ Hotmail ไม่ได้ โดย ผู้จัดการออนไลน์16 สิงหาคม 2550 16:38 น. เสียงร้องเรียนจากกลุ่มสมาชิกบริการฟรีอีเมลชื่อดัง Hotmail.com ของไมโครซอฟท์เริ่มหนาหู เนื่องจากผู้ใช้บางรายไม่สามารถเข้าสู่หน้าเว็บเพจได้ตามปกติ ทางแก้เบื้องต้นคือให้เข้าเช็คเมลจากบริการ Livemail ใน MSN ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้ารายละเอียดปัญหาจากทางไมโครซอฟท์ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ทุกคน หลายคนไม่พบหน้าเซิร์ฟเวอร์ขัดข้องเนื่องจากหน้าเว็บเพจวิ่งไปที่ http://mail.live.com โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การใช้งานอีเมลทำได้ตามปกติ ดังนั้นหากผู้ใช้รายใดยังคงไม่สามารถเช็คอีเมล ขอแนะนำให้เข้าที่ http://mail.live.com/ หรือบริการ LiveMail ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นบริการของไมโครซอฟท์เช่นเดียวกับ Hotmail ยังมีอีก 2 วิธีที่สามารถทำได้คือ ผู้ใช้สามารถพิมพ์ hotmail.com ที่แอดเดรสบาร์แล้วกด Enter โดยไม่ต้องพิมพ์ www. ผลที่เกิดขึ้นคือหน้าเว็บ Hotmail ที่คุ้นเคย วิธีที่ 2 มาจากความคิดเห็นที่ 12 หรือคุณ pee_222@hotmail.com แนะนำให้เริ่มแก้ไขโดยเลือก menu Tools ของ IE จากนั้นไปที่ Internet Options เลือกปุ่ม Languages คลิกที่ Thai แล้วกดปุ่ม Remove แล้วกดตกลง เมื่อเข้าสู่ www.hotmail.com อีกครั้งจะสามารถใช้งาน Hotmail ได้ตามปกติ เบื้องต้น ประชาสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์ระบุว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดในวงกว้าง เนื่องจากผู้ใช้หลายคนยังคงสามารถใช้งานฮอตเมลได้ตามปกติ โดยขณะนี้ยังไม่พบความเป็นไปได้ของสาเหตุที่ทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ใช้บางราย โดย ผู้จัดการออนไลน์:16 สิงหาคม 2550 16:38 น.
-
นักวิเคราะห์ชี้ "ปาล์ม-โมโตโรลา" รับผลไอโฟนลดราคา โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 กันยายน 2550 22:00 น. "ปาล์ม-โมโตโรลา" จ่อคิวเสียหายหนัก หลังแอปเปิ้ลประกาศลดราคาไอโฟนลงเหลือเพียง 399 เหรียญสหรัฐ จากเดิมที่เคยตั้งราคาไว้สูงถึง 599 เหรียญสหรัฐ ซึ่งในระดับราคาดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มราคาเดียวกันกับโทรศัพท์มือถือ Razr2 ของโมโตโรลา และ ปาล์ม ทรีโอ ไบรอัน โมดอฟฟ์ นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า "การกระทำเช่นนี้ถือว่าส่งผลต่อปาล์มมาก เพราะการลดราคาไอโฟนลงมาเหลือ 399 เหรียญสหรัฐ ทำให้ผู้บริโภคอดเปรียบเทียบคุณสมบัติของไอโฟนกับปาล์มทรีโออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" สำหรับค่ายปาล์ม ปัจจุบันถือว่ามียอดขายในตลาดไม่โดดเด่นเท่าที่ควร โดยจะจำกัดกลุ่มลูกค้าของตนเองอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ซึ่งยอดขายในปีล่าสุด (ก.ค.06 - มิ.ย.07) อยู่ที่ 2.7 ล้านเครื่องเท่านั้น และอุปกรณ์รุ่นทรีโอ (ราคาขายของค่ายเวอไรซอน ไวร์เลส อยู่ที่ 399 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ค่ายสปรินท์ เน็กซ์เทลขายอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ แต่ต้องเซ็นสัญญาระยะยาว) ก็มักเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นองค์กรธุรกิจเพื่อใช้ในการรับ - ส่งอีเมล และเล่นอินเทอร์เน็ตมากกว่าเน้นกลุ่มคอนซูเมอร์ จากปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลให้ปาล์มหาทางแก้มือด้วยการพัฒนาอุปกรณ์รุ่นโลว-เอนด์หวังนำมาสร้างรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นั่นคือที่มาของการเตรียมเปิดตัวอุปกรณ์รุ่น Centro ที่คาดว่าจะมีงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Centro คือราคาขาย 99 เหรียญสหรัฐ เน้นเจาะกลุ่มตลาดล่างมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายยังเชื่อว่า การปรับลดราคาของไอโฟนในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อยักษ์ใหญ่โนเกีย ซัมซุง และแอลจีมากนัก เนื่องจากค่ายเหล่านี้มีโปรดักส์ที่โดดเด่นอยู่หลายตัว และอาจหาช่องทางทำตลาดกับลูกค้าได้แตกต่างกันไป ตรงกันข้ามกับปาล์มที่มีโปรดักส์ในมือให้เลือกไม่มาก และเมื่อมีคู่แข่งรายใหม่อย่างไอโฟนเข้ามาเจาะตลาดเพิ่ม จึงหลีกเลี่ยงปัญหาการเจ็บตัวยาก หันมาที่ยักษ์ใหญ่อีกรายที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับลดราคาของไอโฟนอย่างโมโตโรลา เหตุที่โมโตโรลาติดโผในครั้งนี้ด้วยเป็นเพราะผลประกอบการของบริษัทที่ยังอยู่ในระยะลูกผีลูกคน ตรงข้ามกับในอดีตที่เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงในเครื่องรุ่น Razr แม้ทางบริษัทจะแก้ตัวด้วยการส่ง Razr2 ลงตลาดสหรัฐอเมริกาแล้วก็ตาม ลอเรนซ์ แฮร์ริส นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer กล่าวว่า "โทรศัพท์มือถือไอโฟนสะท้อนได้ถึงภาพลักษณ์ที่เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมได้มากกว่า Razr2 ขณะที่ความแตกต่างด้านคุณสมบัติระหว่างสองรุ่นนี้จัดว่าค่อนข้างน้อย แรงกดดันจึงตกอยู่กับโมโตโรลา เพราะพวกเขาจะต้องหาทางเสริมภาพลักษณ์ให้กับโทรศัพท์ใหม่ในเร็ววัน" นอกจากนั้น นักลงทุนยังเฝ้ารอวัน Analyst Day ที่โมโตโรลาจะจัดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ด้วยใจจดจ่อ เพราะพวกเขาหวังจะได้ทราบถึงแผนการพัฒนาโทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมระบบทัชสกรีนด้วย
-
ญี่ปุ่นโชว์ตู้เย็นหลอดไฟแอลอีดีลดแบคทีเรีย Edited - มัตสึชิตะอิเล็กทริกอินดรัสเทรียลโชว์ตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ล่าสุด นำเอาหลอดไฟแอลอีดีมาประยุกต์ใช้จนสามารถพัฒนาเป็นเทคโนโลยีลดการเกิดแบคทีเรียในตู้เย็นได้สำเร็จ ระบุว่าจะสามารถวางตลาดได้ในช่วงเดือนตุลาคม มัตสึชิตะ (Matsushita Electric Industrial) ให้ชื่อเรียกตู้เย็นรุ่นนี้ว่า "Compact-big" เป็นตู้เย็น 6 ประตูความจุสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอย ได้รับการการันตีว่าเป็นตู้เย็นที่ติดตั้งเทคโนโลยีลดอัตราการเกิดแบคทีเรียรุ่นแรกของโลก เทคโนโลยีดังกล่าวประกอบด้วยการนำแผ่นกรองซิลเวอร์ไอออน (silver ion filter) และหลอดไฟแอลอีดีชนิดสีฟ้า จากการทดสอบพบว่าทั้งสองส่วนประกอบสามารถลดการเกิดแบคทีเรียในตู้เย็นได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ มัตสึชิตะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการจำหน่ายใดๆนอกจากกำหนดการที่วางไว้ในช่วงเดือนตุลาคม ยังไม่มีรายงานด้านราคาในขณะนี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์
-
ชมโฉมหุ่นยนต์เครื่องเล่นเพลงทรงไข่เต้นได้จากโซนี่ โซนี่เปิดตัวหุ่นยนต์เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลสุดเก๋นาม "Rolly" ฝังหน่วยความจำความจุ 1GB พร้อมลำโพงระบบสเตอริโอในตัว สามารถเต้นและกระพือฝาเปิดปิดลำโพงได้ตามจังหวะเพลง หุ่นยนต์คึกคักน่ารักน่าชังนี้ยังไม่มีรายงานข้อมูลราคา แต่มีมีกำหนดการวางจำหน่ายในปลายเดือนกันยายนนี้ โรลลี่นั้นมีรูปทรงไข่เส้นผ่านศูนย์กลางราว 6.5 ซม. ความสูง 10.4 ซม. สามารถรองรับทั้งไฟล์เพลงนามสกุล MP3, ATRAC และ AAC ลีลาการเต้นของโรลลี่นั้นสามารถตั้งโปรแกรมให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของได้ โดยจังหวะดนตรีจะมีผลต่อการหมุนและการกระพือปีกซึ่งมีไว้สำหรับเปิดปิดลำโพง สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายโซนี่ตั้งไว้ที่ 29 กันยายนนี้ จากผู้จัดการออนไลน์
-
7212 เปิดตัวยานเหาะ สิ่งประดิษฐ์หนีรถติด
บริษัทในสหรัฐเปิดตัวยานเหาะ ยวดยานในอนาคตที่เหมาะสำหรับเดินทางท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
บริษัท มอลเลอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในเมืองเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เตรียมวางจำหน่ายยานเหาะ M200G ในอีกไม่กี่เดือน ในราคาลำละ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 ล้านบาท) ตั้งเป้าจะขยายการผลิตให้ได้ปีละ 250 คัน พร้อมกับคุยว่าขับง่าย มีที่ให้เหยียดขาได้สบาย มี 2 ที่นั่ง ยานขึ้นลงในแนวดิ่งเหมือนเฮลิคอปเตอร์ บินได้สูงจากพื้นดิน 10 ฟุต (ราว 3 เมตร) เพราะหากบินสูงกว่านี้จะต้องขอใบอนุญาตขับขี่ในฐานะนักบิน อย่างไรก็ดี ปัญหาที่ยังติดขัดอยู่ คือ ทางบริษัทฯ ยังไม่ทราบว่าจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานใด ระหว่างสำนักงานบริหารการบินกลาง หรือกระทรวงการคมนาคม เจ้าของความคิด คือ ดร.พอล มอลเลอร์ วิศวกรอากาศยาน เขาเชื่อว่า ทางหลวงทางอากาศจะช่วยลดความแออัดของการจราจรบนถนนลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่เรายังใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า คณะทำงานของเขาได้ทดสอบยานเหาะต้นแบบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง ยานเหาะนี้ใช้เครื่องยนต์ 8 ตัว ใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเอทานอล นอกจากใช้เดินทางหนีการจราจรติดขัดแล้ว ยังใช้ในงานกู้ภัยและตรวจตราเรือกสวนไร่นาได้
2007-09-03 19:53:47 By MCOT
-
จีนเตือนระวังอี-การ์ดไหว้พระจันทร์แฝงไวรัส จีนประกาศเตือนภัยนักท่องอินเทอร์เน็ตให้ระมัดระวังการดาวน์โหลดอี-การ์ดอวยพรในเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นอาจติดเชื้อไวรัสเข้าอย่างไม่รู้ตัว คำเตือนนี้ถูกประกาศโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมอินเทอร์เน็ตมณฑลกวางตุ้ง เป็นการประกาศเตือนเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการปล่อยไวรัสโจมตีระบบอินเทอร์เน็ตช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ทั้งกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไป ทางการจีนระบุว่าผู้ใช้ควรสแกนไฟล์ทุกครั้งก่อนดาวน์โหลดข้อมูลใดๆจากอินเทอร์เน็ต เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น ชาวจีนนั้นมีธรรมเนียมส่งขนมไหว้พระจันทร์ให้กันในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ล่าสุดการส่งขนมไหว้พระจันทร์อิเล็กทรอนิกส์กำลังเป็นที่นิยมในนักท่องอินเทอร์เน็ตแดนมังกร เนื่องจากมีความประหยัดและปลอดภัยกว่าขนมหวานตัวจริง โดยลำพังในมณฑลกวางตุ้ง มีขนมไหว้พระจันทร์เพียง 85 เปอร์เซ็นต์ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ อีกกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ยังเป็นพื้นที่สีเทาที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย โดย ผู้จัดการออนไลน์14 กันยายน 2550 14:43 น.
-
เสียงสัญญาณไฟฟ้าช่วยให้เกิดบ้านอัจฉริยะ
ถ้าคุณกำลังเริ่มปรับปรุงบ้าน โดยการติดตั้งกล้องและหน้าจอสั่งงานแบบสัมผัสเพื่อสั่งงานอัตโนมัติในบ้าน อาจต้องพบกับความยุ่งยากในการดำเนินการติดตั้ง แต่จากการวิจัยชิ้นใหม่ช่วยสร้างความหวังในการทำงานของบ้านอัจฉริยะโดยใช้เสียงสัญญาณไฟฟ้าในการทำงาน ทำให้เจ้าของบ้านไม่ต้องปวดหัวหรือเสียดายกับการทุบกำแพงเพื่อติดตั้งอุปกรณ์สั่งงาน
เทคโนโลยีใหม่นี้จะใช้การวิเคราะห์เสียง เช่นเมื่อไรก็ตามที่มีการเปิดปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน บ้านก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบด้วยการเปิดไฟ เปิดเครื่องทำความร้อน หรือเปิดเพลงในห้องนั้นๆ อย่างไรก็ตามผู้สร้างเทคโนโลยีนี้พบว่ายังมีข้อจำกัดอยู่ในปัจจุบัน เข่นเมื่อคุณเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สัมผัสกับเครื่องใช้ใดๆ บ้านก็จะไม่สั่งงานใดๆ โดยอัตโนมัติ
ที่มา : www.rssthai.com 13กันยายน 2007
-
Coca Cola พร้อมแล้วสำหรับเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำอัดลมเย็นได้ด้วยตัวเอง บริษัท Coca Cola กำลังวางแผนพัฒนาเครื่องดื่ม Sprite เวอร์ชันใหม่ที่สามารถสร้างความเย็นให้ตัวเองเพื่อเปิดฝา ทั้งนี้เครื่องดื่มดังกล่าวจะต้องเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิที่กำหนดก่อนเปิดฝา และทันทีที่ผู้บริโภคเปิดฝาขึ้นมา กลไกภายในก็จะสร้างน้ำแข็งจากเครื่องดื่ม โดยน้ำอัดลมใหม่นี้มีชื่อว่า Sprite Super Chilled และถ้าได้รับความนิยมในตลาด บริษัทก็จะส่งผ่านเทคโนโลยีนี้ไปยังเครื่องดื่มยี่ห้ออื่นๆ ของบริษัท ได้แก่ Coke, Diet Coke หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ที่ต้องการความเย็นเช่น เบียร์ เป็นต้น
-
คุยมือถือ10นาทีมีโอกาสสมองผิดปกติ!?!
นักวิทยาศาสตร์อิสราเอลชี้ การคุยโทรศัพท์มือถือต่อเนื่องนานเพียง 10 นาทีก็เพียงพอต่อการก่อตัวของเซลล์เนื้องอกในสมอง ย้ำว่าคลื่นความถื่ในโทรศัพท์มือถือล้วนมีผลรบกวนกระบวนการแบ่งเซลล์สมองไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่สูงหรือต่ำ โดยกระบวนการแบ่งเซลล์สมองที่ผิดปกตินี้เองที่จะนำไปสู่การเกิดก้อนเนื้อร้ายในอนาคต ...ผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นของกลุ่มนักวิจัยในสถาบันวิทยาศาสตร์ไวส์แมนน์ (Weizmann Institute of Science) ของอิสราเอล โดยแม้ทีมวิจัยจะไม่ได้แถลงว่าคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่มีอันตรายอย่างชัดเจน แต่การศึกษาพบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ สวนทางกับผลวิจัยของหลายสถาบันที่ยืนยันว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือไม่มีผลเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเกิดก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งในสมองแต่อย่างใด ...การศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลพบว่าคลื่นความถี่เพียงน้อยนิดก็สามารถเกิดความเสี่ยงได้ โดยทำการทดลองนำเซลล์สมองของมนุษย์และหนูมาวิจัยร่วมกับคลื่นรังสีระดับ 875 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นความถี่ย่านเดียวกับที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือหลายๆรุ่น จากการทดลองใช้คลื่นความถี่ระดับอ่อนกว่าคลื่นความถี่ในโทรศัพท์มือถือรุ่นทั่วไป คลื่นเหล่านี้เริ่มมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสัญญาณเคมีในเซลล์สมองโดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ทีมวิจัยระบุว่าสัญญาณเคมีที่ตรวจจับได้ส่งผลโดยตรงต่อการแบ่งตัวของเซลล์สมอง ที่มาhttp://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000102420
-
IBM ส่ง"โลตัสซิมโฟนี่"ใช้ฟรี หวังชนไมโครซอฟท์ออฟฟิศ หน้าเว็บเพจสำหรับดาวน์โหลดโลตัส ซิมโฟนี ไอบีเอ็มโชว์ตัวผลงานชิ้นโบแดง "IBM Lotus Symphony" ชุดโปรแกรมประมวลผลคำ คำนวณ และการนำเสนอภาพนิ่งสไตล์เดียวกับชุดโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศยอดนิยม เปิดเกมด้วยการเปิดให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์ไอบีเอ็มได้ฟรี เสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ไม่อยากเสียค่าลิขสิทธิ์โปรแกรมราคาแสนแพง ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่บีบหัวใจยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์ไม่น้อย เนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศนั้นเป็นหนึ่งในรายได้หลักที่หล่อเลี้ยงไมโครซอฟท์ให้เติบใหญ่จนถึงทุกวันนี้ โดยที่ผ่านมา โปรแกรมตระกูลโลตัสของไอบีเอ็มนั้นเป็นคู่แข่งกับโปรแกรมนานาชนิดของไมโครซอฟท์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอีเมล โปรแกรมสนทนา และโปรแกรมเพื่อการทำงานร่วมกันจากระยะไกล จริงอยู่ที่เมื่อปี 1990 ไอบีเอ็มไม่สามารถเอาชนะไมโครซอฟท์ในตลาดระบบปฏิบัติการ ส่วนในตลาดโปรแกรมงานออฟฟิศ โปรแกรม SmartSuite ของไอบีเอ็มก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น โลตัสซิมโฟนี่เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สซึ่งไอบีเอ็มพัฒนาร่วมกับทีม OpenOffice.org โดยดึงเอาซอร์สโค้ดจากบริษัท Star Division สัญชาติเยอรมันซึ่งซันไมโครซิสเต็มส์ซื้อมาเมื่อปี 1999 ก่อนจะเปิดตัวชุดซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปนาม StarOffice ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในขณะนี้ แม้ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจะไม่สามารถต่อกรกับซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟต์ได้เลย แต่รายงานระบุว่างานนี้ไอบีเอ็มทุ่มเต็มที่ โดยดึงเอาโปรแกรมเมอร์มืออาชีพกว่า 35 คนมาพัฒนาโลตัสซิมโฟนี่ ไม่หวงว่าชุดซอร์สโค้ดบางส่วนจะต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนตามกฏของโอเพ่นซอร์ส จุดนี้นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสสูงมากที่กลุ่มองค์กรธุรกิจจะให้ความสนใจ "ผลิตภัณฑ์นี้ได้ไอบีเอ็มหนุนหลัง ใช้แบรนด์ไอบีเอ็ม และรับบริการจากไอบีเอ็มโดยตรง" มีลิสซา เวบสเตอร์ (Melissa Webster) นักวิเคราะห์ของไอดีซีกล่าว "เชื่อว่านี่คือจุดเปลี่ยนของวงการโอเพ่นซอร์สในตลาดเดสก์ท็อป" โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2550 15:49 น.
-
ไอพอดทัช16GB นายอีวาย โยว ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์การตลาด บริษัท แอปเปิล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลภายใต้แบรนด์ “ไอพอด” กล่าวว่า การนำผลิตภัณฑ์ไอพอดออกตลาดเริ่มแรกจะเป็นสีดำ จากนั้นก็มีความต้องการสีสันมากขึ้น ไอพอดรุ่นใหม่ๆ จึงมีสีสันออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพราะแผนการตลาดของแอปเปิลจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และสินค้าตัวใหม่ที่ออกสู่ตลาดก็จะต้องไม่กระทบกับของเดิมที่จำหน่ายอยู่แล้ว “เรามีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาด เช่น มีการเพิ่มความจุของไอพอดให้มากขึ้น เพิ่มฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นไว-ไฟ เพิ่มไอโฟนเข้าไป ตามที่ลูกค้าเรียกร้องเพื่อสนองความต้องการตรงนี้ได้” จากการปรับกลยุทธ์ของแอปเปิลเพื่อให้ตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย จึงได้นำผลิตภัณฑ์ไอพอดใหม่ออกสู่ตลาดแบบยกเซ็ต ประกอบด้วย ไอพอดทัช ที่มาพร้อมหน้าจอที่กว้างมากถึง 3.5 นิ้ว ที่ทำให้สามารถฟังก์เพลง ดูวิดีโอ ดูภาพถ่าย พร้อมคุณสมบัติหน้าจอสัมผัสมัลติ-ทัช และการเชื่อมต่อไร้สาย ไอพอดคลาสสิก หรือที่รู้จักกันในนามไอพอดวิดีโอ ซึ่งรุ่นนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 6 ที่มีการออกแบบให้บางขึ้น และมนขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Cover Flow ที่สามารถดูคอลเลคชันเพลงโดยดูจากอาร์ตเวิร์กของอัลบั๊มนั้นๆ โดยเลื่อน Click Wheel ขึ้นลง พร้อมกับมีเกมด้วย ไอพอดนาโนที่ได้รับการพัฒนาให้ตวเครื่องสั้นลง กะทัดรัด บางเฉียบ มนขึ้น สามารถเล่นวิดีโอคลิปได้ และให้ความคมชัด และมีสันสันที่แสดงออกมาทางหน้าจอที่สดใส พร้อมกันนี้ ยังมีฟังก์ชัน Cover Flow และเกม อีกรุ่นคือไอพอดซัฟเฟิล ในสีใหม่ 4 สี คือ เทา ฟ้า เขียว ม่วง ซึ่งจุเพลงได้ถึง 4 หมื่นเพลง สำหรับไอพอดที่แอปเปิลนำออกสู่ตลาดครั้งนี้ ทุกสาขา ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.นี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์
-
อินเทลร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เปิดตัวโครงการ “ICT for Education” เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยอินเทลได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 3,000 เครื่อง ให้กระทรวงศึกษาธิการ ขยายโอกาสการเรียนแบบอี-เลิร์นนิ่งในโรงเรียน นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้มอบคอมพิวเตอร์จำนวน 3,000 เครื่อง ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการโดยแบ่งเป็น 3 งวด งวดแรกได้ส่งมอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นโน้ตบุ๊กรุ่น ClassMate จำนวน 45 เครื่อง ให้กับโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา งวดที่สองจะส่งมอบคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท้อปจำนวน 1,125 และโน้ตบุ๊กจำนวน 150 เครื่อง ในเดือนตุลาคมนี้ "จะเป็นโรงเรียนอะไรนั้นต้องรอดูอีกทีหนึ่ง สำหรับงวดสุดท้ายจะส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในปี 2551 จำนวน 1,680 เครื่อง" นายเอกรัศมิ์ กล่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นขึ้นเพราะอินเทลต้องการมีส่วนร่วมในการเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาเท่านั้น "ไม่ได้มุ่งหวังทางด้านการตลาดใดๆทั้งสิ้น ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ที่จัดโครงการแบบนี้ขึ้นและจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ" นางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ ประธานกรรมการโครงการเสริมต่อถึงเกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียนที่จะได้รับคอมพิวเตอร์ว่าโรงเรียนแห่งนั้นจะต้องมีอินเทอร์เน็ต มีความพร้อมของห้องและมีความพร้อมที่จะใช้และดูแลเครื่องได้ ส่วนเกณฑ์การประเมินของโรงเรียนที่ได้รับไปแล้วนั้น จะมองที่นักเรียนเป็นหลักว่าเด็กต้องมีศักยภาพในการเรียนรู้ มีองค์ความรู้เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง ทางด้านศาสตราจารย์ ดร. วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เห็นด้วยกับการร่วมมือกันระหว่างบริษัท อินเทลกับกระทรวงศึกษาธิการในโครงการ “ICT for Education” ครั้งนี้ เพราะเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของทางกระทรวงในการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาพื้นฐาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียน และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูเพราะเด็กสามารถเดินเข้าหาแหล่งความรู้ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา ช่วยให้เด็กไทยมีความพร้อมในการก้าวเข้าสู้สังคมองค์ความรู้ของโลกยุคปัจจุบัน สำหรับแนวทางป้องกันที่จะไม่ให้เยาวชนนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิดนั้น ศาสตราจารย์ ดร. วิจิตร กล่าวว่าครอบครัวคือส่วนสำคัญในการสอดส่องดูแล “ถ้าอยู่ในโรงเรียนผมไม่ห่วงเพราะจะมีตารางการเรียนการสอน แต่หลังจากกลับไปที่บ้านแล้วเด็กจะนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางใดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลของครอบครัวด้วย” โดย ผู้จัดการออนไลน์
-
เปิดตัวแล้ว Google Apps เวอร์ชั่นภาษาไทย
...กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว Google Apps (กูเกิลแอปส์) เวอร์ชันภาษาไทย ชู 3 จุดขายคือหนึ่งไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม เนื่องจากเป็นโปรแกรมออนไลน์ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน สองคือความสะดวกสบายในการทำงานร่วมกันของผู้ใช้หลายคนซึ่งอยู่คนละที่กัน จุดขายที่สามคือค่าใช้จ่ายแสนถูกตั้งแต่เสียเงินเล็กน้อยไปจนถึงฟรี
ดิเรก แคลโลว์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงเหตุผลการพัฒนา Google Apps เวอร์ชันภาษาไทย ว่า เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 65 % ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก แต่กูเกิลต้องการทำให้ Google Apps เป็นโซลูชันระดับนานาชาติ และในอนาคตจะมีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
"Google Apps ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อองค์กรและโรงเรียนในไทย ที่ต้องการการติดต่อสื่อสาร และแชร์ข้อมูลสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้อินเทอร์เฟซภาษาของตัวเอง โดยไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง และบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มเติม" โดยไม่ต้องลงโปรแกรม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2550
-
เปิดตัวแล้ว Google Apps เวอร์ชั่นภาษาไทย
...กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว Google Apps (กูเกิลแอปส์) เวอร์ชันภาษาไทย ชู 3 จุดขายคือหนึ่งไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม เนื่องจากเป็นโปรแกรมออนไลน์ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน สองคือความสะดวกสบายในการทำงานร่วมกันของผู้ใช้หลายคนซึ่งอยู่คนละที่กัน จุดขายที่สามคือค่าใช้จ่ายแสนถูกตั้งแต่เสียเงินเล็กน้อยไปจนถึงฟรี
ดิเรก แคลโลว์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงเหตุผลการพัฒนา Google Apps เวอร์ชันภาษาไทย ว่า เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 65 % ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก แต่กูเกิลต้องการทำให้ Google Apps เป็นโซลูชันระดับนานาชาติ และในอนาคตจะมีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
"Google Apps ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อองค์กรและโรงเรียนในไทย ที่ต้องการการติดต่อสื่อสาร และแชร์ข้อมูลสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้อินเทอร์เฟซภาษาของตัวเอง โดยไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง และบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มเติม" โดยไม่ต้องลงโปรแกรม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2550
-
กระทรวงศึกษาดึง Google Apps แก้ความรุนแรงในเด็ก
กระทรวงศึกษาธิการประเดิมดึงกูเกิลแอปส์ (Google Apps) ประกอบยุทธศาสตร์ดึงผู้ปกครองมาร่วมแก้ปัญหานักเรียน-นักศึกษาใช้ความรุนแรง นำร่องในกลุ่มโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน โรงเรียนเอกชนและรัฐที่มีศักยภาพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 450 โรงเรียน ให้หันมาใช้กูเกิลแอปส์ในการสื่อสารกับผู้ปกครองเพื่อการรับรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ.มียุทธศาสตร์ดึงผู้ปกครองมาร่วมแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาใช้ความรุนแรง ผ่านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สื่อสารกับผู้ปกครองรับรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน หรือสิ่งที่ผู้ปกครองควรเข้าใจ เช่น ความปลอดภัยการใช้อินเทอร์เน็ต การสื่อสารกับวัยรุ่น การสร้างความอบอุ่นในครอบครัว "เราจะร่วมมือกับผู้แทน Google ประจำประเทศไทย ทดลองให้กลุ่มโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน โรงเรียนเอกชนและรัฐที่มีศักยภาพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 450 โรงเรียน ในโปรแกรมใหม่พัฒนาโดยบริษัท Google เรียกชื่อ Google Apps ซึ่งโรงเรียนจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ มีพื้นที่เก็บข้อมูลให้ 2 กิกะไบต์ต่อผู้ใช้ 1 คน ให้ผู้ปกครองนักเรียนทุกคนใช้ติดต่อสนทนาออนไลน์ จัดปฎิทินโรงเรียน ส่งข้อความ เชิญประชุม ความเคลื่อนไหวของโรงเรียน" นางจรวยพรระบุว่า สำนักงานปลัดกระทรวงฯจะวางแผนร่วมกับบริษัท Google เพื่อวางยุทธศาสตร์หลักการสื่อสารของโรงเรียนถึงผู้ปกครอง เนื่องจากพบว่าผู้ปกครองไทย ไม่ค่อยมีเวลาร่วมประชุมกับโรงเรียน แต่ต้องการคำแนะนำบุตรหลาน คาดว่าโครงการนี้จะแก้ปัญหาได้ทันสมัยทันเหตุการณ์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2550 17:04 น.
-
ไอพอดทัช16GBสนนราคา16,690 คลาสิก160GBเคาะที่14,990บาท
แอปเปิลเปิดตัวไอพอดรุ่นล่าสุดในประเทศไทย ไอพอดทัชรุ่น 16GB สนนราคา 16,700 บาท รุ่นความจุ 8GB ราคา 12,990 บาท ส่วนไอพอดคลาสิกความจุสะใจ 160GB เคาะที่ 14,990 บาท เทียบกับรุ่น 80GB ติดป้ายราคาไว้ที่ 10,790 บาท กำหนดการวางจำหน่ายคือปลายเดือนกันยายนนี้ ปรับกลยุทธ์แบรนด์ไอพอด นายอีวาย โยว ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์การตลาด บริษัท แอปเปิล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลภายใต้แบรนด์ “ไอพอด” กล่าวว่า การนำผลิตภัณฑ์ไอพอดออกตลาดเริ่มแรกจะเป็นสีดำ จากนั้นก็มีความต้องการสีสันมากขึ้น ไอพอดรุ่นใหม่ๆ จึงมีสีสันออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพราะแผนการตลาดของแอปเปิลจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และสินค้าตัวใหม่ที่ออกสู่ตลาดก็จะต้องไม่กระทบกับของเดิมที่จำหน่ายอยู่แล้ว “เรามีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาด เช่น มีการเพิ่มความจุของไอพอดให้มากขึ้น เพิ่มฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นไว-ไฟ เพิ่มไอโฟนเข้าไป ตามที่ลูกค้าเรียกร้องเพื่อสนองความต้องการตรงนี้ได้” จากการปรับกลยุทธ์ของแอปเปิลเพื่อให้ตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย จึงได้นำผลิตภัณฑ์ไอพอดใหม่ออกสู่ตลาดแบบยกเซ็ต ประกอบด้วย ไอพอดทัช ที่มาพร้อมหน้าจอที่กว้างมากถึง 3.5 นิ้ว ที่ทำให้สามารถฟังก์เพลง ดูวิดีโอ ดูภาพถ่าย พร้อมคุณสมบัติหน้าจอสัมผัสมัลติ-ทัช และการเชื่อมต่อไร้สาย ไอพอดคลาสสิก หรือที่รู้จักกันในนามไอพอดวิดีโอ ซึ่งรุ่นนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 6 ที่มีการออกแบบให้บางขึ้น และมนขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Cover Flow ที่สามารถดูคอลเลคชันเพลงโดยดูจากอาร์ตเวิร์กของอัลบั๊มนั้นๆ โดยเลื่อน Click Wheel ขึ้นลง พร้อมกับมีเกมด้วย ไอพอดนาโนที่ได้รับการพัฒนาให้ตวเครื่องสั้นลง กะทัดรัด บางเฉียบ มนขึ้น สามารถเล่นวิดีโอคลิปได้ และให้ความคมชัด และมีสันสันที่แสดงออกมาทางหน้าจอที่สดใส พร้อมกันนี้ ยังมีฟังก์ชัน Cover Flow และเกม อีกรุ่นคือไอพอดซัฟเฟิล ในสีใหม่ 4 สี คือ เทา ฟ้า เขียว ม่วง ซึ่งจุเพลงได้ถึง 4 หมื่นเพลง สำหรับไอพอดที่แอปเปิลนำออกสู่ตลาดครั้งนี้ จะครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับล่าง กลาง และบน โดยเริ่มต้นที่ไอพอดชัฟเฟิลราคา 3,990 บาท ไอพอดนาโนราคาเริ่มต้นที่ 6,490-8,690 บาท ไอพอดคลาสิกราคาตั้งแต่ 10,790-14,990 บาท ขณะที่ไอพอดทัชราคาระหว่าง 12,990-16,690 บาท ทุกราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว วางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายของแอปเปิลทุกสาขา ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.นี้ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2550 11:01 น.
-
บราเดอร์ออกเครื่องพิมพ์ฉลากเวอร์ชันไทย
บราเดอร์เปิดตัวเครื่องพิมพ์ฉลายอเนกประสงค์ พี-ทัช รุ่นพีที-1280 ทีเอช ที่พิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เจาะกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านและออฟฟิศ นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) กล่าวว่า บราเดอร์ได้นำเครื่องพิมพ์ฉลากอเนกประสงค์พี-ทัช รุ่นพีที-1280 ทีเอชออกสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถจัดระเบียบงานพิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองการใช้งานฉลากทุกประเภทในที่ทำงาน เนื่องจากใช้งานง่าย สามารถสร้างสรรค์ฉลากได้อย่างมืออาชีพ สามารถเลือกรูปแบบของฉลากได้ทั้งหมด 9 ประเภท รวมไปถึงรูปแบบตัวอักษรสำหรับฉลากที่ใช้สำหรับติดกระจก การขีดเส้นใต้ และการพิมพ์ข้อมความ 2 บรรทัด พีที-1280 ทีเอชใช้กับเทปทีแซดซึ่งเป็นเทปลิขสิทธิ์เฉพาะบราเดอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานอย่างทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วน สามารถทนต่อการขัดถูด้วยความรุนแรง ทนต่อสารเคมี แสงแดด น้ำ ความร้อนความเย็น มีระยะเวลาใช้ต่อเนื่องยาวนาน ผลิตภัณฑ์ที่บราเดอร์เปิดตัวครั้งนี้จะขายในราคา 2,190 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ออฟฟิศ 90% และผู้ใช้ตามบ้าน 10% ด้านการตลาดบราเดอร์จะเน้นการจัดโรดโชว์อย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดกิจกรรม จัดสัมมนา ทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่เป็นแมกาซีนให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ นายสมชัยกล่าวถึงการแข่งขันในตลาดเครื่องพิมพ์ฉลากว่า คู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้มีประมาณ 3 ราย แต่สินค้าของบราเดอร์มีส่วนแบ่งตลาดในไทยมากกว่า 50% ขณะที่ตลาดทั่วโลกมีประมาณ 50%ในเรื่องของการแข่งขันบราเดอร์ต้องการใช้มีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้น เพราะจะได้ช่วยกันกระตุ้นตลาดให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าประเภทเครื่องพิมพ์ฉลากมากขึ้น “โดยหลักต้องให้มีการแข่งขันให้มาก เพราะถ้าแข่งมากคนก็รู้จักมาก” ส่วนรายได้จากการขายเครื่องพิมพ์ฉลากคิดเป็น 5% ของการขายสินค้าต่างๆ ของบราเดอร์ หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ถึง 50 ล้านบาท จากยอดขายรวมทั้งหมด ซึ่งยังถือว่าเล็กมาก จึงต้องมีการพัฒนาทั้งสินค้า การให้ความรู้กับตลาด และกระตุ้นตลาดในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 สิงหาคม 2550 13:14 น.
-
'กูเกิ้ล เอิร์ธ'เปิดให้บริการชมภาพถ่ายจักรวาล กูเกิ้ล'เปิดบริการใหม่ สามารถดาวโหลดภาพจักรวาลดูได้ เป็นแรงกระตุ้นให้คนสนใจจักรวาลมากขึ้น สเตฟาน กูเชล โฆษกของ"กูเกิ้ล" จากสำนักงานในนครฮัมบรู๊คของเนอรมนีแถลงว่า กูเกิ้ลได้เปิดให้บริการใหม่ ในส่วนที่มีชื่อว่า"สกาย" หรือ"ท้องฟ้า" โดย"สกาย" รวมอยู่ในเวอร์ชั่น 4.2 ของกูเกิ้ล เอิร์ธ ซึ่งสามารถดาวโหลดได้ฟรีจากเว๊ปไซต์ http://earth.google.com. เพื่อที่ผู้เข้าใช้บริการจะใช้"เมาส์"ท่องไปในแกแลกซี่ เพื่อชมภาพกลุ่มดาว,ภาพดาวเคราะห์ และเนบูล่าต่างๆ โดยสามารถชมได้ทั้งรูปภาพ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับขนาด ตำแหน่งและวงโคจร ภาพในอวกาศเหล่านี้ได้มาจากหน่วยงานวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น สถาบันวิทยาศาสตร์กล้องโทรทรรศน์อวกาศของบัลติมอร์ และคุณยังสามารถชมภาพ 129 ภาพที่ตามปกติมีแต่นักบินอวกาศที่ได้ดู ผ่านทางกล้องโทรทรรศน์อวกาศ" ฮับเบิ้ล" ขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า ฯลฯ โฆษกของกูเกิ้ลบอกด้วยว่า คาดหวังให้มีความเคลื่อนแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้บริการและว่าการได้เห็นภาพเหล่านี้ทางอินเตอร์เน็ต จะเป็นแรงกระตุ้นให้คนหันมาสนใจจักรวาลมากยิ่งขึ้น กรุงเทพธุรกิจออนไลน์: 2 กันยายน พ.ศ. 2550 22:39:00'
-
Microsoft เตรียมพร้อมสำหรับ Windows Vista SP1 Microsoft ได้ปล่อย Windows Vista SP1 เวอร์ชันเบต้าให้แก่ผู้ทดสอบเฉพาะกลุ่ม นั่นแสดงให้เห็นว่าเวอร์ชันอย่างเป็นทางการอาจจะออกมาในไม่ช้า บางทีอาจเป็นไตรมาศแรกของปีหน้า ซึ่งเวอร์ชันเบต้านี้จะส่งให้ผู้ให้ประมาณ 10,000 ถึง 15,000 ได้ทดสอบ ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น หน้าตาอินเทอร์เฟซที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รวมถึงประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ผู้ทดสอบรายหนึ่งแจ้งว่า การกลับสู่สภาวะพร้อมทำงานจากภาวะไฮเบอร์เนท รวมถึงการกอปปี้ไฟล์จากไดเรกทอรีหนึ่งไปยังไดเรกทอรีอื่นทำได้เร็วขึ้น และยังประหยัดพลังงานแบตเตอรี่สำหรับโน้ตบุคด้วย Microsoft ได้แจ้งด้วยว่า SP1 จะมาพร้อม Internet Explorer 7 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานแล้ว โดยเฉพาะกับเว็บไซต์ที่รัน AJAX ทั้งนี้ SP1 จะถูกกระจายไปยังผู้ใช้ผ่านทาง Windows Update และผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กรก็สามารถเลือกใช้ SP1 เวอร์ชันสแตนด์อโลนได้ด้วย ที่มา : http://www.arip.co.th
-
เอสเอพีตั้งภัทรลุยเจาะตลาดทั้งใหญ่เล็ก เอสเอพีตั้ง ภัทร ยงวณิชย์ เป็นเอ็มดีคนใหม่ของบริษัท โดยดูแลและรับผิดชอบการดำเนินงานของเอสเอพีและวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจของเอสเอพีในตลาดไทย บริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) ประกาศแต่งตั้งนายภัทร ยงวณิชย์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของบริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) จำกัด โดยดูแลและรับผิดชอบการดำเนินงานของเอสเอพีและวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจของเอสเอพีในตลาดไทยซึ่งเป็นตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่งและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งหนึ่งในผู้บริหารอาวุโสระดับภูมิภาค ซึ่งมีหน้าที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการเติบโตของเอสเอพีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และสร้างความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย
นายภัทรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจและเทคโนโลยีระดับอาวุโส มีประสบการณ์ทางด้านการกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาและวางระบบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีระดับองค์กร ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจให้แก่องค์กรต่างๆ รวมทั้งมีความรู้ความชำนาญทางด้านการพัฒนาหลักธรรมาธิบาลระดับสากลและการวางทิศทางในเชิงกลยุทธ์
นายภัทร ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ของบริษัท เอสเอพี ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลและขยายธุรกิจของเอสเอพีในประเทศไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เอสเอพีในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ชั้นนำแก่ธุรกิจทุกแขนง เอสเอพีได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการให้บริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้ามีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นและได้รับความคุ้มค่าสูงสุด ภายใต้ปณิธานที่มุ่งเสริมสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้า”
ตลอดระยะเวลาที่ได้ร่วมงานกับเอสเอพี นายภัทรดำรงตำแหน่งผู้บริหารหลากหลายตำแหน่งทั้งทางด้านการพัฒนา การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ การให้บริการ ณ สถานที่ทำการของลูกค้า และการบริหารการขายในภูมิภาคอเมริกา เอเชีย แปซิฟิก และญี่ปุ่น โดยล่าสุด ดำรงตำแหน่งรองประธานด้านการบริหารงานลูกค้าระดับโลก ประจำภูมิภาคตะวันตก บริษัท เอสเอพี สหรัฐอเมริกา ซึ่งดูแลและรับผิดชอบในการบริหารงานลูกค้าระดับโลก รวมทั้งการบริหารโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดระดับภูมิภาคสำหรับลูกค้ารายใหญ่สุดในภูมิภาคดังกล่าว อาทิ เชฟรอน ฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด อินเทล ไมโครซอฟท์ และไนกี้
นายภัทรสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ และปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล และปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ที่มา http://technology.msnth2.com/article.asp?id=6188
-
อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ขอบีโอไอกว่า 200% อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เฟื่อง เพียง 7 เดือนแรก แห่ลงทุนเฉียด 600 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 200% อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เฟื่อง เพียง 7 เดือนแรก แห่ลงทุนเฉียด 600 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 200% โดยมีบริษัทรายใหญ่จากอเมริกาลงทุนกว่า 90 ล้านบาท ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจการเงิน ด้านบริษัทคนไทยไม่น้อยหน้า กันตนาฯ ทุ่ม 60 ล้านบาท เดินหน้าผลิตงานแอนิเมชั่น หลัง “ก้านกล้วย” ได้รับการตอบรับดีเยี่ยม นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.50) มีกิจการซอฟต์แวร์ที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 69 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 592.3 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 244 ที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 172 ล้านบาท จากโครงการที่ได้รับส่งเสริม 34 โครงการ
“กิจการซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่บีโอไอต้องการเน้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นกิจการที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ระหว่างบีโอไอกับเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งประเทศไทย (ซอฟต์แวร์ปาร์ค) ที่ร่วมมือกันส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ นอกจากนั้น บีโอไอก็ยังมีแนวทางที่จะพัฒนาสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทซอฟต์แวร์ไทยกับต่างประเทศ เช่น อินเดีย เป็นต้น” นายสาธิต กล่าว
สำหรับกิจการซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญและได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ได้แก่ บริษัท ดี เอส ที อินเตอร์เนชั่นแนล (กรุงเทพ) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 92.2 ล้านบาท เป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์ตามความต้องการของลูกค้า (Customized Solution) คาดว่าจะมีการจ้างพนักงานไทยกว่า 800 คน บริษัท ดี เอส ที อินเตอร์เนชั่นแนล (กรุงเทพ) จำกัด เป็นบริษัทลูกของ DST International แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งมานานกว่า 25 ปี ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ทางด้าน Investment Management และ Business process management software solution ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ทั่วโลกกว่า 19 แห่ง มีลูกค้าที่ใช้บริการและซอฟต์แวร์ของบริษัทฯ กว่า 700 ราย ใน 55 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ของบริษัทฯ จะเป็น Application ที่ใช้ในธุรกิจการเงินการลงทุน และลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ธนาคาร และสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้ให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการของบริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด ซึ่งลงทุนในกิจการผลิตซอฟต์แวร์ประเภท Digital Content และ Embedded มูลค่าเงินลงทุน 60 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงาน 92 คน โดยในช่วงแรกจะเน้นพัฒนางานในกลุ่ม Animation เป็นหลัก และมีโครงการที่จะปรับแปรเนื้อหาของงาน Animation ออกมาเป็น Digital content ในกลุ่มงานอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยการลงทุนครั้งนี้เป็นผลมาจากการได้รับความสำเร็จมาจากการพัฒนาและผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “ก้านกล้วย” ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=6067&art=product
-
ซอฟต์แวร์พาร์คทุ่มแหลกเพื่อเทคโนโลยี 2.0 ซอฟต์แวร์พาร์คปรับแผนครั้งใหญ่ เร่งสร้างคนรองรับเว็บ 2.0 หวังเกิดนักพัฒนาหัวกะทิกว่า 4,000 คน ปลุกกระแสซอฟต์แวร์ไทยเพื่อคนไทย จับมือภาคอุตสาหกรรมหลักพร้อมลงขันช่วยเงินผลิตซอฟต์แวร์ให้ใช้ คาดเห็นผลใน 3 ปี สร้างความต่างระดับประเทศเป็นจุดขายใหม่ ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งประเทศไทย หรือซอฟต์แวร์พาร์ค เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารของซอฟต์แวร์พาร์คว่า ที่ประชุมมีมติปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหญ่ขององค์กรใหม่ เพื่อรองรับการแข่งขันและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น โดยเรียกยุทธศาสตร์ใหม่นี้ว่า “ซอฟต์แวร์พาร์ค 2.0” เนื่องจากสถานการณ์ของโลกซอฟต์แวร์ได้เปลี่ยนไป คณะกรรมการฯ จึงมีมติปรับยุทธศาสตร์ใน 3 ปีให้เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งคณะกรรมการมีมติจัดสรรงบประมาณรับยุทธศาสตร์ใหม่ให้กับซอฟต์แวร์พาร์คเพื่อจัดการเรื่องนี้ 333 ล้านบาท
“หน้าที่หลักของซอฟต์แวร์พาร์คคือ ลงไปเป็นตัวกระตุ้น ไม่ใช่การสร้างนโยบายที่สวยหรูอย่างเดียว เพื่อให้เกิดกิจกรรม และวัดผลได้จากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่นำซอฟต์แวร์จากโครงการนี้ไปใช้” ดร.ศักรินทร์ กล่าว
นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย เปิดเผยว่า แผนธุรกิจหลัก 3 ปี หรือโครงการ “ซอฟต์แวร์พาร์ค 2.0” ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารนั้น ทางซอฟต์แวร์พาร์คจะดำเนินการ 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. จะมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดบุคลากรในวงการซอฟต์แวร์ของไทยให้มีความเชี่ยวชาญในส่วนที่ประเทศไทยยังขาดแคลนโดยเฉพาะเทคโนโลยีระดับบน ซอฟต์แวร์พาร์ควางเป้าหมายที่จะเร่งอบรมนักพัฒนาซอฟต์แวร์จำนวน 4,000 คน หรือประมาณ 10% ของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศ ให้มีความสามารถในการออกแบบซอฟต์แวร์ หรือ software design รวมถึงเป็น Software engineering ได้
เป้าหมายนี้จะเร่งสร้างให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในกลุ่มเป้าหมายให้สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ เช่น เว็บ 2.0, SOA หรือ Service Oriented Architecture และอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ สามารถทำงานข้ามระบบหรือแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ รวมถึงใช้กับเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปได้โดยไม่สนใจว่าจะเป็นของค่ายหรือแบรนด์ใด ขณะที่นักพัฒนาของไทยมีจำนวนน้อยมากที่เข้าไปศึกษาเทคโนโลยีนี้ ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนักพัฒนาด้วยกันเอง
แผนงานหลักของซอฟต์แวร์พาร์คในครั้งนี้จะทำงานร่วมกันทั้งระบบ โดยจะเริ่มจากการนำภาคอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ มาเป็นตัวตั้งและนำเสนอความต้องการใช้งาน หลังจากนั้นจะประสานบริษัทซอฟต์แวร์ที่ต้องการทำงานร่วม และเข้าไปฝึกฝนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริษัทซอฟต์แวร์ให้มีความสามารถในการรองรับงานได้ ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมก็จะได้ซอฟต์แวร์ที่ดีไปใช้งาน ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มจำนวนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีฝีมือระดับสูงมากขึ้น และจะมีซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพตามมา
ตัวเร่งปฏิกิริยาที่เกิดในโครงการนี้คือ ซอฟต์แวร์พาร์คจะมีเงินสนับสนุนโครงการบางส่วน เป็นการ subsidize ทั้งส่วนของภาคอุตสาหกรรมและในส่วนของบริษัทซอฟต์แวร์ โดยจะใช้เงินประมาณ 30 กว่าล้านบาทสำหรับค่ายกความสามารถของคนในวงการครั้งนี้
โครงการนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทย โดยซอฟต์แวร์พาร์คเห็นว่าการจะให้ไทยเป็นเพียงประเทศที่เอ้าท์ซอร์ส หรือรับงานเขียนโปรแกรมจากต่างประเทศเหมือนอินเดีย จีน หรือเวียดนาม นั้น ไทยคงจะสู้เรื่องค่าแรงและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเช่นนั้นไม่ได้ แต่ถ้าสร้างส่วนยอดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มากขึ้น รองรับเทคโนโลยีใหม่ โอกาสชนะของไทยจะมีมากกว่า
เรื่องหลักประการที่สอง คือ ซอฟต์แวร์พาร์คจะเข้าไปสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทซอฟต์แวร์ในประเทศ โดยซอฟต์แวร์พาร์คจะใช้จุดแข็งที่องค์กรมีอยู่ในด้านเครือข่ายธุรกิจ แล้วสร้างโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆ และเสริมจุดแข็งทางด้านการตลาด แผนธุรกิจ รวมถึงการเป็นศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจให้กับบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้สามารถขายซอฟต์แวร์ได้ทั้งในและต่างประเทศ
“หลักก็คือ การสร้างความสามารถทางด้านการแข่งขันทุกด้านให้กับบริษัทซอฟต์แวร์ไทยทั้งหลาย ด้วยแคมเปญที่หลากหลาย”
แผนที่สามคือ การเร่งสร้างโครงการพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยซอฟต์แวร์พาร์คจะเข้าไปทำงานกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งกลุ่มหลักที่เป็นเป้าหมายแรกก็คือ กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มีความต้องการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจของตนเองอย่างมาก ซึ่งซอฟต์แวร์พาร์คได้กำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ ที่จะต้องเข้าไปเสริมอย่างเร่งด่วนคือ กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, อาหารและการเกษตร, การแพทย์และการสาธารณสุข, ซอฟต์แวร์ไมโครชิป อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์และการขนส่ง, พลังงานและสิ่งแวดล้อม, เซรามิกส์, สิ่งทอและเคมีภัณฑ์
ซอฟต์แวร์ของคนไทยที่จะลงไปในอุตสาหกรรมของคนไทยด้วยกัน จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของทั้งสองส่วน เป็นการลดภาระการพึ่งพาซอฟต์แวร์ต่างประเทศให้น้อยลง เป็นการเปิดตลาดใหม่ให้เกิดขึ้น
นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ในฐานะคณะกรรมการบริหารซอฟต์แวร์พาร์ค เปิดเผยว่า แผนในโครงการ “ซอฟต์แวร์พาร์ค 2.0” จะเชื่อมร้อยกันทั้งหมด แม้ภาพรวมจะยังมองไม่เห็นว่าสถานะผู้ผลิตทางเทคโนโลยีของไทยจะอยู่ในอันดับเท่าไรในโลก แต่คาดว่าเมื่อเร่งทำโครงการนี้ให้เสร็จ โอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นจนทำให้ซอฟต์แวร์ของไทยได้รับใช้คนไทย และขึ้นอันดับโลกได้ไม่ยาก ที่มาhttp://technology.msnth2.com/article.asp?id=6070&art=product
-
แบตเตอรี่ให้พลังไฟยาวนาน 30 ปี แบตเตอรี่ให้พลังไฟยาวนาน 30 ปี คุณอาจเคยใฝ่ฝันถึงแบตเตอรีสำหรับโน้ตบุคที่ไม่มีวันหมดไฟหรือเปล่า วันนี้อาจเป็นไปไม่ได้ แต่ในอนาคตอันใกล้ก็อาจใกล้ความจริงเข้ามา ด้วยเทคโนโลยีเซลแบตเตอรีพลังงานเบต้าโวลทาอิกใหม่ (betavoltaic) ซึ่งสามารถให้พลังงานได้ยาวนานถึง 30 ปีต่อการชาร์ตไฟหนึ่งครั้ง ที่จริงแล้วเบต้าโวลทาอิกที่ให้กำเนิดพลังงานเมื่ออิเล็กทรอนชนกับหน้าสัมผัสระหว่างชั้นของวัสดุ 2 ชั้น ทำให้เกิดการปลดปล่อยอิเล็กทรอนเบต้าที่เกิดขึ้นเมื่อนิวตรอนสลายอนุภาครังสีเข้าไปในโปรตอนเป็นเหตุให้เกิดการถ่ายทอดพลังงานในเซมิคอนดักเตอร์ กระบวนการเหล่านี้ทำให้เซลเบต้าโวลทาอิกให้พลังงานได้คล้ายคลึงกับเซลโฟโต้โวลทาอิกหรือเซลแสงอาทิตย์ ที่อิเล็กตรอนกระจัดกระจายออกนอกวงโคจรในเซมิตคอนดักเตอร์เข้าสู่วงจรไฟฟ้าทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า เซลชนิดใหม่นี้ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบและไม่เป็นพิษภัย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ที่มา : http://www.rssthai.com/
|
|
<< Home |
|
|
|
|
About Me |

Name: Dr.Supit
Home: Bangkok, Thailand
About Me: I am an Educating Educator!
See my complete profile
|
Previous Post |
|
Archives |
|
Links |
|
Powered by |
 |
|
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนคิดค้นกระดาษพูดได้
กระดาษดิจิตอลสามารถพูดกับผู้ชมได้ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Mid Sweden ได้สร้างแผ่นป้ายกระดาษที่สามารถติดต่อกับผู้ใช้ได้โดยจะส่งเสียงที่บันทึกไว้เพื่อผู้ใช้สัมผัสที่แผ่นป้าย
แผ่นป้ายต้นแบบจะใช้หมึกที่เหนี่ยวนำไฟฟ้า ซึ่งไวต่อแรงดัน ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการโฆษณาในอนาคต หรือแม้แต่นำไปใช้เป็นกล่องบรรจุสินค้าเพื่อให้ข้อมูลผู้บริโภคได้ด้วย
ตัวอย่างต้นแบบที่จัดแสดงเป็นการนำไปใช้ส่งเสริมการตลาดสำหรับการท่องเที่ยวในวันหยุด โดยMikael Gulliksson หัวหน้าโครงการวิจัยบอกกับสำนักข่าว BBC ว่า "เมื่อคุณเข้าใกล้บิลบอร์ดและวางมือลงบนโปสการ์ดที่แสดงภาพชายหาด คุณจะได้ยินเสียงคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับชายหาดนั้นๆ"
จุดสำคัญที่ทำให้บิลบอร์ดสามารถทำงานลักษณะนี้ได้ คือชั้นของกระดาษดิจิตอลที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยพิมพ์ด้วยหมึกเหนี่ยวนำ เมื่อมีการสัมผัสทำให้เกิดแรงดัน และทำให้เกิดการส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ที่เก็บไฟล์เสียงที่บันทึกไว้แล้ว จากนั้นก็จะมีเสียงออกมาทางลำโพงที่พิมพ์บนกระดาษ ซึ่งสร้างขึ้นจากหมึกเหนี่ยวนำหลายๆ ชั้นโดยมีช่องว่างระหว่างกัน ทำให้เกิดเป็นไดอะแฟรมเหมือนในลำโพงจริง
โครงการต้นแบบนี้สามารถนำไปใช้สำหรับโฆษณาสินค้าในร้านค้าและในการนำเสนอข้อมูลทางการตลาดอื่นๆ ได้ และในอนาคต ทีมนักวิจัยมีแผนที่จะลดขนาดเทคโนโลยีนี้ลง เพื่อนำไปใช้ในบรรจุภัณฑ์ของสินค้า
ที่มา: BBC
http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=6&ofsy=2007&id=406455